วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

เหตุการณ์ชายแดนใต้เหตุการณ์จริงหรือประชานิยม เมื่อ 11 เม.ย.56

เหตุการณ์ชายแดนใต้เหตุการณ์จริงหรือประชานิยม

ผมขอเรียนกับทุกท่านด้วยความเคารพว่า แม้ว่าผมเองเป็นมุสลิม แต่จุดยืนในฐานะคนไทยคนหนึ่งผมชัดเจน ผมและมุสลิมอีกเป็นจำนวนมาก ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด
                ต้องชัดเจนก่อนนะครับว่าแนวคิดแบ่งแยกดินแดนมันมีจริงและมีมานาน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหน ประเทศใด เพื่อนบ้านเราเช่นพม่า ก็มีปัญหาเรื่องชาติพันธุ์และชนกลุ่มน้อยมาจนทุกวันนี้ สามจังหวัดชายแดนใต้ นอกจากมีเรื่องของชาติพันธุ์แล้ว ยังมีความเชื่อทางศาสนาเข้ามาบวก เลยยิ่งเพิ่มความรู้สึกของคนในท้องถิ่นมากขึ้นไปอีก ยิ่งมาได้รับความอธรรมจากเจ้าหน้าทีรัฐ ผมว่าเราต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า การดูหมิ่นทางความเชื่อมันมีจริง โดยเฉพาะในยุครัฐนิยม
                รัฐในยุคนั้นได้จำกัดคำว่าวัฒนธรรมไทยคือวัฒนธรรมพุทธ นี่คือเส้นบางๆที่ทุกคนไม่เข้าใจและไม่ยอมรับ ทุกคนจะต้องทำตามวัฒนธรรมไทย ก็คือทำตามวัฒนธรรมพุทธ นี่คือสาเหตุแรกๆก็ว่าได้ที่เข้าทางขบวนการฯ
                ท่านอย่าลืมนะครับว่า ความเชื่อของศาสนาอิสลามค่อนข้างแข็ง ถ้าเชื่ออิสลามแล้ว จะเชื่ออย่างอื่นไม่ได้ เพราะอิสลามมีกฎเรื่อง “มุรตัด” คือการตกศาสนา เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดของมุสลิมทุกคน ผมได้เขียนประเด็นนี้ไปหลายครั้งแล้ว เมื่อเชื่อ ศรัทธา ต้องปฏิบัติ การปฏิบัติก็ต้องสอดคล้องกับความเชื่อ หาไม่แล้วก็จะเสี่ยงต่อการตกศาสนา ถ้าทุกท่านเข้าใจประเด็นนี้อย่างชัดเจน ก็จะจบ...อย่างเช่นประเพณี วันมหาสงกรานต์  มุสลิมก็ไม่สามารถร่วมกิจกรรมได้ หากกิจกรรมนั้นสุ่มเสี่ยงต่อความเชื่อ
                มุสลิมจึงเคารพใครในลักษณะของการศรัทธาไม่ได้ เช่น ไหว้ต้นไม้ หรือรูปเคารพ ถ้ารัฐบาลในยุครัฐนิยมเข้าใจ ผมว่าเราผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ตั้งนานแล้ว กลุ่มขบวนการฯจะไม่สามารถอ้างว่ารัฐบังคับให้มุสลิมทำตามวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมพุทธได้
                ผมเสียดายที่รัฐนิยม ไม่ใจกว้างพอที่จะบอกว่าทุกๆวัฒนธรรมความเชื่อของคนไทยคือวัฒนธรรมไทย ชาติ ศาสนา ...ศาสนาเราอธิบายว่าพุทธเท่านั้น ตรงนี้แหละคือ สิ่งที่กลุ่มขบวนการฯมักจะบอกว่า รัฐไทยคือรัฐพุทธ พี่น้องคนไทยต้องเข้าใจประเด็นนี้นะครับ ข้อกล่าวหาตรงนี้มักอ้างขึ้นเสมอในชายแดนใต้ ผมได้ยินบ่อย ตามโซเชียลมีเดียก็พบบ่อย
                ผมว่ารัฐนิยมเอาเข้าจริงก็ไม่ได้ใช้วัฒนธรรมไทยจริง แต่เอาวัฒนธรรมฝรั่งมาใช้มากกว่า คนไทยโดยทั่วไปก็พบสิ่งเหล่านี้
                เรื่องของผมวันนี้ คือ “เหตุการณ์ชายแดนใต้เหตุการณ์จริงหรือประชานิยม” ผมว่ามีทั้งเรื่อง จริงและเรื่องประชานิยม แต่เรามาว่ากันถึงเรื่องประชานิยมดีกว่า เพราะดูไปดูมา การเมืองต้องการจะเอาชนะกันในสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย และดูเหมือนว่า หากการเอาชนะในพื้นที่นี้สำเร็จ มันคือการชนะที่เด็ดขาด เราจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การต่อสู้กันทางการเมืองมีจริง เพียงแต่การเมือง มันซ้อนอยู่กับเหตุการณ์จริง
                การต่อสู้ของการเมืองจึงออกแบบในสิ่งที่ประชาชนพึงพอใจ เช่นประชานิยม แทนที่จะเป็นสวัสดิการ เพราะประชานิยม มุ่งสนองความต้องการในทุกเรื่อง แม้ว่าสิ่งนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายก็ตามที
                ผมจึงมาคิดว่าปัตตานีมหานคร หรืออะไรก็ตาม มันคือประชานิยมอีกรูปแบบหนึ่ง ของการเมือง เพราะการเมืองนี้เองที่ได้ไปสร้างบาดแผลให้กับคนในพื้นที่อย่างเจ็บปวด ท่านอย่าลืมว่า นายมะรอโซ เป็นแค่คนปลอกมะพร้าวขาย แต่ถูกจับมัดแล้วโยนขึ้นไปทับกันบนรถทหาร ถ้านายมะรอโซไม่ดิ้นหลุดและมาช่วยแก้มัดให้เพื่อนๆจะมีคนตายเพราะทับกันอีกหลายคน จากความเจ็บตรงนี้กลายเป็นเรื่องแค้น และเข้าทางขบวนการฯโดยอัตโนมัติ นายมะรอโซจึงกลายหัวหน้ากลุ่มที่รัฐบาลต้องการ
                เมื่อการเมื่อทำพลาด และก็บอกว่าพลาดจริงๆไอเดียที่จะแก้ จึงพลุดขึ้นจากหลายๆคน เพื่อต้องการเยียวยา ปลอบใจ และแล้วประชานิยมที่มีแผ่นดินเป็นเดิมพันก็เกิดขึ้น การโยนในสิ่งที่ขบวนการฯต้องการอยู่แล้ว มันสุ่มเสี่ยงมาก
                ถ้าปัตตานีมหานคร หรือเขตปกครองพิเศษ เกิดขึ้นจริง แน่นอนการเมืองบางฝ่ายได้เต็มๆในขณะที่ขบวนการก็ได้เต็มๆอีกเช่นกัน ผมไม่ทราบนะครับว่า ตกลงคนในการเมือง ที่ค่อยข้างจะต่อต้านในเรื่องนี้ ถึงขนาดจะทำสงครามกองโจร กลับยอมให้เกิดเขตปกครองพิเศษได้ไง บันไดหลายๆขั้นที่ว่าตกลงจริงหรือโม้
                ผมเองก็ยังงงๆกับการเจรจา คือผมไม่เชื่อว่ารัฐจะไม่ทราบว่าหัวหน้าขบวนการฯคือใครอยู่ที่ไหน แล้วการเจรจาก็ไม่ใช่ไม่เคยมี
                สิ่งที่คาใจหลายๆคนก็คือ ในชายแดนใต้ มีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่มากมาย แต่ทำไมการปฏิบัติการ กลับทำกันแค่ปลายจมูก ขุดฝังระเบิดกันถึงหัวนอน ภายในเขตเมืองที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด
                ผมเห็นใจเจ้าหน้าที่ทุกคน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ตกลงศักยภาพการปฏิบัติการใครเก่งกว่าใคร ตามข่าวบอกว่าผู้ปฏิบัติการเป็นแค่คนปลอกมะพร้าว เด็กหนุ่มๆอายุไม่เท่าไหร่ อะไรมันจะเก่งปานนั้น
               
                สิ่งที่แสดงอาการไม่ฉลาดก็คือการให้ข่าว ผมดูแค่ข่าว ผมว่าเขาก็รู้หมดว่ารัฐคิดอะไร จะทำอะไร รวมทั้งพยาน ก็เอามาเป็นข่าวไปเสียหมด เช่นกรณียิงถล่มบ้านนัจมุดดีน อูมา เป็นผม ผมก็ไม่เป็นมันแล้วพยาน
                ผมมันคนที่ชอบสงสัย...เลยสงสัยว่า แผนประชานิยมปัตตานีมหานครเที่ยวนี้ กลัวเสียแผ่นดินหรือไม่ เหตุการณ์เจรจาสันติภาพ กับเหตุการณ์ในพื้นที่มันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง ดูๆแล้วสีหน้าคนเจรจาที่ออกสื่อก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
                เอางี้ก็แล้วกัน ประชานิยมนี้ล้มเลิกมันเสีย ข้ออ้างก็ง่ายนิดเดียว กลุ่มขบวนการไม่ทำตามสัญญา ไม่ยอมหยุดก่อการ...อันนี้ผมคิดเองแบบคนที่ชอบสงสัย ก็เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น