วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

รำลึกแกนนำแดงชุมนุม เพื่อเงิน หรือปชต.เมื่อ 10 เม.ย.56


รำลึกแกนนำแดงชุมนุม เพื่อเงิน หรือปชต.

อีกด้านหนึ่งของการรำลึกการชุมนุมคนเสื้อแดงไม่ว่าจะเป็น 10 เมษายน หรือการชุมนุมแบบบรูณาการ คือเป้าหมายที่แท้จริงที่ถูกโฆษณาคำว่าเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สำนักข่าวทีนิวส์ก็อยากให้คุณผู้ชมได้พิจารณาจากข้อมูลดังต่อไปนี้ เพื่อตอบตัวเองให้แน่ชัดอีกครั้งว่าการชุมุนมที่เกิดขึ้นเป้นเพื่อประชาธิปไตยหรือผลประโยชน์ส่วนตัวของแกนนำที่ต้องการใช้มวลชนเป็นเครื่องมือสำหรับการไต่เต้าขึ้นสู่อำนาจเท่านั้น
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทีนิวส์ ว่า จะไม่เดินทางเข้าร่วมกิจกรรม   รำลึก ครบ 3 ปี การชุมนุมปี 2553   ในวันที่ 10 เมษายนนี้ เนื่องจากจะจัดเวทีเสื้อแดงที่จ.มุกดาหาร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ พร้อมย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้งไปยังส่วนกลางนปช .เพราะนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.ได้ประกาศแล้วว่าเสื้อแดงขวัญชัย ไม่เกี่ยวข้องกับนปช.
ไม่เพียงเท่านั้นนายขวัญชัยแฉอีกว่า  ผมไม่มาอยู่แล้ว ถ้าร้องรำทำเพลงเต้นกินรำกิน จัดรำลึกทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนผมไม่เอา แดงอีสานจะไม่เป็นเครื่องมือให้ใครแล้วพอกันที เราพาคนมาหนุนให้เป็นซูเปอร์สตาร์แท้ๆ แต่มาข้ามหัวกัน แดงใหม่ๆ ทำตัวใหญ่คับฟ้า มีผลประโยชน์กันทั้งนั้น จัดงานเวทีแต่ละครั้งไปเอาเงินจากทักษิณ เอาเงินจากครอบครัวชินวัตรมาทั้งนั้น จัดเวทีโบนันซ่าฯ เอาเงินพี่เฉลิมมา 5 แสน เอาคุณหญิงอ้อ 5 แสน เอาพรรค 5 แสน จัดเสร็จเหลือกำไรเงินทอนทั้งนั้น
นายขวัญชัย กล่าวต่อว่า การที่นางธิดา มาคุมนปช.จะทำคนติดคุก เพราะเป็นคอมมิวนิสต์ ทำตัวกร่างใหญ่โต กลุ่มแดงใหม่ฝ่ายนางธิดาหนีทัพแล้วมารับตำแหน่งกันทั้งนั้น ที่ผ่านมาตนพยายามรักษาน้ำใจ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาไม่ได้ทะเลาะกับ นปช.แต่ติเฉพาะนางธิดา และเสื้อแดงบางกลุ่มที่ไร้สมองเลอะเทอะ บีบรัฐบาลให้สั่งการศาล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตอนนี้รัฐบาลจะล้มวันนี้พรุ่งนี้ยังไม่รู้เรื่องกันเลย
ที่ได้ยินได้ฟังกันไปว่าแกนนำนปช.ชุมนุมด้วยเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำ ดูจะเป็นข้อกล่าวหาที่หนักหน่วงและรุนแรง
แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องเงินๆทองๆ ในการชุมนุมคนเสื้อแดงนั้น เกิดข้อครหามาโดยตลอด และหากจำกันได้ก็เป็นนายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง ในฐานะพยานคดีก่อการร้ายที่ออกมาแฉพฤติกรรมของนายจตุพร พรหมพันุ์และแกนนำนปช.อย่างไม่มีชิ้นดีถึงขนาดระบุว่ามีการอมเงินบริจาคกว่า 68 ล้านบาท
แน่นอนว่าข้อกล่าวหาที่รุนแรงก็เป็นฝ่ายของแกนนำนปช.ที่ต่างออกมาปฏิเสธกัยแบบพัลวัน
นายสมหวัง อัษราสี เจ้าของบริษัท มิตซูชิต้า ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงแนวร่วมกลุ่ม นปช. ชี้แจงเรื่องเงินบริจาคคนเสื้อแดงว่ามีเพียง 37 ล้านบาทเท่านั้น และเงินดังกล่าวใช้ในการซื้อข้าวของ เช่าเครื่องเสียง ซึ่งใช้จ่ายหมดแล้วตั้งแต่ในช่วงการชุมนุม ไม่ทราบว่านายเมธีเอาข้อมูลจากไหนมาพูด นายเมธีควรเปิดเผยชื่อให้ชัดเจนว่าญาติใครเป็นคนยักยอกเงินแล้วหนีไปประเทศมาเลเซีย
         
"เรื่องนี้มีบัญชีรายรับรายจ่ายทุกอย่าง โดยบัญชีดังกล่าวจะให้ 3 แกนนำดูทุก 10 วัน ว่าใช้เงินทำอะไร ในส่วนใดบ้าง อย่างไรก็ตามสำหรับเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นอีกส่วนหนึ่ง โดยผู้ที่ดูแลคือ คุณแหม่ม น้องภรรยาของนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์"
ชื่อของ แหม่มที่ถูกแฉจากนายเมธี ซึ่งตรงกับคำยืนยันของนายสมหวัง ทำให้ข้อมูลของนายเมธีเริ่มมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาไม่มากก็น้อย
ไม่เพียงเท่านั้น ชื่อของแหม่มยังได้กลายเป็นข่าวใหญ่โต หลังจากมีบุคคลผู้หนึ่งบุกไปที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อทวงถามหาเงินบริจาค โดยก็อ้างถึงผู้หญิงที่ชื่อแหม่มน้องภรรยาของนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อีกครั้ง
ช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 27 ก.ย.2553 หลังจากพรรคเพื่อไทยเปิดนิทรรศการ 4 ปีแห่งความสุข และเปิดให้ประชาชนคนเสื้อแดงเขียนข้อความผ่านกระดาษโน้ตว่า อยากให้พรรคทำอะไร ปรากฎว่า ในบอร์ด 4 ปีแห่งความสุขที่ตั้งอยู่ชั้น 1 ได้มีกระดาษโน้ตข้อความหลายแผ่นเขียนโจมตีนายวีระกานต์ อย่างเผ็ดร้อนเช่น
นางเอ (ชื่อสมมติ) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า มีอาชีพธุรกิจเดินเรือที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ส่วนสามีเคยทำงานในสถานทูต ส่วนตัวศรัทธาการต่อสู้ของเสื้อแดง แต่ไม่ใช่เสื้อแดง ได้มาร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. และได้ระดมเงินบริจาคกับเพื่อนๆ ช่วยเสื้อแดงวันละ 1-2 หมื่นบาท รวมถึงช่วยค่าทำศพหลังเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุม จนถึงวันนี้ได้ช่วยเหลือไปเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวทั้งหมด
         
นางเอ อ้างว่า ในการบริจาคเงินให้กับการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา มีการหลอกลวงต้มตุ๋นหลายลักษณะตั้งแต่ช่วงแรกพวกตนบริจาคเงินไม่ถูกประกาศชื่อบนเวที มีแต่ดินสอเขียนไว้ในกระดาษ แต่ความจริงก็ไม่ได้ต้องการอะไรมาก เพราะว่ามาช่วยเพราะศรัทธาจริง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเจอช่วงหลังที่หลอกลวงจนรับไม่ได้ และได้ร้องเรียนกับแกนนำพรรค เช่น พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ รวมถึงผู้ใหญ่หลายคน
         
นางเอ แสดงสมุดบันทึกรายละเอียดการบริจาคเงิน และใบหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งเป็นของธนาคารกรุงไทย โอนไปยังปลายทางย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี
นางเอ ยังเล่าต่อโดยได้นำรูปถ่ายของผู้หญิงเสื้อแดงรายหนึ่งผมสีขาวบนเวทีร่วมกับแนวร่วม นปช. ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงเสื้อแดงคนดังกล่าวเป็นที่คุ้นหน้า เพราะปรากฏตัวอยู่ตามเวทีเสื้อแดงเป็นประจำ โดยนางเอ เล่าว่าหญิงคนนี้หักหัวคิวเงินบริจาคซึ่งเป็นที่รับรู้กัน เช่น ครั้งหนึ่ง มีคนใส่ซองบริจาคช่วยจำนวน 3,000 บาท แต่หญิงคนนี้ได้เก็บออกไปเหลือแค่ 500 บาท 
อย่างไรก็ตามจากเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นทางด้านของนายจตุพรที่ออกมาชี้แจงดังต่อไปนี้
นายจตุพร กล่าวว่า ในการดูแลคนเจ็บและตาย ของผู้มาร่วมชุมนุม แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือช่วงที่ 1 หลังเหตุการณ์หลัง 10 เม.ย. ขณะนั้นได้นำเงินบริจาคไปช่วยเหลือทั้งผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต โดยมีคนที่ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตมารับเงินไปแล้วบางส่วนหลังเวที
หลังเหตุการณ์กระชับพื้นที่ 19 พ.ค. ในส่วนของ นปช.แทบไม่มีปัญญาไปดูแล แกนนำหลายคนถูกอายัดการทำธุรกรรมทางการเงิน ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก แต่ช่วงนี้พรรคเพื่อไทยเริ่มเข้ามาช่วยเหลือบางส่วน โดยผู้เสียชีวิตรายละ 1 แสนบาท ยอมรับว่าการช่วยเหลือครบบ้าง ไม่ครบบ้าง อย่างไรก็ดีช่วงการชุมนุม มีคนมาร่วมบริจาคเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนตัวไม่ได้ยุ่งหรือไปจับต้องอะไรด้วย เมื่อมีพี่น้องเดือดร้อนก็จะนำเงินบริจาคไปช่วยดูแล ซึ่งยอมรับว่าช่วงหลังๆ มีคนมาแอบอ้างเยอะ แต่ในส่วนของ นปช.ที่จัดระดมทุนจริงๆ มีเพียง 2 ครั้ง ครั้งแรก คอนเสิร์ตระดมทุนอ้อมน้อย ครั้งที่สองที่พัทยา
         
เมื่อถามว่ารู้จัก แหม่ม หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า รู้จัก แต่ปัญหาที่เป็นประเด็น อยากให้คนที่มาให้ข้อมูล ถ้าเจตนาดีควรออกมาเปิดเผยตัว โดยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ขณะเดียวกันคนที่ถูกกล่าวหาควรนำหลักฐานออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง หากใครผิดจริงไม่เอาไว้อยู่แล้ว
         
เมื่อถามถึงบทบาทคนชื่อ แหม่ม  ที่ผ่านมา นายจตุพรกล่าวว่า ได้เข้ามาช่วยงานหลังเวทีตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.มาช่วยทุกวัน ทั้งเรื่องอาหารการกิน และดูคนที่ได้รับบาดเจ็บ
         
ถามว่า ช่วงชุมนุม แหม่ม เป็นคนคุมค่าใช้จ่ายเป็นหลักใช่หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า เป็นคนหนึ่งที่อาสาเข้ามาก็คิดว่าพอเห็นหน้าค่าตากันมา และเป็นน้องสะใภ้นายวีระ ก็ไม่น่ามีอะไรสงสัย ทุกคนก็ไม่ติดใจ แต่ช่วงการชุมนุมแต่ละวันหลังเวที ก็มีหลายเรื่องวุ่นวาย เลยต้องแบ่งคนไปดูในแต่ละส่วน แต่ตอนนี้ต้องขอความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เมื่อเกิดเรื่องแล้วอยากให้แต่ละฝ่ายนำข้อมูลออกมาเปิดเผย เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป
ผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี เรื่องที่เป็นข้อสงสัยทั้งหมดก็ยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างเป็นรูปธรรมว่าแท้ที่จริงแล้วมีการอมเงินในจำนวนที่มากถึงกว่า 68 ล้านบาทจริงหรือไม่
ขณะที่ภายหลังการประชุมเพื่อประชาธิปไตยของแกนนำนปช.ก็ปรากฎข่าวสารเรื่องการแก่งแย่งชิงผลประโยชน์โดยเฉพาะตำแหน่งทางการเมืองและบิร์ดรัฐวิสาหกิจมาโดยตลอด
ยกตัวอย่างเช่นในการประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า  พ.ต.ท. ไวพจน์ อาภรรัตน์ แกนนำกลุ่ม นปช.ได้ลุกขึ้นต่อว่านายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต่อหน้ากลางที่ประชุมอย่างดุเดือด ว่า นายจากดูไบให้ผมเป็นประธานบอร์ดการประปา แต่หลอกให้ดีใจอยู่ 2 เดือน แต่วันนี้ มท.1 รังเกียจ ไม่พอใจอะไรผมนักหนา ผมเป็นนักรบ แต่คุณเสวยสุข พวกคุณอยู่สวรรค์ชั้น 7 พวกผมตกนรกแทนที่จะเอาขึ้นกลับถีบส่ง ตอนที่เป็น รมว.คมนาคมแทนที่จะช่วยก็เอาพวกผมไปติดคุกกัน 20 กว่าคน
อย่างไรก็ตามนายจารุพงศ์ ได้กล่าวสวนขึ้นมาว่า ตนเองปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้ ส.ส.เสื้อแดงที่อยู่ในห้องประชุมไม่พอใจและลุกขึ้นรุมต่อว่านายจารุพงศ์ว่าไม่ควรพูดอย่างนี้ อาทิ นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.สิงห์บุรี บอกว่า พวกผมต่อสู้กัน ตายก็มี ติดคุกก็มี แต่พวกคุณกลับเสวยสุข
เรื่องที่เกิดขึ้นมาแบบสดๆร้อนๆเป็นผลมาจากการที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งให้พ.ต.ท.ไวพจน์เป็นบอร์ดคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค แต่ทว่าตามข่าวที่ปรากฎเจ้าตัวอยากเป็นถึงประธานบอร์ดเลยทีเดียว
ส่วนเหตุผลตามที่กล่าวอ้างก็ไม่ใช่เพราะเรื่องความรู้ความสามารถ แต่เป็นเรื่องของการชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกันมานั้น เพื่อหวังผลตำแหน่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจใช่หรือไม่
สำหรับคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ชุดใหม่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากครม. เมื่อวันที่ 26 มีนาคม2556 ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอประกอบไปด้วย
          1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ
          2. นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กรรมการ
          3. นายบุญเชิด คิดเห็น อธิบดีกรมที่ดิน กรรมการ
          4. นางชนาทิพย์ วีระสืบพงศ์ รองอธิบดีกรมสรรพากร ผู้แทนกระทรวงการคลัง กรรมการ
          5. นางชูจิรา กองแก้ว ข้าราชการบำนาญ กรรมการ
          6.พันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ระบุตำแหน่งอดีตข้าราชการตำรวจ กรรมการ
          7. นายอัมภัส ปิ่นวนิชย์กุล กรรมการ
          8. นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) กรรมการ
ไม่เพียงเท่านั้นสำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอรายงานพิเศษเรื่องเช็กชื่อ"นปช."นั่งเก้าอี้การเมือง-บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ลุ้น "จตุพร" รัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2554 เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายรัฐมนตรี รวมเวลากว่า 1 ปี แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีบทบาทในช่วงเหตุการณ์ปี 2552-2553 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง กรรมการรัฐวิสาหกิจนับสิบคน
1.นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
2.นายอารี ไกรนราหัวหน้าการ์ด นปช. เคยเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย นายยางยุทธ วิชัยดิษฐ์ ปัจจุบันเป็นปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
3.นายสมหวัง อัสราศีนักธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
4.นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์หรือ แรมโบ้อีสาน หัวหมู่ทะลวงฟันของนปช. ด้วยบุคลิกที่ดุเดือด คำพูดคำจารุนแรง ปกป้องนายและตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างถึงลูกถึงคน ส่งผลให้วันนี้เขาเป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
5.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ผู้ออกบัตรสมาชิก นปช.ให้คนเสื้อแดง และเคยเป็นหัวหอกนำมวลชนคนเสื้อแดงบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
6.นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุลแกนนำเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นที่ปรึกษารมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
7.นายชินวัฒน์ หาบุญพาดเป็นที่ปรึกษารมว.คมนาคมก่อนจะเลื่อนขึ้นมาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ
8.นายวิสา คัญทัพเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี กระทรวงแรงงาน
9.นายประแสง มงคลศิริ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
10.นายจรัล ดิษฐาอภิชัยเป็นปรึกษารองนายกรัฐมนตรี  นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
11.นายยศวริศ ชูกล่อม(เจ๋ง ดอกจิก) เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
12.นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เป็นปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้หลายคนได้รับจากเลือกให้เป็น ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท   นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวรชัย เหมะ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ       
ไม่นับรวม ภรรยา เครือญาติ อาทิ นางระพีพรรณ พงศ์เรืองรอง ภรรยา นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ภรรยานายอดิศร เพียงเกษ          
สำหรับตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจมีอย่างน้อย 2 คือ 1.น.ส.พรทิพย์ ปักษานนท์ เจ้าของร้านซักรีด แกนนำกลุ่มเสื้อแดง จ.เพชรบุรี คู่ปรับ น.ส.สมจิตร นวเครือสุนทร นักข่าวช่อง 7 เป็นกรรมการการท่าอากาศยานไทย หรือ บอร์ด ทอท. ปัจจุบันหมดวาระแล้ว
2.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ได้รับแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 26 มีนาคม 2556 ให้เป็นกรรมการ การประปาส่วนภูมิภาค ( บอร์ด กปภ.)          
กระนั้น ยังไม่มีชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์หลังตกเก้าอี้ ส.ส. ล่าสุดมีชื่อคั่วเก้าอี้รัฐมนตรีในการปรับครม.ในเร็ววันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น