วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

"ความจริงที่เห็น-ใช่ความจริงที่เป็น?"เมื่อ 19 เม.ย.56


"ความจริงที่เห็น-ใช่ความจริงที่เป็น?"



เห็นใจสหรัฐนะครับ ระเบิดที่บอสตันหยกๆ เมื่อวาน (๑๘ เม.ย.๕๖) โรงงานปุ๋ยที่เทกซัสก็ระเบิดอีก ได้ฤกษ์เสาร์เช็กบิลแล้วกระมัง พลิกดูสถิติแล้วก็แปลก สหรัฐกับไทยมีอะไรๆ คล้ายกันบางอย่าง อีกคนปวดท้อง ซักพัก...อีกคนก็ปวดเหมือนๆ กัน คอยดูเอาเถอะ ภายใต้กรอบ "ตำรวจ-พระ-ไฟ" ใครทำกรรมอย่างใดไว้ กรรมนั้นน่าจะถึงคราวคืนสนอง และนี่แค่ "ออกแขก" ของจริงจะตามมา...มิช้าหรอก!
    วันนี้ (๑๙ เม.ย.) เสียดาย ๒ ทุ่มศาลโลกถึงจะเปิด ไทยโพสต์ขายแต่หนังสือพิมพ์ (ตัวก็ขาย รอคนซื้อน่ะ) อย่างเดียว ไม่ได้ขายทางเว็บ ทางอินเทอร์เน็ต ทางดาวเทียมอะไรกับเขา ฉะนั้น ต้องพิมพ์ให้ทันเวลาส่งทั่วประเทศ และส่งสมาชิก ก็เลยต้องเขียนก่อนได้ดูโทรทัศน์ว่า...เมื่อคืน
    "นายฮอร์ นัมฮง" แก้ตัว หรือ แก้ผ้า!?
    แต่อยากบอกว่า "ทีมไทย" นำโดยท่านทูตวีรชัย พลาศรัย กลายเป็นพระเอกมหาชนคนไทยไปชั่วข้ามคืน รวมทั้ง ศ.โดนัลด์ เอ็ม แมคเรย์ ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด และ ศ.อแลง แปลเลต์ แต่ที่ฝังอยู่ในหัวจิต-หัวใจคนไทยทั้งหลับและตื่นเป็นพิเศษคือ..........
    น.ส.อลินา มิรอง ทนายผู้ช่วย ศ.อแลง แปลเลต์ เธอเป็นสีสันของประเทศไทยที่ศาลโลกอันยากจะหาใดเหมือน ถือเป็นทีเด็ดที่ท่านทูตวีรชัยคัดมาแอบซุ่มซ้อมไว้ ๓-๔ ปีทีเดียว เธอเป็นโรมาเนียน เป็นทนายผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่โดยเฉพาะ
    ฮอร์ นัมฮง เข้าใจว่า "จุดตาย" ของไทยอยู่ตรงแผนที่ภาคผนวก ๑ ดังนั้น ในการร้องขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี ๒๕๐๕ จึงลากโยงแผนที่ภาคผนวก ๑ เข้ามาด้วย 
    ทั้งที่ ในคำพิพากษาปี ๐๕ ศาลตัดประเด็นแผนที่มาตราส่วน ๑:๒๐๐,๐๐๐ นี้ ออกไป ไม่นำมาใช้ในการตัดสิน! 
    คือเรื่องแผนที่-เรื่องเส้นเขตแดน ศาลไม่นำขึ้นพิจารณา ไม่พิพากษาชี้ขาด เพราะนั่น...ไม่ใช่เรื่องกฎหมาย ศาลจึงไม่มีทั้งอำนาจและหน้าที่จะทำได้ บอกแต่เพียงว่า "ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตเขมร" เท่านั้น
    และ ๑ ใน ๓ ข้อ ของคำพิพากษาที่ไทยต้องปฏิบัติ ข้อ ๒ ความว่า....ไทยต้องถอนกำลังทหารหรือตำรวจ หรือผู้เฝ้ารักษาการซึ่งไทยส่งไปประจำที่ปราสาทพระวิหาร หรือในบริเวณใกล้เคียงปราสาท!
    เขมรก็เลยทึกทักเอาว่า "พื้นที่รอบปราสาท ๔.๖ ตารางกิโลเมตรของไทย" เป็นพื้นที่อยู่ในแผนที่ภาคผนวก ๑ คือแผนที่มาตราส่วน ๑:๒๐๐,๐๐๐ ด้วย
     ทึกทักเพราะว่า ศาลโลกเคยใช้แผนที่นี้ประกอบการพิจารณาจนเขาได้ปราสาทพระวิหารไปแล้ว ก็ย่ามใจ นึกว่าใช้เป็นหลักฐานมัดไทยได้อีก จึงเอามาอ้างในการขอตีความ หวังเคลมเอา "พื้นที่ ๔.๖ ตร.กม." โดยพยายามตีขลุมจากคำว่า "บริเวณใกล้เคียงปราสาท" ก็คือพื้นที่ ๔.๖ ตร.กม.นี้!
    เนี่ย..ย่อๆ มันเป็นอย่างนี้ ท่านทูตวีรชัยจึง "ดักทางมวย" ว่า เขมรต้องยกแผนที่มาตราส่วน ๑:๒๐๐,๐๐๐ มามั่วอีกแน่ และก็จริงซะด้วย 
    ท่านจึงเค้นหามือปราบ "สวยแต่เจ็บ" คนนี้มา โดยมอบหมายให้คุณอลินา มิรอง ทำการบ้านเรื่องแผนที่ไว้ดักตีหัวโดยเฉพาะ ใช้เวลา ๓-๔ ปี ค้นเอกสารทั้งโลก ค้นคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารทั้งหมด ที่เธอว่า ๑,๕๐๐ หน้า.........
    "ไม่ปรากฏบันทึกใดที่เป็นการรับรองแผนที่ภาคผนวก ๑ รวมทั้งในคำพิพากษาในปี ๐๕ .........ถ้านำแผนที่เก่าของกัมพูชามาวางบนแผนที่ปัจจุบัน จะพบว่าไม่มีความแม่นยำ แต่ไม่ทราบว่า มีการนำแผนที่มาสับเปลี่ยนกันหรือไม่......."
    นี่...อลินา มิรอง เธอปอกเปลือกเขมรจนล่อนจ้อน ดังที่ฟังจนซี้ดปากกันไปแล้ววันก่อน!
    ที่ท่านทูตวีรชัย แถลงต่อศาลว่า "เขมรปลอมแปลงตกแต่งขึ้นมาเอง" คำขยายความตรงนี้ก็คือ แผนที่ภาคผนวก ๑ ที่เขมรใช้อ้างในศาลปี ๐๕ กับแผนที่ภาคผนวก ๑ ที่เขมร โดยนายฮอร์ นัมฮง นำมายื่นต่อศาลเพื่อขอตีความครั้งนี้ 
    เป็น "คนละฉบับ" กันเลย!
    ฉบับที่เอามาอ้างขอตีความ พิสูจน์แล้ว "ปลอมแปลง" โดยเอาแผนที่ ๒ ฉบับมาซ้อนทับกัน แล้วขีดเส้น เพื่อให้ได้พื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรปรากฏอยู่ในแผนที่ฉบับปลอมแปลงนี้!!
    ดูซี...ดู "ญาติแม้ว" มันทำ!
    เพราะเขมรปลอมแปลงทั้งเอกสาร-ทั้งแผนที่ "แหกตาศาลโลก" อย่างนี้แหละ เมื่อทีมไทยชี้ให้เห็นชัดๆ จึงเป็นแรงจูงใจให้ผู้พิพากษาศาลโลกท่านหนึ่ง "นายอับดุลคาวิ อะห์เม็ด ยูเซฟ" ชาวโซมาเลีย ต้องถามทั้งไทย-เขมรว่า
    "ในเรื่องดินแดนของแต่ละฝ่าย ตรงไหนที่คิดว่าเป็นบริเวณปราสาทพระวิหารที่อยู่บนดินแดนกัมพูชา ในข้อ ๒ ตามคำสั่งศาลปี ๐๕ ได้ใช้หลักภูมิศาสตร์หรือแผนที่ที่ได้ยื่นต่อศาลไว้?" 
    คือต้องการให้ทั้งสองฝ่ายระบุพิกัด หรือชี้จุดในแผนที่ ที่แต่ละฝ่ายคิดว่า "เป็นพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาท" ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยกัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลก ปี ๒๕๐๕ มาให้ศาลดู
    ตรงนี้ ผมเห็นหลายคนวิตกว่า แบบนี้...มีนัยว่า ศาลจะรับเรื่องไว้ตีความน่ะซี แต่เท่าที่ฟัง ท่านทูตวีรชัยบอกว่า เป็นคำถามส่วนตัว ไม่ใช่ขององค์คณะผู้พิพากษาศาลทั้งหมด และที่ผมอ่านจากข่าว นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็บอกนักข่าวที่กรุงเฮกว่า
    ในงานที่ประธานศาลโลกเลี้ยงรับรองคณะผู้แทนไทย-เขมร ท่านมีโอกาสถามนายอับดุลคาวิ อะห์เม็ด ยูเซฟ แล้ว ท่านบอกว่า "ถามส่วนตัว" แต่เมื่อไทย-เขมรเขียนคำอธิบายให้แล้ว ท่านก็จะสำเนาแจกผู้พิพากษาทุกท่านด้วย
    ผมว่าประเด็นนี้ เป็นประโยชน์กับเรามากกว่า เขมรนั่นแหละ "ลิ้นพันคอตัวเอง" จะซวย เราชัดเจนเรื่องพิกัดตามคำสั่งข้อที่ ๒ ของศาลโลกปี ๐๕ ประเด็น "บริเวณใกล้เคียงปราสาท"
    แต่เขมร ก็อย่างที่ถูกทั้งท่านทูตวีรชัย และคุณอลินา มิรอง จับแก้ผ้าประจานกลางศาลเรื่องปลอมแปลงเอกสารนั่นแหละ แล้วจะชี้จุดพิกัดอันเป็น "บริเวณใกล้เคียงปราสาท" ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยกัมพูชาได้ตรงไหน-อย่างไร เพราะมีแต่แผนที่ "ฮุน เซน-ฮอร์ นัมฮง" ทำเองกะมือ!
    แผนที่ภาคผนวก ๑ ที่ยื่นศาล ก็ถูกจับได้คาหนัง-คาเขา "ปลอมแปลง" คุณอลินา มิรอง ปอกเปลือกกลางศาลไว้อีกตอนว่า..........
    "สำหรับพื้นที่ ๔.๖ ตร.กม.กัมพูชาไม่มีแผนที่ที่สามารถพิสูจน์พื้นที่ได้แน่นอน แม้จะอ้างว่าปราสาทพระวิหารนั้นจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว เพราะตามแผนที่ศาลโลกใช้ประกอบการตัดสินคดีปี ๑๙๖๒ แต่ข้อเท็จจริง ยูเนสโกได้ใช้แผนที่ของปี ๒๐๑๑ ส่วนหลักฐานเกี่ยวกับพื้นที่ ๔.๖ ตร.กม.เป็นสิ่งที่น่าประหลาดว่า กัมพูชาได้ยื่นเพิ่มเติมหลังจากจบการนำเสนอ"
    เอ้า...ฮาาาาาา!
    ส่วนไทยเรา "ชัดเจน-แน่นอน" ๑๕ มิ.ย.๐๕ ศาลโลกตัดสินให้ไทยปฏิบัติ ๓ ข้อ ปราสาทเป็นของเขมร, ไทยต้องถอนกำลังจากปราสาทพระวิหารหรือบริเวณใกล้เคียงปราสาท และคืนโบราณวัตถุ
    ๑๐ ก.ค.๐๕ รัฐบาลไทย โดยมติ ครม.ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามคำตัดสินศาล และแจ้งให้ศาลโลกทราบในเวลาต่อมา ดังนี้....
    "ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยกำหนดขอบเขตปราสาท กล่าวคือ ทางทิศเหนือ ที่ระยะ ๒๐ เมตร จากบันไดนาคไปทางทิศตะวันออกจนถึงช่องบันไดหัก และทางทิศตะวันตก ที่ระยะ ๑๐๐ เมตร จากแกนของตัวปราสาทไปยังทิศใต้ จนจรดขอบหน้าผา 
    โดยเจ้าหน้าที่ไทยได้นำเสาธงไทยออกจากพื้นที่นั้น และถอนกำลังตำรวจตระเวนชายแดนออกจากปราสาท เมื่อเวลาเที่ยงของวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๐๕ (๑๙๖๒)"  
    นี่ไง...พิกัดเราชี้ได้ชัดเจนว่าตรงไหน-ตรงไหนเขมรตามคำสั่งศาล และเขมรก็รับรู้-รับทราบโดยไม่โต้แย้ง ซึ่งท่านทูตวีรชัยสร้างปรากฏการณ์.....เหมือนปาฏิหาริย์มีจริง!
    ท่านไปค้นได้ทั้งภาพ-ทั้งเสียงกษัตริย์สีหนุ เมื่อ ๕๐ ปีโน้น มายืนยันต่อศาล คือหลังจากไทยปฏิบัติตามศาลแล้ว กษัตริย์สีหนุก็เสด็จมาตรวจตราที่ปราสาทพระวิหาร เห็นแนวรั้ว-เห็นแนวเขต "ตรงไหนเขมร-ตรงไหนไทย" ก็พอพระทัย ไม่ทรงโต้แย้งอะไร
    เพียงตรัสว่า "ล้อมเข้ามานิดหน่อย ไม่สำคัญอะไร"
    นี่...ท่านทูตวีรชัยไปค้นภาพและเสียง "ต้นฉบับ" นี้มาได้ เป็นหลักฐานว่า "ชัดเจนแล้ว" ไทย-เขมร ไม่มีความสับสนเรื่องเส้นเขตแดนและพื้นที่จนต้องนำมาตีความอะไรอีก พื้นที่รอบปราสาทตามคำสั่งศาลโลก ก็มีพิกัดตามมติ ครม. ๑๐ ก.ค.๐๕ นั่นแหละ
    พื้นที่ ๔.๖ ตร.กม. อยู่นอกพิกัด เพราะอย่างนี้ ความอยากได้มาเป็นพื้นที่รอบปราสาทเพื่อขึ้นมรดกโลก จึงเป็นที่มาของ "แผนที่ภาคผนวก ๑" ฉบับแหกตาศาลโลก!
    ครับ..ก็คุยโดยยังไม่ทราบว่า เมื่อคืน "ทีมเขมร" แก้ตัวได้ขนาดไหน แต่อยากบอกไว้อย่าง ผลแพ้-ชนะ ไม่ได้อยู่กับข้อเท็จจริงในคำแถลง ต้องรู้ไว้ด้วยว่า ศาลโลก คือเครื่องมือของสหประชาชาติ และสหประชาชาติ คือเครื่องมืองของ...ขบวนการ CFR.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น