วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปิดล้อมวิสามัญ แกนนำRKK อีก2หนีรอดเร่งขยายผล เมื่อ 4 มี.ค.56



ชื่อเรื่อง ปิดล้อมวิสามัญ แกนนำRKK อีก2หนีรอดเร่งขยายผล
 ผู้เขียน  -
 แหล่งข่าวหลัก แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว Breaking News
 URL http://www.naewna.com/politic/43618
 เนื้อหา
ปิดล้อมวิสามัญ
แกนนำRKK
อีก2หนีรอดเร่งขยายผล
“บิ๊กตู่”วอนเลิกวิจารณ์
ลงนามสันติภาพผิดตัว
เมื่อวันที่ 3มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา กำลังทหารพราน ที่ 4804 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ใช้กฎอัยการศึก บุกจู่โจมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 82 บ้านลูโบ๊ะเยาะ หมู่ 7 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง หลังจากสืบทราบว่า มีกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค กลุ่มของนายมะซาเอ๊ะ หะยีดีเย๊าะลีย๊ะ อายุ 32 ปี หรือชื่อจัดตั้ง “เปาะเอ๊ะ กูตง” ซึ่งมีรางวัลนำจับ 100,000 บาท กับพวก รวม 3 คน แฝงตัวกบดานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในพื้นที่
ปิดล้อมค้นบ้านต้องสงสัย
จากการเข้าตรวจค้นโดยการกระจายกำลังกันโอบล้อมบ้านพัก พบชายฉกรรจ์ 3 คน อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งทันทีที่เจ้าหน้าที่แสดงตัว กลับถูกชายทั้ง 3 ใช้อาวุธสงครามและปืนสั้นยิงใส่ จนเกิดการยิงตอบโต้ ปะทะกันเป็นระลอก นานกว่า 10 นาที ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิทยุประสานขอกำลังสนับสนุน กระทั่ง พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จ.นราธิวาส และ พ.อ.พสิษฐ์ ชาญเลขา หัวหน้าชุดปฏิบัติการณ์พิเศษร่วม จ.นราธิวาส นำกำลังมาเสริม
วิสามัญหัวโจกRKK.อีก2รอด
พร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ทั้งหมดยอมวางอาวุธและมอบตัว แต่กลับถูกนายมะซาเอ๊ะ กับพวก ใช้ปืนยิงสวนออกมา จึงเกิดการยิงปะทะกันอีกครั้ง โดยคราวนี้กลุ่มคนร้ายเห็นจวนตัว จึงพยายามยิงเพื่อเปิดทางหลบหนีและอาศัยความมืดออกไปทางประตูหลังบ้าน แต่ก็ไม่พ้นถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม โดยนายมะซาเอ๊ะ ถูกยิงเสียชีวิตทันที ขณะที่ ลูกสมุนของนายมะซาเอ๊ะ สามารถหลบหนีไปได้ ซึ่ง 1 ใน 2 คนร้าย คือ นายฮัสมัน สามะแม็ง อายุ 36 ปี เนื่องจากพบบัตรประชาชนที่ทำหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ
ต่อมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบศพผู้เสียชีวิตโดยพบว่าถูกกระสุนจนพรุนไปทั้งร่าง ใกล้กันพบปืนขนาด 11 มม.กระเป๋าคาดเอวบรรจุแมกกาซีนปืนอาก้า 3 แมกกาซีน มีกระสุน 50 นัด และแมกกาซีนปืนขนาด 11 มม.มีกระสุน 15 นัด ลูกประคำ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เปลสนาม จึงเก็บทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ยึดจยย.4คันเกี่ยวพันก่อเหตุร้าย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปภายในบ้านพัก ยึดจักรยานยนต์ 4 คัน เป็นจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์ 2 คัน ทะเบียน กษร-501 นราธิวาส และทะเบียน กวม- 244 นราธิวาส และจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ดรีม สีดำ ทะเบียน กรย-143 นราธิวาส และจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีดำ ทะเบียน ขขต-371 นราธิวาส เพื่อนำไปตรวจสอบว่าคันใดที่นายมะซาเอ๊ะ และพวก เคยนำไปใช้ก่อเหตุที่ใดบ้าง พร้อมทั้งขยายผลว่าจักรยานยนต์ทั้ง 4 คันนี้ นายมะซาเอ๊ะ เตรียมนำมาใช้ประกอบระเบิดด้วยหรือไม่ อย่างไร
ทั้งนี้ สำหรับประวัตินายมะซาเอ๊ะ หะยีดีเย๊าะ ลีย๊ะ นั้น เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.ระแงะ 6 คดี มีทั้งเหตุวางระเบิดและดักซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยในปี 2550 ก่อคดี 1 คดี ปี 2551 ก่อคดี 2 คดี และในปี 2552 ก่อคดีไว้ 3 คดี
เผย“รอกิดอเลาะ”บอมบ์ทหาร
ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ถนนเลขะกุล หัวโค้งสวนศรีเมือง อ.เมือง จ.ยะลา จนมีทหารเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 6 นาย และชาวบ้านบาดเจ็บ 5 ราย เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา นั้น ทางหน่วยงานด้านความมั่นคง ระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มนายรอกิ ดอเลาะ ซึ่งเคลื่อนไหวก่อเหตุอยู่และมีพื้นที่รับผิดชอบที่ ต.ยุโป ต.ท่าสาบ ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา โดยนายรอกิ เป็นแนวร่วมกลุ่มใหม่กลุ่มของนายเจ๊ะ ฆูสมาน หรือ อุสมาน ดอฆอ แกนนำอาร์เคเค ที่มีประวัติก่อเหตุมาอย่างโชกโชน เป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลพบว่า นายรอกิ เพิ่งก่อเหตุวางระเบิดชุดรักษาความปลอดภัยครูที่บ้านบ่อเจ็ดลูก อ.เมือง จ.ยะลา รวมทั้งมีส่วนร่วมก่อเหตุระเบิดทหารหลายครั้งในพื้นที่ ต.ยุโป ลอบวางจักรยานยนต์ระเบิดหน้าร้านแสงไทยโลหะกิจ ซึ่งเหตุนั้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุม นายนูรมาน ดอเลาะ ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุไว้ได้ ทั้งนี้ นายรอกิ ถือเป็นมือวางระเบิดรุ่นใหม่ที่มาแทนกลุ่มที่ถูกจับไป
บิ๊กตู่วอนเลิกวิจารณ์คุยผิดตัว
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทโอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ใน จ.ยะลา จนมีทหารเสียชีวิต 2 นาย ว่าการก่อเหตุในภาคใต้คงมีอยู่แน่นอน ตราบใดยังมีคนเหล่านี้อยู่ ส่วนการลงนามเพือให้เกิดความร่วมมมือซึ่งเป็นการเริ่มต้นระหว่างรัฐบาลไทยกับมาเลเซีย ในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน การแก้ปัญหามีหลายขั้นตอน เราค่อยๆ ก้าวมาตามลำดับ ทุกคนรักประเทศชาติแต่ต้องมีเหตุมีผล ตั้งสติให้ดี ไม่วาจะลงนามหรือไม่ จะคุยหรือไม่ การต่อสู้ยังไม่จบสิ้น ทหาร ตำรวจ ทุกคนทำงานเต็มที่ แต่จะไม่ให้เกิดเหตุเลยมันยาก
“อย่าใช้คำว่า ผิดตัวหรือไม่ ในฐานะที่ผมทำงานด้านความมั่นคง จากการข่าวพบว่า มีหลายพวก กลุ่มที่มาลงนามเป็นกลุ่มเก่า มีมานานแล้วหลายสิบปี ซึ่งเป็นระดับผู้ใหญ่ของเขา แต่หลังจากนั้นแตกออกมาเป็นหลายกลุ่ม มีการแย่งชิงความเป็นใหญ่ และเป็นแกนนำ ทั้งหมดร่วมกันทางอุดมการณ์ ขณะนี้มีคนกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นมา โดยเป็นคนไม่หวังดีตั้งตนขึ้นมาใหม่ให้มีอำนาจ เพื่อจะไม่ให้ฟังกลุ่มเก่า โดยทั้งหมดยังกระจัดกระจายอยู่” ผบ.ทบ.กล่าว
ย้ำคนในชาติต้องร่วมแก้ปัญหา
เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน มาหารือขอข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดี ต้องคุยกัน เรื่องใต้กับเรื่องเขาพระวิหาร เป็นเรื่องที่ควรพูดกัน ทุกคนต้องทำให้เป็นวาระของชาติ คนไทยไม่ว่าจะพรรคใด พวกไหน ต้องช่วยกันแก้ ถ้าเอาเรื่องนี้มาตีกันเอง คิดว่าเจ้าหน้าที่จะแก้ปัญหาได้ลำบาก เจ้าหน้าไปซ้ายก็ผิดใจคนนี้ ทางขวาก็ผิดใจคนนั้น ก็จะได้ไม่ต้องมาต่อว่า เพราะจุดหมายอยู่ที่ความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การแก้ปัญหาจะสำเร็จหรือไม่ทุกคนต้องร่วมมือกัน
มาร์คชี้ตอบยากไฟใต้สิ้นสุด
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังรัฐบาลลงนามเจรจาสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ว่าเหตุที่เกิดขึ้น 2-3 วันที่ผ่านมา ตอบได้ยากว่าจะเกี่ยวข้องกับการลงนามเจรจาดังกล่าวหรือไม่ แต่สิ่งที่บ่งบอกได้ คือกระบวนการสันติภาพ ถ้าเดินได้จริง ก็แสดงว่าฝ่ายที่มาลงนามต้องทำงานอีกมาก ในการไปสื่อสารกับฝ่ายต่างๆ ตนเป็นห่วงเพราะเห็นข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเมื่อปี 2555 ได้เดินทางไปมาเลเซีย เพื่อหารือแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น แต่ตอนนั้น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาปฏิเสธ
อย่างไรก็ดี เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นใน จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น่าจะเกิดจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปมาเลเซีย และการดำเนินการที่นำไปสู่การลงนามในปีนี้ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขจากปีที่แล้ว ก็ยังน่าเป็นห่วงสถานการณ์ และครั้งนี้หากผู้ลงนามเจรจาขาดบารมี หรือศักยภาพในการพูดคุยก็จะเกิดสถานการณ์เหมือนกันอีก
รอตรวจสอบกลุ่มที่รบ.ลงนาม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการตรวจสอบอยู่ว่ากลุ่มที่มาลงนามเจรจากับรัฐบาล เป็นกลุ่มพูโลเก่าหรือไม่ แต่ตรวจสอบประวัติก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นคนที่มีศักยภาพอยู่ในพื้นที่ เข้าใจได้ว่าสิ่งที่รัฐบาลหวังคือการใช้รัฐบาลมาเลเซีย เป็นกลไกให้ฝ่ายต่างๆ เข้ามา แต่ยังตอบยากว่าจะสำเร็จได้อย่างไร เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่
เหลิมยันลงพื้นที่หลังเลือกผู้ว่าฯ
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่ จ.ยะลา ว่า ไม่ควรก่อเหตุขึ้นเลยในช่วงนี้ ซึ่งกำลังแข่งนกเขาระดับโลก เป็นการหวังทำลายชื่อเสียงประเทศไทยโดยตรง ขอร้องอย่าทำอีกเลย เลิกเสียที ตนยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว และภายหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แล้ว 1 สัปดาห์ จะลงพื้นที่แน่นอน ทั้งนี้ ความเห็นของตนก็ตรงกับกลุ่มวาดะห์ อะไรดีรีบนำลงไปใช้ทันที ส่วนที่มีการเสนอตำรวจมาเป็นครูสอนหนังสือเด็กนักเรียน มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ต้องหารือกันในฝ่ายความมั่นคงก่อน
เปรยแนวคิดตรงกับกลุ่มวาดะห์
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ตนกับกลุ่มวาดะห์ เห็นตรงกันภายใน 1 สัปดาห์จะมีผลรูปธรรม ซึ่งการลงพื้นที่กำหนดแล้ว ไม่บอก ถือเป็นความลับ ถ้าบอกวันเวลาไปแล้วตอนกลับโดนแน่ ตนเคยอยู่พื้นที่ 3 จังหวัดเมื่อปี 2524 อยู่เป็นปี หลับตาก็เห็นหมด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ลงไปโดนระเบิดแน่ ผู้ก่อการร้ายไม่กลัว แต่กลัวโดนระเบิดจากพวกผู้ก่อการดี ถ้าบอกก็โดน ตนเป็นเป้า ขนาดไปกระบี่ ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ยังโดนประท้วงตลอด ส่วนจะไปเมื่อไหร่มีกำหนดไว้หมดแล้ว ไม่บอก การเดินทางต้องเป็นแบบวงกลมไม่มีเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
กก.อิสลาม5จว.ใต้หนุนเจรจา
ที่ คณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา วันเดียวกัน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ประธานคณะกรรมการอิสลาม จ.ยะลา และผู้นำศาสนา ในพื้นที่ เดินทางเข้าร่วมพูดคุยและชี้แจง กรณีการลงนามร่วมการพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนภาคใต้กับนายฮาซัน ตอยิบ ประธานขบวนการบีอาร์เอ็น เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นายรุสดี บาเกาะ รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา กล่าวว่า การที่รัฐบาลได้พูดคุยตกลงเบื้องต้นเพื่อให้มีการพูดคุยในคราวต่อไปนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องดี เป็นนิมิตหมายอันดีว่า ต่อไปนี้ก็เริ่มจะเห็นสันติสุขในพื้นที่ ซึ่งเท่าที่พูดคุยกับชาวบ้านก็เห็นด้วย และคราวต่อไปคงต้องดูในรายละเอียดว่าสิ่งใดสามารถทำได้ หรือทำไม่ได้
ชี้เริ่มต้นสำคัญ-แต่ต้องจริงใจ
“สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหา เพราะสังคมรอการแก้ไขเป็นเวลานานแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นด้วยเพราะมองว่าทนทุกข์มานาน เมื่อมีการพูดคุยก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะถ้าไม่เริ่มต้นก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร บางครั้งเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน ก็อาจเข้าใจกันดีขึ้น” นายรุสดี กล่าว และว่าในส่วนของคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัด คงสนับสนุนเรื่องนี้มานานแล้ว
นักวิชาการแนะให้ปชช.ร่วม
ขณะเดียวกัน ผศ.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมญ์ศรี ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยว่า กรณีการเจรจาลงนามดังกล่าว ควรมีการพูดคุยกับทุกฝ่าย เช่น บีอาร์เอ็น พูโล รวมทั้งการให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมพูดคุย เป็นสิ่งสำคัญ และประชาชนในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วมกับขบวนการพูดคุยนี้
“การที่ยังมีเหตุร้ายในพื้นที่ต่อเนื่อง ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นผลจากการพูดคุยหรือไม่ การพูดคุยไม่ได้ตกลงว่าจะหยุดยิง หยุดก่อเหตุ อาจมีบ้าง แต่ระยะยาว ถ้าการพูดจากันชัดเจนยิ่งขึ้น ตรวจสอบกำลังว่ามีเท่าใด ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ต้องทำต่อไป” ผศ.ศรีสมภพ กล่าว
 วันที่เผยแพร่ 4 มี.ค. 2556
 วันที่บันทึกข้อมูล 4 มี.ค. 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น