วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

เพื่อแม้วรบศาล ไม่สุดขอคิดก่อน ถอดถอนแรงไป ข่าวหน้า 1 เมื่อ 21 April 2556


เพื่อแม้วรบศาล ไม่สุดขอคิดก่อน ถอดถอนแรงไป



 เพื่อไทยยังเหิมหนัก ยืนกรานฉีกกติกาไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ อ้างถูกแทรกแซง แต่ถอยนำกรณีถอดถอนเข้าที่ประชุมในวันที่ 22 เม.ย.ก่อน "พิชิต" เผยไม่อยากให้เกิดแรงกระแทกกันเกินไป ด้านประชาธิปัตย์ชี้เป็นแนวคิดไม่ยอมรับการตรวจสอบของระบอบทักษิณ ซื้อศาล ข่มขู่เอาชีวิตศาลยังไม่พอหรือ ปรองดองแบบแดงต้องไล่ล่า "มาร์ค" เจอดี แดงศรีสะเกษป่วนเวทีปราศรัย บุกด่าชาติชั่ว เจอสวนคนชาติชั่วไม่มีแผ่นดินอยู่ต้องเผ่นไปต่างประเทศ
    หลัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ว.บางส่วนออกแถลงการณ์ร่วมกันไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการรับวินิจฉัยการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของ ส.ส.และ ส.ว. 312 คน รวมทั้งขู่จะถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีการยืนยันอีกครั้งถึงการตอบโต้ฝ่ายยุติธรรม
    นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ ว่าฝ่ายนิติบัญญัติไม่เห็นด้วยกับการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา เพราะเป็นการแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งที่ฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐสภามีอำนาจอิสระในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยการทำหนังสือดังกล่าวเป็นการทำในนามของ ส.ส.และ ส.ว.เกือบๆ 312 คน เพราะอาจจะมี ส.ว.บางคนเป็นอิสระ ขอทำหนังสือชี้แจงเอง
    เขาบอกว่า ส่วนที่ ส.ส.และ ส.ว.จะเข้าชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น คงต้องนำมาหารือในที่ประชุมพรรคก่อน เพราะยังเป็นเพียงท่าทีของ ส.ส.และส.ว.หลายคน ยังไม่ใช่มติพรรค ส่วนตัวเห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายขณะนี้ยังไม่ถึงทางตันว่าฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เพราะกรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่างยังเดินหน้าทำงานต่อได้ ควรรอให้ถึงทางตันก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจแนวทางนี้อีกครั้ง 
    "ไม่อยากให้เกิดแรงกระแทกกันจนเกินไป และไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้กระบวนการนิติบัญญัติอ่อนแอ เพราะการทำให้รัฐสภาอ่อนแอไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย การทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการอ่อนแอ ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศนี้ อยากให้มีกระบวนการถ่วงดุลกันของแต่ทุกฝ่าย ขณะนี้ทุกฝ่ายควรใช้เวลาทบทวนการทำหน้าที่ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน" ส.ส.บัญชีรายชื่อผู้นี้กล่าว
    นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 22 เม.ย. คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทีมกฎหมาย พรรคเพื่อไทย จะประชุมกันที่พรรคเพื่อไทย เพื่อหารือเพิ่มเติมถึงกระบวนการดำเนินการต่อไปกับศาลรัฐธรรมนูญ เช่น การแจ้งความดำเนินคดี การเข้าชื่อถอดถอน ขณะนี้ขอยืนยันแนวทางปฏิเสธอำนาจศาลที่จะชี้แจงทั้งทางลายลักษณ์อักษรและทางวาจา ส่วนที่โฆษกศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า หากไม่ส่งคำชี้แจงภายใน 15 ถือว่าไม่ติดใจในคำร้องนั้น ก็แล้วแต่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่คิดว่าจะทำให้เสียเปรียบ เมื่อปฏิเสธอำนาจศาลแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องชี้แจงใดๆ อีก เพราะเรายืนยันในหลักการความถูกต้องไปแล้ว ขณะนี้ถึงเวลาต้องปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งวิธีการและระเบียบปฏิบัติ เพราะที่ผ่านมาศาลก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติไปหลายเรื่องแล้ว
ขู่เอาชีวิตศาลยังไม่พอ
    นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการใช้เสียงข้างมาก เพื่อที่จะยุติการตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นแนวคิดไม่ยอมรับการตรวจสอบของระบอบทักษิณ ในอดีตก็จะมีทั้งความพยายามที่จะซื้อศาล หากซื้อไม่ได้ก็ข่มขู่ว่าจะใช้ปืนยิงศาลบ้าง ข่มขู่ว่าหากไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยุบชีวิตตุลาการแทนบ้าง และอีกหลายกรณี โดยมีเป้าหมายหลักคือไม่ยอมรับการตรวจสอบใดๆ 
    เขาบอกว่า ที่มีการอ้างว่าถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาหลักการแบ่งแยกอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการนั้น หลักการตามรัฐธรรมนูญจริงๆ แล้ว แม้จะให้อำนาจเสียงข้างมากเป็นหลัก แต่ก็ให้ความสำคัญเสียงข้างน้อย และให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ ไม่ใช่ว่ามีเสียงข้างมากแล้วจะทำอะไรก็ได้ หรือจะพาประเทศลงเหวก็ได้ ซึ่งเป็นการบิดเบือนหลักการทางประชาธิปไตย กลายเป็นเผด็จการภายใต้ประชาธิปไตยเหมือนฮิตเลอร์
    “หากปล่อยให้ระบอบทักษิณใช้เสียงข้างมากลากไป ใช้อำนาจข่มขู่ไปเรื่อยๆ ประเทศก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันก็กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไปแล้ว ส่วนเรื่องการเมืองก็มีการแก้รัฐธรรมนูญตามใจชอบ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คนเผาบ้านเผาเมือง คนที่ฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน และยังมีความพยายามไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะโกง หรือเลว ผิดหรือถูก ก็อ้างเสียงข้างมากเพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบ” นายวิรัตน์กล่าว
    ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ว.ดังกล่าวยอมรับกระบวนการยุติธรรม และต้องให้เกียรติศาลในฐานะที่เป็นหนึ่งในสถาบันที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุล
    เขามองว่า เป็นพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่แสดงให้เห็นเป็นประจำคือ องค์กรอิสระใดที่ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา และพวกเขาไม่สามารถครอบงำได้ ก็จะมีกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือ และไปไกลถึงขนาดจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยุบองค์กรอิสระต่างๆ เช่น  ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลปกครอง เป็นต้น
    "ศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจรับเรื่องใดไว้พิจารณาหรือไม่ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อกำหนดวิธีพิจารณาคดี บางเรื่องศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ ปรากฏว่าไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ก็จะมีคำสั่งไม่รับคำร้อง ฉะนั้นเป็นเรื่องกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง หากไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาก็ไม่เป็นไร แต่การออกแถลงการณ์ร่วมกันไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ได้ชัดว่า ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และไม่ให้เกียรติศาลรัฐธรรมนูญ" 
อมพระมาพูด "แม้ว" ไม่ได้ประโยชน์
    นายราเมศกล่าวว่า กระบวนการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา ต้องเป็นกำลังใจให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ก้าวผ่านพ้นในสภาวะที่มีการกดดันและทำลายล้าง แต่เชื่อมั่นว่าตุลาการทุกท่านจะไม่หวั่นไหวตามแรงเสียดทานดังกล่าว
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลิกตีสองหน้ากรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า หากการตีสองหน้าหมายถึงการทำหน้าที่ 2 บทบาท คือหัวหน้าฝ่ายบริหารและสมาชิกรัฐสภา ต้องยอมรับว่านายกรัฐมนตรีมี 2 สถานะจริง ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองและร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นเรื่องของสภา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะเห็นด้วยหรือไม่ ควรหาเหตุผลมาหักล้างตามขั้นตอน เพราะฝ่ายบริหารไม่สามารถชี้นำหรือแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าฝ่ายค้านเข้าใจดี แต่อาจแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ และยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ประโยชน์จากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และในช่วงปิดประชุมสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่ชี้แจงประชาชนให้เข้าใจความจำเป็นการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
    นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน  กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่พบปะกับประชาชนเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า จากนี้ไปเป็นไปได้ที่จะมีการสร้างกระแสสังคม เพื่อให้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ รวมไปถึงกฎหมายฉบับอื่นๆ ที่เตรียมเอาไว้สำหรับการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และมีการใช้กลไกของราชการมาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่มีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ดูแล โดยมีการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงเวทีเสวนาต่างๆ ไปทั่วประเทศ ทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อหวังที่จะกล่อมเกลาฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้ออกมาสนับสนุนและคล้อยตามในที่สุด เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับต่างๆ ที่จะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ กลายเป็นสิ่งที่ชอบธรรมทางสังคม
    ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนบอกว่า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ทางกลุ่มกรีนและเครือข่ายได้เตรียมเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน โดยจะมีการให้ความรู้ ข้อเท็จจริงกับประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ ในรูปแบบของการจัดเวทีและแจกสมุกปกดำ เพื่อเปิดโปงวาระซ่อนเร้นใน 3 ประเด็น คือ 1.การเร่งผลักดันออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2.พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่พบว่ามีการหมกเม็ดในโครงการขนาดใหญ่เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล 3.เรื่องปราสาทพระวิหาร ซึ่งทั้ง 3 เรื่องจะกลายเป็นจุดเดือดที่ร้อนแรงทางการเมืองในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้อย่างแน่นอน โดยจะเริ่มเคลื่อนไหวนับหนึ่งในเดือน พ.ค.นี้
    แม้คนเสื้อแดงจะเรียกร้องกฎหมายปรองดองและนิรโทษกรรม กลับยังปรากฏพฤติกรรมไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. วันเสาร์ ที่บริเวณสี่แยกปากทางเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ต.โพธิ์ อ.เมืองฯ จ.ศรีสะเกษ กลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จำนวนประมาณ 500 คน นำโดยนายพรชัย มณีนิล ประธานกลุ่มลำดวนแดงเพื่อประชาธิปไตย จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันเพื่อเตรียมสกัดกั้นคณะของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเดินทางมาเปิดเวทีปราศรัยในหัวข้อเรื่อง เดินหน้าผ่าความจริง ความจริงไม่มีวันตาย ที่จะจัดขึ้นในช่วงเย็น ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
บุกด่า "มาร์ค" ชาติชั่ว
    กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปิดถนนเส้นทางเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษทุกเส้นทางเข้า-ออก โดยกลุ่มการ์ดคนเสื้อแดงได้นำรถกระบะมาจอดขวางปิดเส้นทางไว้ ทำให้นักศึกษาและคณะครูอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษที่มีตารางการเรียนการสอนในวันนี้ไม่สามารถเดินทางเข้าไปในพื้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษได้
    มีการนำโลงศพ ยางรถยนต์ พร้อมการขึ้นป้ายข้อความด่าทอนายอภิสิทธิ์ และรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง โดยมีการสลับเปลี่ยนหมุนเวียนพูดปราศรัยของแกนนำคนเสื้อแดงเพื่อกล่าวโจมตีการทำงานของพรรค
    นายพรชัย มณีนิล ประธานกลุ่มลำดวนแดงเพื่อประชาธิปไตย จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงทราบข่าวว่านายอภิสิทธิ์และคณะจะเดินทางมาพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเปิดเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นอย่างมาก จึงได้พากันเดินทางมารวมตัวเพื่อแสดงจุดยืนทางประชาธิปไตย และขับไล่นายอภิสิทธิ์ให้ออกจากพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ โดยจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้สามารถขึ้นเวทีปราศรัย
     "ผมขอถามนายอภิสิทธิ์ว่า ยังจะกล้ามาพื้นที่ จ.ศรีสะเกษอีกหรือ ทั้งๆ ที่รู้ว่า จ.ศรีสะเกษเป็นพื้นที่สีแดง ในอดีตที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ สร้างความสูญเสียให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดง และความบอบช้ำให้แก่ประเทศชาติมากเท่าใด ทำไมกล้าเดินทางมาเปิดเวทีผ่าความจริง ทั้งๆ ที่ความจริงประชาชนทั้งประเทศเขารู้กันหมดแล้วว่าเป็นอย่างไร จะมาสร้างเรื่องโกหกขึ้นเพื่อให้ได้ประโยชน์อะไรขึ้น การมาชุมนุมในวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงและชาว จ.ศรีสะเกษ ไม่ต้องการให้นายอภิสิทธิ์มาเหยียบพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ"
    ทั้งนี้ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังปิดถนนเพื่อเตรียมสกัดกั้นคณะของนายอภิสิทธิ์นั้น มีรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง ซึ่งเป็นรถของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 2 คัน พยายามที่จะวิ่งเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ทำให้กลุ่มเสื้อแดงเกิดความไม่พอใจ บางส่วนเข้าไปทุบกระจกและตะโกนด่าทอ เพื่อให้รถทั้งสองคันออกไปจากพื้นที่ จนเกือบจะเกิดการปะทะกัน แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นแต่อย่างใด
    ส่วนการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่เริ่มในช่วงเย็นนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นำประเด็นนี้ไปปราศรัยว่า เมื่อครั้งนายอภิสิทธิ์ยุบสภา คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะหมดไป แต่มันไม่เลิก ที่ผ่านมาฆ่าคนกลางถนนราชดำเนิน เผาห้าง เผาศาลากลาง วันนี้รัฐบาลคิดอ่านออกกฎหมายพิเศษลบล้างความผิดให้ผู้ก่อการร้ายเหล่านั้น มันน่าน้อยใจ ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน เป็นฝ่ายเสียงข้างมากทำอะไรได้ทุกอย่างอย่างนั้นหรือ
    ทั้งนี้ ระหว่างนายอภิสิทธิ์ปราศรัยนั้น คนเสื้อแดงตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงอยู่ห่างๆ ว่า "ชาติชั่ว" นายอภิสิทธิ์จึงตอบกลับว่า มาตะโกนชาติชั่วที่นี่ทำไม ที่นี่ไม่มีชาติชั่ว เพราะคนชาติชั่วไม่มีแผ่นดินอยู่ อยู่ต่างแดน พร้อมกับชี้ไปทางกลุ่มคนเสื้อแดงว่า "ปรองดองมั้ยล่ะครับ" ระหว่างนั้นมีคนเสื้อแดงเดินด้านหน้าเวที กลุ่มที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์พากันโห่ไล่ แต่โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น 
    นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังปราศรัยถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่า หากการเผาการโกงไม่เป็นความผิด บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ พวกที่ต้องการนิรโทษกรรมคือพวกแกนนำที่เป็นขี้ข้าทักษิณ ที่กล้าขึ้นมาพูดในสภาว่าเป็นคนสั่งการ รอดูได้ถึงเวลา หมอเหวงจะบอกว่าสั่งการให้ต่อสู้โดยสันติไม่มีอาวุธ มันก็ลีลากันไป ถ้ามั่นใจว่าต่อสู้อย่างสันติ ก็ให้ไปสู้คดีในศาล กลัวอะไร พวกคุณ (เสื้อแดงที่ชุมนุมข้างๆ) คิดสักนิดเดียวก็จะเข้าใจ คิดแค่นี้ทำไมคิดไม่ออก. 
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น