วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าวการเมืองจาก นสพ.ตั้งแต่ ๑ –๒๒ มี.ค.๕๖ ที่น่าสนใจ



สรุปข่าวการเมืองจาก นสพ.ตั้งแต่ ๑ –๒๒ มี.ค.๕๖ ที่น่าสนใจ
คุณชายหลั่นน้ำตาเปิดใจอ้อนคนกรุง ปูควงจูดี้ขอเสียงราบ 11
นายภูมิธรรม  เวชยชัย  เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  (พท.)  ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.  พท. กล่าวว่า  ในการปราศรัยใหญ่ปิดท้ายการหาเสียงในวันที่ 1 มี.ค.นี้ที่สวนลุมพินี โดยก่อนปราศรัยใหญ่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่หาเสียงพร้อมกับ พล.ต.อ.พงศพัศ  ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ในช่วงเย็น จากนั้นจะเดินทางไปหาเสียงที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนจนถึงแยกราชประสงค์ และมาขึ้นเวทีปราศรัยที่สวนลุมพินี ทั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศจะขึ้นปราศรัยโดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ปราศรัยเป็นการปิดท้าย  (หนังสือพิมพ์มติชน)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ของ 2 พรรคใหญ่ในวันที่ 1 มี.ค.นั้น พรรคประชาธิปัตย์ จัดที่สวนเบญจสิริ เริ่มเวลา 16.00 น. ส่วนพรรคเพื่อไทย เปิดเวทีที่สวนลุมพินีในเวลาเดียวกัน  (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)
สุขุมพันธุ์ชนะกวาดคะแนนได้เกินล้านทิ้ง 2 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 20.08 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งศาลาว่าการ กทม. ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างไม่เป็นทางการ ครบทั้ง 6,548 หน่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 ได้ 1,256,231 คะแนน พล.ต.อ.พงศพัศ  มาเป็นอันดับ 2 ได้ 1,077,899 คะแนน และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  มาเป็นอันดับ 3 ได้ 166,582 คะแนน ซึ่งถือว่าทั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และ พล.ต.อ.พงศพัศ ทำลายสถิติคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี 2543 สมัยนายสมัคร สุนทรเวช ที่ได้ 1,016,096 คะแนน สำหรับยอดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมีผู้มาใช้สิทธิทั้งสิ้น 2,715,640 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 4,244,465 คน หรือคิดเป็นผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 63.98
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  04/03/2013
นิรโทษก่อนแล้วแก้รธน.
นายวรชัย  เหมะ  ส.ส.สมุทรปราการ  พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.  กล่าวถึงกรณี นปช. เตรียมยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า ขณะนี้ยกร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้มาร่วมชุมนุมข้อหาไม่ร้ายแรง และร่าง พ.ร.บ.บรรเทาความเดือดร้อนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ในช่วงบ่ายวันที่ 6 มี.ค. ตนพร้อมทนายความของ นปช.จะเปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา และจะประสานประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อยื่นร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ขึ้นอยู่ที่ประธานสภาฯจะนัดหมายให้ยื่นได้เมื่อไหร่ เมื่อถามว่า คณะทำงาน ส.ว. เลือกตั้งพิจารณาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา  นายวรชัย  กล่าวว่า  ควรทำเรื่องนิรโทษกรรมก่อน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นปช.ยังยืนยันต้องโหวตลงมติวาระที่ 3 ซึ่งค้างอยู่ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ต้องดำเนินการตามขั้นตอนนี้ให้จบ ถือเป็นทางเดียวที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่จะแก้ไขรายมาตรา
นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้งจะหารือกับคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 50 ที่มีนายโภคิน  พลกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 เป็นรายมาตรา ว่า  เรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะแก้ไขมาตราไหน มีเนื้อหาอย่างไร และประเด็นสำคัญกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้งจับมือกับรัฐบาลต้องพิจารณาว่า เรื่องที่จะทำเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือส่วนตัว หรือทำเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ ในชั้นนี้ยังไม่สามารถตอบล่วงหน้าว่าเห็นด้วยหรือไม่ ต้องขอดูเนื้อหาและรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. รัฐบาลจะพยายามผลักดันเดินหน้าต่ออย่างน้อย 2 เรื่อง คือ 1. ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ 2. ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  04/03/2013
ชายหมูลุ้นกกต.ร้อง 2 คดีปราศรัยใส่ร้าย!
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์  ตู้จินดา  ประธาน กกต. กทม. กล่าวภายหลังประชุม กกต. กทม.ว่า ที่ประชุมรับทราบผลคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จากผอ.เลือกตั้งประจำท้องถิ่น กทม.และมีมติเสนอ เรื่องพร้อมความเห็นไปยัง กกต.กลางในวันเดียวกันนี้ เพื่อให้พิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ตามมาตรา 92 และ 95 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 พร้อมทั้งแนบรายงานกรณี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีเรื่องถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการปราศรัยใส่ร้าย ตามมาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ที่ กกต.รับไว้เป็นคำร้องคัดค้าน รวม 2 เรื่อง โดย กกต.มีอำนาจพิจารณารับรองผล ภายใน 7 วัน นับจากวันเลือกตั้ง คือภายในวันที่ 8 มี.ค.นี้ หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ขอให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ทั้ง 25 ราย ยื่นแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายการเลือกตั้งกับทางกกต. กทม.ภายใน 90 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง หากพบว่ามีการใช้จ่ายเกินกว่า 49 ล้านที่ กกต. กทม. กำหนด หรือไม่แจ้งบัญชีรายรับรายจ่าย จะถือเป็นความผิดที่อาจทำให้ กกต. สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้
ชี้เกมปชป.ชนะผู้ว่าปลุกกลัวสร้างข้าศึกยึดกรุง
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักประวัติศาสตร์และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า ตนไม่แปลกใจที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯอีกสมัย ถ้า พล.ต.อ. พงศพัศ ชนะจะแปลกใจมากกว่า แต่ที่น่าสนใจคือ พล.ต.อ.พงศพัศก็ได้คะแนนไม่น้อย ห่างกับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ เพียง 1.7 แสนคะแนนเท่านั้น หรือพูดได้ว่า ประชาธิปัตย์ไม่ได้ชนะแบบขาดลอย ซึ่งทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้แม้จะเป็นเลือกตั้งท้องถิ่น แต่เป็นการแข่งขันระดับพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคที่ดูเหมือนทิศทางการเมืองไทยจะเป็นไปในทางนี้ อันที่จริงการเลือกตั้งหากมีพรรคใดพรรคหนึ่งชนะเบ็ดเสร็จทั้งท้องถิ่นและระดับชาติ ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นผลดีเท่าไหร่ เพราะโอกาสที่จะเหลิงในอำนาจและลืมตัวนั้นมีมาก ขณะที่ฝ่ายชนะก็ย่อมต้องระมัดระวัง ตัวสูง และต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทำงานเพื่อประชาชนจริงหรือไม่  เมื่อถามว่า วาทกรรมเผาบ้านเผาเมือง เสียกรุง มีผลต่อการชนะของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือไม่ นายชาญวิทย์  กล่าวว่า มีผล เพราะคนเก่าคนแก่ที่ชื่นชอบประชาธิปัตย์และมีความเป็นอนุรักษนิยมอยู่แล้วจำนวนมาก ต้องออกมาปกป้องเมืองหลวงของเขา จากที่ประชาธิปัตย์ใช้ความกลัวในการหาเสียง ตรงนี้สะท้อนว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยังเกลียดและกลัวพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนเดิม แม้การ หาเสียงของพล.ต.อ.พงศพัศ จะไม่มีภาพพ.ต.ท.ทักษิณเลย แต่ได้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของพวกเขาไปแล้ว พูดสั้นๆ คือ ก้าวไม่พ้นทักษิณ  การชนะครั้งนี้ ความจริงประชาธิปัตย์ก็แทบจะหืดขึ้นคอเหมือนกัน ต่อไปโอกาสที่ประชาธิปัตย์จะเล่นเกมด้วยการใช้ความกลัวแบบนี้ต่อไปอีกก็มี เพราะเขาคิดว่าได้ผล ซึ่งระยะยาวโอกาสที่ประชาธิปัตย์จะปรับตัวใช้วิถีทางอื่นก็ยากขึ้นตามไปด้วย
นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายหนึ่งนำอุดมการณ์เรื่องศัตรูหรือยึดเมืองมาใช้ เพราะต้องการใช้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นอุปลักษณ์ในการทำให้คนกรุงเทพฯรู้สึกว่า กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากภายนอกร่วมกัน โดยหว่านล้อมคนกรุงให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อต่อสู้กับศัตรู ถือเป็นการใช้อุปลักษณ์แบบสงครามข้าศึกมามองคนในชาติ การชูประเด็นนี้ยิ่งตอกย้ำความแตกแยกของคนกลุ่มต่างๆ ในสังคม ทั้งที่การต่อสู้ทางการเมืองเป็นเรื่องของความคิดและนโยบาย จึงไม่ควรที่ฝ่ายใดจะเอาเรื่องนี้มาทำให้คนหวาดระแวง สะท้อนให้เห็นปัญหาของฝ่ายที่ใช้ว่า ไม่มีผู้นำหรือผู้สมัครที่เชื่อว่าจะสู้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงไม่มีอุดมการณ์หรือพลังในการรวมคน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  05/03/2013
กกต.ยื้อ 15 วันรับรองผลเลือกกทม.
นายภุชงค์  นุตราวงศ์  เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า  ที่ประชุม  กกต.  มีมติ  3  ต่อ เห็นควรยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้รับเลือกตั้ง ตามที่ กกต.กทม.เสนอ โดยเป็นไปตามมาตรา 95 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นประกอบประกาศ คปค.ฉบับที่ 32 ที่ให้ กกต.สามารถสืบสวนสอบสวนกรณีผู้ได้รับเลือกตั้งมีเรื่องร้องคัดค้านให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากไม่แล้วเสร็จให้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน โดยกำหนดระยะเวลา 30 วันจะครบในวันที่ 2 เม.ย.  ม.ร.ว.สุขุพันธุ์ ถูกร้องเรียน 3 เรื่อง แยกเป็นเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.กทม. 2 เรื่อง และฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.กลาง 1 เรื่อง ทั้งหมดเป็นคำร้องที่กล่าวหาว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กระทำผิดฐานปราศรัยใส่ร้ายหลอกลวงจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ตามมาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ เบื้องต้น กกต.กทม.ขอเวลาสืบสวน 15 วันก่อนจะเสนอ กกต.กลางพิจารณา ทั้งนี้ หากการสอบสวนแล้วเสร็จก่อนระยะเวลา 30 วัน กกต.อาจพิจารณาประกาศรับรองผลก่อนระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดก็ได้     (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
แหล่งข่าวจาก กกต.  กล่าวว่า  นายสมชัย  จึงประเสริฐ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวน ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยเมื่อเข้าสู่วาระการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ที่ประชุมไม่ได้หารือว่าต้องรอนายอภิชาต กลับมาจากการดูงานต่างประเทศ ซึ่งด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้รายงานผลคะแนนเลือกตั้ง และแจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีเรื่องถูกร้องเรียนการทำความผิดตามกฎหมายการเลือกตั้งมาตรา 57 (5) รวม 3 เรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการโพสต์ข้อความโจมตีผู้สมัครรายอื่นว่าเผาบ้านเผาเมือง ทาง กกต.กทม.จึงเสนอว่ายังไม่ควรประกาศรับรองผล จากนั้นที่ประชุมมีการพิจารณาก่อนที่กรรมการแต่ละคนจะนำใบลงคะแนนไปลงคะแนนที่ห้องทำงานของตนเอง ก่อนส่งให้ฝ่ายการประชุมนำไปรวมคะแนน ซึ่งทั้งหมดใช้เวลากว่า 2 ชม. ก่อนมีการแถลงข่าว    (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)
21 ส.ส.ชง นิรโทษเข้าสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กลุ่ม ส.ส. เสื้อแดง ในพรรคเพื่อไทย อาทิ นายวรชัย  เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ นพ.เชิดชัย  ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสมคิด  เชื้อคง  ส.ส.อุบลราชธานี พร้อมด้วยนายคารม  พลทะกลาง และนายวิญญัติ  ชาติมนตรี  ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวการเตรียมยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยรวม 21 คน เข้าชื่อเสนอชื่อต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร  ในช่วงบ่ายวันที่ (7 มี.ค.) ที่รัฐสภา  ด้านนายปานเทพ  พัวพงษ์พันธ์  โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้เข้าพบนายเจริญ  จรรย์โกมล  รองประธานสภาคนที่ 2 ในฐานะผู้ประสานเพื่อการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนำไปสู่ความปรองดอง พร้อมยื่นหนังสือซึ่งเป็นเงื่อนไขให้ปฏิบัติก่อนเข้าร่วมหารือถึงแนวทางการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ตามที่ได้นัดหมายวันที่ 11 มี.ค.
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  07/03/2013
42 ส.ส.พท.ลุยพรบ.นิรโทษฯ ขุนค้อนรีบเด้งรับ
นายวรชัย  เหมะ  ส.ส.สมุทรปราการ  กล่าวว่า  ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้ร่วมกันลงชื่อจำนวน 42 คน เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเนื่องจากต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ร่วมชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่มที่เป็นผู้บริสุทธิ์และถูกจำคุกในคดีก่อการร้าย โดยเห็นได้จากกรณีที่ศาลแพ่งพิพากษาคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้าย ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการช่วยเหลือผู้ชุมนุมเพียงอย่างเดียวไม่เกี่ยวข้องกับแกนนำผู้สั่งการ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์  ประธานสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า  จะตรวจสอบความถูกต้องและบรรจุในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ภายใน 1 สัปดาห์นี้ ส่วนจะสามารถนำขึ้นมาพิจารณาได้เมื่อใดนั้นก็ต้องขึ้นอยู่สมาชิก สำหรับการถอนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ 4 ฉบับ ที่ยังค้างอยู่ในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ตนไม่มีอำนาจที่สั่งให้ถอนได้ ขึ้นอยู่กับสมาชิกที่จะพิจารณา เมื่อถามกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับคนต่างแดนเหตุใดจึงไม่คุยกับคนต่างแดน นายสมศักดิ์  กล่าวว่า  ไม่เกี่ยวกับคนต่างแดน แต่เกี่ยวกับคนที่อยู่ในประเทศไทยที่ต้องคุยกัน
นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า  การเสนอร่างกฎหมายนี้เข้าไป เท่ากับเปิดโอกาสให้มีการนำร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 4 ฉบับค้างอยู่ในสภากลับขึ้นมาพิจารณาใหม่และอาจเกิดความขัดแย้ง ต้องถามว่า ทำไมต้องเอาความขัดแย้งใหม่มาสู่บ้านเมือง ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายฉบับไหน ไม่ว่าจะเป็นร่างของ คอ.นธ. หรือ พ.ร.ก.ของแกนนำเสื้อแดง ก็ล้วนแต่เป็นความพยายามเดียวกัน ซึ่งเคยเตือนไปแล้วว่า ถ้ายังเดินหน้าโดยคำนึงถึงเฉพาะผลประโยชน์บางกลุ่มก็จะถึงทางตันอยู่ดี แต่ถ้าจะเดินไปในทางที่ถูกต้องก็มีวิธีการที่สร้างความปรองดองขึ้นมาได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเดิมคือ คัดค้านการนิรโทษกรรมคดีอาญาและคนโกง เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคงไม่หยุดแต่จะพยายามหาทางเดินหน้าต่อ
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  08/03/2013
ปชป.เครียดกกต.บี้ใส่ร้ายเผาเมือง ขโมยวิทยุ
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติยังไม่ประกาศรับรองผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากต้องสืบสวนเรื่องคัดค้านภายใน 30 วัน ว่า พรรคไม่ติดใจและไม่กังวล แต่ขอให้กกต. มีมาตรฐานคำวินิจฉัยเช่นเดียวกับที่ผ่านมา ถึงแม้เราจะยอมรับว่าการปราศรัยบนเวทีที่บางกะปิอาจเข้าข่ายโดนใบเหลือง เนื่องจากนายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปราศรัยพาดพิงฝ่ายตรงข้าม เรื่องคดีขโมยวิทยุของพล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคเพื่อไทย แต่พรรคไม่ห่วง เพราะเชื่อว่ากกต.จะไม่ลืมเทียบเคียงกับการเลือกตั้งส.ส.เมื่อเดือนก.ค. 2554 ซึ่งพรรคเคยร้องคัดค้านการเลือกตั้งใน 6 ประเด็น เป็นกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ขึ้นเวทีปราศรัย ให้สัมภาษณ์และโพสต์ในเฟซบุ๊ก ลักษณะใส่ร้าย กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ เนื้อหาลักษณะคล้ายคลึงกับการร้องคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ จึงหวังว่ากกต.จะพิจารณาในแนวทางเดียวกัน โดยการยกคำร้องว่าไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี แต่เป็นการใช้สิทธิ์แสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย และขอให้รีบรับรองผู้ว่าฯ กทม.โดยเร็วเพื่อจะได้รับใช้ประชาชน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  08/03/2013   
วรชัยขู่ใช้เอกสิทธิ์ลุยหักดิบลัดคิววาระนิรโทษฯ
นายวรชัย  เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงการรวบรวมรายชื่อ 42 ส.ส. ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้รัฐสภา ว่า ขอย้ำอีกครั้งถึงการทำเรื่องนี้ว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ หรือประชาชนที่เป็นนักโทษการเมือง ไม่มีวาระซ่อนเร้นช่วยเหลือแกนนำคนเสื้อแดง หรือแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงอยากขอร้องทุกฝ่ายให้มีจิตเมตตาสนับสนุน อย่ามัวแต่เล่นการเมืองกันอยู่ วันนี้คนติดคุกมานานพอแล้ว กำลังรอการช่วยเหลืออยู่ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาในสัปดาห์นี้ ซึ่งตนจะประสานกับทางวิปรัฐบาล และส.ส.ในพรรคเพื่อไทยใช้เสียงกึ่งหนึ่งเลื่อนขึ้นมาพิจารณาทันที และในวันที่ 11 มี.ค. ตนจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณา เป็นไปได้ก็ในสัปดาห์นี้เลย ถ้าพรรคยังรั้งรอ หรือไม่เอาด้วย ผมก็จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.เสนอให้สภาฯดันวาระนี้มาพิจารณาก่อน ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องชักช้าอีกแล้ว ผมจะเสนอสภาฯให้โหวตเลื่อนวาระขึ้นมาเลย วัดใจให้เห็นไปเลยว่า ส.ส.แต่ละคนมีจุดยืนอย่างไร จะสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองหรือไม่ เรื่องนี้คนจะค้านอย่างไรก็ค้านอยู่วันยังค่ำ อย่าไปกลัว อย่าไปห่วงเสถียรภาพรัฐบาลมากนัก ถามหน่อยว่าถ้าเจอคนกันเอง มิตรร่วมรบออกมาประท้วงจะมีผลกระทบมากกว่าหรือไม่ ขอให้ผู้ใหญ่ในพรรคพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  11/03/2013
มาร์ค ชวน พท.ยื่นกกต.สอบ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะนี้ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยถอดเทปการปราศรัยช่วงโค้งสุดท้ายของ 9 แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ม.57 (5) ขณะที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยอย่าตัดต่อเทปและให้ถอดคำพูดทุกคำนั้น ยืนยันว่าจากการถอดเทปการปราศรัยไม่มีการตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเรามีหลักฐานทั้งภาพและเสียง คำปราศรัยมาจากเว็บไซต์และผ่านลิงก์ของพรรคประชาธิปัตย์ สามารถพิสูจน์ได้ จากการถอดเทปคำปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของทั้ง 9 แกนนำ เป็นการหาเสียงเชิงวาทกรรมทางการเมือง ปราศรัยกล่าวหาและป้ายสีพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย แต่คาดว่าจะตัดเหลือ 7 คนที่ปราศรัยเข้าข่ายชัดๆว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง  ในวันที่ 11 มี.ค. ทีมกฎมายจะสรุปข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง หากดำเนินการแล้วเสร็จจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรม การการเลือกตั้ง (กกต.)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยรวบรวมคำปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์กว่า 7 ชั่วโมงเพื่อยื่นร้องต่อกกต. กรณีกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์หาเสียงใส่ร้าย ว่า  ทุกประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยคือเรื่องจริง ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี แต่หากมีการตัดต่อคลิปคงต้องระวัง เพราะโทษของการกลั่นแกล้งมีสูงมาก ตนเข้าใจว่าเรื่องที่ยื่นน่าจะไปพิจารณาภายหลังที่กกต. ประกาศรับรอง ผู้ว่าฯกทม.แล้ว อย่างไรก็ตามหากกกต.รับเรื่องแล้วคงจะเชิญพรรคประชาธิปัตย์ไปชี้แจง ซึ่งเรามีสิทธิ์รับทราบว่า พรรคเพื่อไทยนำข้อมูลใดไปร้องเรียนบ้าง เมื่อถามว่า  พรรคเพื่อไทยร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์แล้วพรรคประชาธิปัตย์มีอะไรจะร้องเรียนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์  หัวเราะและตอบเพียงว่า คำตอบคือเสียงหัวเราะ   (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและบุคคลไปร้องเรียนต่อ กกต.ว่าการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของพรรคปราศรัยหาเสียงที่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีแก่ผู้สมัครพรรคอื่น และผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า ขอยืนยันว่าตลอดการรณรงค์หาเสียงของพรรคเป็นการปราศรัยหาเสียงที่ตั้งอยู่บนหลักพื้นฐานของความจริงซึ่งความจริงจึงไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี  ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังไม่ได้รับทราบข้อร้องเรียนต่างๆ อย่างเป็นทางการ เพียงแต่รับทราบผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น ทั้งนี้ พรรคและ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยินดีให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนของ กกต. เพราะมั่นใจและพร้อมพิสูจน์ความจริง แต่ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญให้ข้อมูลแต่อย่างใด  (หนังสือพิมพ์มติชน)
ปรับครม.ปู4 กห.-คมนาคม
แหล่งข่าว ที่พรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า  การปรับ ครม. คาดว่าจะมีขึ้นประมาณเดือน เม.ย. ด้วยเหตุผลทั้งข้อจำกัดเรื่องเวลาในส่วนโควตารัฐมนตรีของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ยังว่างอยู่ หลังการเสียชีวิตของนายชุมพล ศิลปอาชา อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และถึงเวลาเหมาะสมที่จะเกิดการปรับเปลี่ยนภายในพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การปรับ ครม. ครั้งนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 6-7 ตำแหน่ง โดยจะขอคืนเก้าอี้จากบรรดารัฐมนตรีที่อยู่ในส่วนของโควตาภาคมาเป็นโควตากลาง เพื่อเกลี่ยให้บุคคลเหล่านี้ อาทิ นายประเสริฐ  จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ที่คาดว่าน่าจะหลุดจากตำแหน่ง รมช.คมนาคม
รายงานข่าวแจ้งว่า  พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับปากคืนเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรฯให้นายยงยุทธ  ติยะไพรัช  อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งจะผลักดันนายวิสาร  เตชะธีราวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเข้ามารับตำแหน่งแทนนายปรีชา  เร่งสมบูรณ์สุข  เจ้ากระทรวงคนปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีขอไปนั่งกระทรวงทรัพยฯ โดยผ่านทางนางเยาวภา  วงศ์สวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สำหรับในส่วนของแกนนำกลุ่ม นปช. อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ จะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และแกนนำหลายรายเห็นตรงกันว่าเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวบางเรื่องของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ไม่เป็นที่พอใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้หลุดจาก ครม. ในครั้งนี้ด้วย แต่ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนตำแหน่งดังกล่าวจะต้องเปิดให้ทางกองทัพเสนอชื่อหรือยอมรับในตัวผู้ที่จะมารับตำแหน่งคนใหม่ด้วย ครม.ยิ่งลักษณ์ 4 คาดว่าจะมีนายจาตุรนต์  ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับการพิจารณา ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณยังแตะมือกับนายสมศักดิ์  เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาและกลุ่มของนายอนุทิน ชาญวีรกูล  แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่มี ส.ส. ในมือเพื่อใช้คานอำนาจต่อรองกับนายบรรหาร ศิลปะอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา แต่จะยังไม่เข้ามามีตำแหน่งใน ครม.
รายงานข่าวจากกลุ่มมัชฌิมา  กล่าวว่า  ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะมีการมอบโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยให้กลุ่มมัชฌิมา 1 ตำแหน่ง เพื่อตอบแทนที่ ส.ส. ในกลุ่มมัชฌิมาให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด ทั้งนี้นางเยาวภา  วงศ์สวัสดิ์  แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ได้ไปพูดคุยกับนายสมศักดิ์  เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาแล้วในเรื่องนี้ โดยตำแหน่งที่จะได้คือตำแหน่ง รมช.กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  11/03/2013
แม้วสไกป์ชี้เหตุแพ้ผู้ว่าตอบโต้ช้าแนะแก้รธน.รายมาตรา
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.)  กล่าวว่า  ระหว่างการประชุม ส.ส.พรรค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สไกป์เข้ามาโดยใช้เวลากว่า 30 นาที กำชับให้ ส.ส.ช่วยกันสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง จึงขอให้ส.ส.ช่วยกันอธิบายให้ประชาชนรับทราบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพูดถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ ว่า คนกทม.จะให้รักใครเป็นเรื่องยากต้องใช้เวลานาน แค่บอกว่ากลัวก็เชื่อแล้วโดยเฉพาะการนำเรื่องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. มาเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ก็ทำให้เกิดความกลัว ปชป.พูดเรื่องเผาบ้านเผาเมืองก็ทำให้คน กทม.เชื่อแล้ว ดังนั้นต้องขอบคุณเขตที่ทำให้พรรคชนะเลือกตั้ง ส่วนเขตที่ไม่ชนะ ไม่เป็นไรได้คะแนนขนาดนี้ก็ให้เอาใหม่ แต่ขอตำหนิที่ตอบโต้ ปชป.ช้าไปในเรื่องการเผาบ้านเผาเมืองทำให้พรรคพ่ายแพ้  และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 3 ขอให้ค้างอยู่ในวาระ 3 ไปก่อน โดยระหว่างนี้สามารถแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราไปก่อนได้ โดยให้ ส.ส.และส.ว.ร่วมกันเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยให้แก้ไขมาตรา 190 มาตรา 68 และมาตรา 237 ผลักดันเข้าสู่สภาไปก่อน ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์มายังที่ประชุมแล้ว จากนั้นเข้าสู่วาระให้ที่ประชุมแสดงความเห็นถึงแนวทางการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี อภิปรายว่า ถ้าพรรคมอบหมายก็พร้อมจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ โดยจะไปพูดคุยกับ ส.ส.ให้เกิดความเข้าใจก่อน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่  12/03/2013
 ปูยื้อ แม้วดึงเกมปรับครม.
รายงานข่าวแจ้งว่า  นายยงยุทธ  ติยะไพรัช  อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และนายบรรหาร ศิลปอาชา  ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจปรับ ครม.ปู 4 ให้เร็วที่สุด เนื่องจากโควตารองนายกฯ และรมว.การท่องเที่ยวและกีฬาของพรรคชาติไทยพัฒนาว่างลงเป็นเวลานานแล้ว ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจตัดสินใจปรับ ครม.เร็วขึ้น อย่างเร็วสุดอาจเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ หรือช้าที่สุดในสัปดาห์หน้า ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยบางคนมั่นใจว่าการปรับ ครม. จะมีขึ้นในวันที่ 20 มี.ค.นี้ด้วยซ้ำ  อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เห็นด้วยและพยายามยื้อเวลาออกไป และจะขอปรับเฉพาะตำแหน่งของพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น โดยยืนยันว่า รมต.ของพรรคเพื่อไทยที่แต่งตั้งเข้ามารับตำแหน่งใน ครม.ปู3 ยังบริหารงานไม่ครบ 6 เดือน หากปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีเหล่านี้จะอธิบายเหตุผลกับสังคมได้ยาก อีกทั้งไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  12/03/2013
วิปรัฐเบรกลัดคิวนิรโทษ
นายอำนวย  คลังผา  ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล  กล่าวภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ว่า  ที่ประชุมวิปรัฐบาลยังไม่มีมติที่จะต้องเลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษ ที่เสนอโดยนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะ ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน เนื่องจากยังมีกฎหมายที่ค้างการพิจารณาอยู่หลายฉบับ และยังไม่มีระเบียบวาระการประชุมเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย อยู่ในวาระพิจารณา ทั้งนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเพิ่งยื่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของประธานสภาผู้แทนราษฎรรับไว้เท่านั้น และประธานสภาฯจะต้องรอบรรจุระเบียบวาระเสียก่อน และเมื่อบรรจุแล้วก็ต้องมีการพิจารณาในสภาฯอีก หากต้องการเลื่อนขึ้นมาพิจารณา ส่วนที่นายวรชัย จะใช้เอกสิทธิ์เสนอขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนนั้น สามารถใช้เอกสิทธิ์เสนอได้แต่จะต้องใช้ผู้รับรองถึง 250 เสียงขึ้นไป โดยการโหวตถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.แต่ละคนว่าจะเห็นว่าควรจะนำมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่
นายชวลิต  วิชยสุทธิ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  และวิปรัฐบาล  กล่าวว่า  แม้นายวรชัย จะขอใช้เอกสิทธิ์ส.ส.ต่อที่ประชุมสภาฯ เพื่อเสนอนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่เชื่อว่าคงผ่านยาก เพราะการจะเสนอกฎหมายใดๆต้องผ่านวิปรัฐบาลก่อน และการจะสร้างความปรองดองต้องคุยกับทุกฝ่าย เชื่อว่าหากเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษเข้ามาก็คงถูกคาไว้เฉยๆในสภา
ด้านนายพีรพันธ์  พาลุสุข  ส.ส.ยโสธร  พรรคเพื่อไทย และวิปรัฐบาล  กล่าวว่า  แม้นายวรชัย  ยืนยันจะเดินหน้าเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว แต่เชื่อว่าเสียงข้างมากในพรรคคงไม่เอาด้วย เพราะแม้จะเห็นด้วยในหลักการ แต่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม คงต้องใช้เวลามากกว่านี้ให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  12/03/2013
พท.ปรับครม. 5 – 7  ตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า สำหรับกรณีมีกระแสข่าวจะปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 4 ขณะนี้แกนนำของพรรคที่ใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และแกนนำของพรรคที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้หารือกันเริ่มชัดเจนขึ้นว่าจะปรับอย่างน้อย 5-7 ตำแหน่ง และจะกลั่นกรองรายชื่อรัฐมนตรีที่ต้องปรับออก พร้อมตรวจสอบประวัติบุคคลถูกทาบทามให้มาเป็นรัฐมนตรีแทนให้แล้วเสร็จในเบื้องต้นในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ขณะนี้รัฐมนตรีที่จะถูกปรับออกเริ่มเคลื่อนไหวต่อรองขออยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยเฉพาะนายปรีชา  เร่งสมบูรณ์สุข  รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณไปถึงนายกฯที่ต้องคืนโควตาให้กลุ่มของนายยงยุทธ  ติยะไพรัช  แกนนำพรรคเพื่อไทย และมีการพูดกันภายในพรรคว่าหากนายกฯจะให้นายปรีชาเป็นรัฐมนตรีต่อไปจะต้องหาเก้าอี้รัฐมนตรีที่กระทรวงอื่นให้แทน  ส่วนการดึงกลุ่มมัชฌิมาพรรคภูมิใจไทยของนายสมศักดิ์  เทพสุทิน  เข้าร่วมรัฐบาลด้วยนั้น ขณะนี้นายสมศักดิ์ได้ส่งรายชื่อผู้จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีให้นางเยาวภา  วงศ์สวัสดิ์  แกนนำกลุ่มวังบัวบาน พรรคเพื่อไทยแล้ว โดยมี 2 รายชื่อ คือนายอนุชา  นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท ขณะที่อีกรายชื่อหนึ่งเป็นคนนอก  สำหรับกระทรวงที่จะเข้าไปรับตำแหน่ง เบื้องต้นกำลังหาเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงที่เหมาะสม สำหรับสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยดึงกลุ่มมัชฌิมามาร่วมงาน เนื่องจากนางเยาวภา มี ส.ส.ภาคเหนือตอนบนอยู่ในมืออยู่แล้ว จึงต้องการให้นายสมศักดิ์ ที่มีกำลัง ส.ส.ภาคเหนือตอนล่างมาร่วมงานกัน จะทำให้ ส.ส.ภาคเหนือของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดอยู่ในการกำกับดูแลของนางเยาวภาและนายสมศักดิ์     (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
รายงานข่าว แจ้งว่า  ระหว่างที่มีกระแสข่าวการปรับ ครม. ยิ่งลักษณ์ 4” ปรากฏว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์  อดีตนายกรัฐมนตรีและนางเยาวภา  วงศ์สวัสดิ์ ภริยา ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร และจะเดินทางกลับในวันที่ 13 มี.ค.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีแกนนำพรรคเพื่อไทยที่อยู่คนละขั้วอย่างนายยงยุทธ  ติยะไพรัช  อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายสมพงษ์  อมรวิวัฒน์  อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว
แหล่งข่าวใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ  กล่าวว่า  พ.ต.ท.ทักษิณ บ่นว่ามีรัฐมนตรีหลายคนที่ไม่ทำงาน และทำงานไม่เป็นก็เยอะ แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่อยากจะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย จะพิจารณาเฉพาะโควตาของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเรื่องตัวบุคคลหรือแม้แต่เรื่องเวลาก็ยังปรับเปลี่ยนไปมา หากมีการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคเพื่อไทย คาดว่าจะอยู่ที่ 2-3 ตำแหน่ง รวมกับพรรคชาติไทยพัฒนา คาดว่าจะไม่เกิน 6-7 ตำแหน่ง   (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)
 คุณชายระทึกเก้าอี้ผู้ว่าฯมติ 3 : 2 มีมูลชงกกต.ชุดใหญ่ฟันป้ายสี
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์  ตู้จินดา  ประธาน กกต.กทม.  กล่าวภายหลังการประชุม กกต.กทม. เพื่อพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ กกต.กทม.ได้รับคำร้องทั้งสิ้น 20 คำร้อง พิจารณาไปแล้ว 9 คำร้อง ในจำนวนนี้รับเป็นคำร้อง 3 เรื่อง ไม่รับ 4 เรื่องและมี 2 เรื่องที่ กกต.กทม.มีมติเสียงข้างมากเสนอความเห็นไปยัง กกต.กลาง โดยจะถึง กกต.กลางในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เป็นกรณีที่นายเรืองไกร  ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สงขลา ปชป. ในเฟซบุ๊ก รวมถึงการโพสต์ข้อความในลักษณะ ไม่เลือกเราเขามาแน่ ของดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการ โดยเชื่อว่าจากพยานหลักฐานและการสอบสวนของ กกต.กทม.มีความสมบูรณ์พอดี กกต.กลางจะพิจารณาได้เลยว่าสมควรที่จะประกาศ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็นผู้ว่าฯหรือไม่ไม่น่าจะต้องมีการส่งให้อนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้านของ กกต.พิจารณาอีกครั้ง
รายงานข่าว  แจ้งว่า  ประเด็นนายศิริโชคโพสต์ภาพและข้อความทำนองเผาบ้านเผาเมือง และประเด็น ดร.เสรีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะไม่เลือกเราเขามาแน่ โดยทั้ง 2 ประเด็น กกต.กทม. มีมติ 3 ต่อ 2 เพราะเห็นว่ามีน้ำหนักเข้าเกณฑ์ เป็นผู้ใดกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครรายใดรายหนึ่ง ทั้งนี้จากหลักฐานและการสอบสวนยังไม่ชัดเจนเพียงพอว่าจะพิจารณาเสนอให้ใบเหลือง แดง โดยถ้า กกต.กทม.เห็นว่าคดีมีมูลเชื่อมโยงไปถึงตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะต้องมีหนังสือเรียก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มารับทราบข้อกล่าวหาและทำการชี้แจงเสียก่อน จากนั้น กกต.กทม.จึงจะค่อยพิจารณาและมีความเห็นเสนอไปยัง กกต.กลาง แต่ที่มีมติที่มียังไปไม่ถึงขั้นนั้นซึ่ง กกต.กทม.นัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เวลา 13.00 น. จะมีการพิจารณาเพื่อหามติว่าจะเสนอให้ กกต.กลางประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. หรือควรสอบสวนเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าไม่น่าจะเสนอให้ กกต.กลางได้ทันในวันเดียวกัน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่  13/03/2013
แบไต๋นิรโทษพ่วง ทักษิณ
นายปลอดประสพ  สุรัสวดี  รองนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)  กล่าวถึงกรณีนายเจริญ  จรรย์โกมล  รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อหาทางออกในการสร้างความปรองดองว่า การที่รัฐบาลพยายามจะหารือกันก็เป็นเรื่องดีแล้ว จะได้นำสันติภาพและความสงบสุขคืนมา ส่วนที่มีคนคัดค้านนั้นก็เพียงแต่สงสัยเรื่องรายละเอียด เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่าการนิรโทษกรรมจะหาทางออกได้อย่างไร  นายปลอดประสพ  กล่าวว่า  ต้องตั้งหลักก่อนว่าต้องรู้จักลืม รู้จักให้อภัย ต้องเข้าใจคนที่มองต่างมุมได้ จากนั้นก็ต้องเลิกราพอกันที ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินก็เท่านั้น จะจองเวรจองกรรมอะไรกัน ซึ่งตนคิดว่าต้องพูดคุยกันและปรองดองกันโดยเร็วที่สุด  เมื่อถามว่า ในความเห็นการปรองดองต้องนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยใช่หรือไม่  นายปลอดประสพ  กล่าวว่า  แล้วทำไมจะต้องยกเว้น พ.ต.ท.ทักษิณ คนที่เป็นคนไทยทุกคนที่ทะเลาะกันต้องได้หมดจะยกเว้นไม่ได้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  13/03/2013
ปัดใบเหลืองชายหมู
นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า  ไม่กังวลในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กทม.จะสรุปคำร้องส่งให้ กกต.กลาง เพราะเป็นการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ฉะนั้นจึงต้องรอดูว่าวันที่ 14 มี.ค. กกต.กลางจะพิจารณาอย่างไร ส่วนตัวยังมั่นใจว่าข้อร้องเรียนที่พูดถึงไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ รู้ว่ามีความพยายามจากคนที่แพ้หรือไม่พอใจปั่นกระแสเรื่องใบเหลือง ใบแดง จึงอยากขอให้กกต.ทำงานโดยปราศจากแรงกดดัน ว่าไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์  ตู้จินดา  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.)  กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ กกต.กทม. มีมติสั่งให้ใบเหลืองกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ส่วนมติที่ กกต.กทม.เตรียมเสนอความเห็นไปยัง กกต.กลางในวันที่ 14 มี.ค.เป็นเพียงความเห็นและข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมถึงหลักฐานประกอบความคิดเห็นเท่านั้น โดย กกต.กทม.ยังไม่ได้เซ็นลงนามมติดังกล่าว เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบถ้อยคำให้ถูกต้องอีกครั้ง กกต.กทม.จะมีการประชุม เพื่อเซ็นลงนามในมติดังกล่าวในวันที่ 14 มี.ค. เวลา 13.00 น. ก่อนที่จะเสนอให้กกต.กลางพิจารณาต่อไป
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  14/03/2013
ส่งร้องค้านชายหมู ทวีศักดิ์ปูด 20 มี.ค.มีข่าวใหญ่
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์  ตู้จินดา  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กทม.)  กล่าวภายหลังการประชุม กกต.กทม. เพื่อพิจารณาคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า ที่ประชุม กกต.กทม. ได้เซ็นลงนามในคำร้องคัดค้านจำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ กรณีที่นายเรืองไกร  ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ร้องขอให้ตรวจสอบการโพสต์ภาพเผาบ้านเผาเมืองของนายศิริโชค  โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในเฟซบุ๊ก และกรณีการโพสต์ข้อความในลักษณะไม่เลือกเราเขามาแน่ ของนายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการ ส่งไปยัง กกต.กลาง เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัย โดยในวันที่ 20 มี.ค. จะมีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลในคำร้องต่างๆ และขอเชิญสื่อมวลชนมาร่วมทำข่าวในวันดังกล่าว เพราะจะเป็นข่าวใหญ่พาดหน้าหนึ่งแน่นอน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  15/03/2013
กกต.กรุงส่งซิก 20 มี.ค.มีข่าวใหญ่คุณชายรับข้อหาดีเอสไอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 14 มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ พร้อมทีมกฎหมาย เข้าพบ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยศักดิ์ ผู้บัญชาการ สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 57 วรรค 2 กรณีการจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคการเมืองให้กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยบริจาคด้วยการหักเงินจากบัญชีเงินฝาก โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่  15/03/2013
พท.ปัดปูทางเจ๊แดง
นายพร้อมพงศ์  นพฤทธิ์  โฆษกพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงกรณี นายเกษม  นิมมลรัตน์  ลาออกจาก ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ว่า นายเกษม แจ้งต่อคณะกรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรคเพื่อไทย ว่าเหตุผลที่ลาออกเพราะสุขภาพไม่ดี และต้องการไปดูแลงานท้องถิ่นเพื่อรับใช้ชาวเชียงใหม่ ไม่มีการกดดันหรือถูกบีบจากผู้ใหญ่ในพรรค ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า  นางเยาวภา  วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมาลงสมัคร ส.ส.แทนนายเกษม เพื่อเตรียมตัวเป็นนายกฯสำรองนั้นไม่เป็นความจริง พรรคประชาธิปัตย์พยายามจินตนาการเป็นเกมการเมืองให้กระทบความน่าเชื่อถือ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่นานาประเทศให้การยอมรับ ขณะที่คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ใน ป.ป.ช.ก็ยังไม่มีผลกระทบต่อตำแหน่งนายกฯ  (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย  แจ้งว่า  สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจส่งนางเยาวภาให้ลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นั้น จุดหลักคือเพื่อให้มาช่วยดูแลในส่วนสภาผู้แทนฯ เป็นหูเป็นตาให้กับนายกรัฐมนตรีที่มีภารกิจการบริหารค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเข้ามาดูแลการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา เนื่องจากที่ผ่านมางานสภาของพรรคยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควรและหลายครั้งที่เปิดช่องให้ฝ่ายค้านโจมตีได้ เพราะส.ส.ของพรรคอาจทำหน้าที่ไม่เต็มที่  (หนังสือพิมพ์มติชน)
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายเกษม นิมลรัตน์ ลาออกจากส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยว่า ชี้ชัดว่า  นายเกษมเป็นเพียงคนขัดตาทัพให้กับเครือญาติของคนในตระกูลชินวัตรเท่านั้น ซึ่งเท่าที่ติดตามการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ตนไม่เคยเห็นว่านายเกษม มีบทบาทการทำงานที่คุ้มกับภาษีของประชาชน และยังแสดงให้เห็นว่า 1.ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าประชาชน ที่สำคัญเป็นการเปิดทางให้นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เข้าสู่การเป็นส.ส. เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ หากเกิดอุบัติเหตุการเมือง ถือเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน 2.พรรคเพื่อไทยกลืนคำพูดของตัวเอง 3.ทำให้เปลืองภาษีประชาชนที่ต้องจ่ายงบประมาณเลือกตั้งซ่อมส.ส. และ 4.ชัดเจนว่าเป็นการรักษาอำนาจของคนในตระกูลชินวัตร  เมื่อถามว่า  เห็นด้วยหรือไม่กับการที่กกต.จะแก้ปัญหานี้ด้วยการเสนอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งว่าหากส.ส.คนใดลาออกโดยไม่มีเหตุผลสมควร จะให้รับผิดชอบเป็นผู้จ่ายค่าเลือกตั้งซ่อมส.ส. นายชวนนท์  กล่าวว่า พรรคเห็นด้วย เพราะการเอาตำแหน่งทางการเมืองมาเป็นเครื่องมือเปิดเวทีให้คนอื่นเข้าสู่ผลประโยชน์ เป็นเรื่องไม่เหมาะสม การกระทำเช่นนี้ถือว่าเข้าข่ายที่กกต.สามารถแจกใบแดงได้เลย  (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)
พท.จับมือ “60 ส.ว.แก้รธน.ส่งซิกเดินเกมเร็ว
นายอุดมเดช  รัตนเสถียร  ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังการประชุมประจำสัปดาห์ ว่า ที่ประชุมได้มีการนำข้อหารือของคณะ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง จำนวน 50 – 60 คน นำโดย นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีตประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นควรให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา อาทิ มาตรา 68 มาตรา 237  รวมไปถึงมาตรา 190 นอกจากนี้ ยังมีการเสนอแก้ไขบางมาตราเพื่อให้ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งสามารถที่จะมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกครั้งหลังจากครบวาระ 6 ปี การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเสนอแยกเป็นรายมาตรา  หากมาตราใดไม่มีปัญหาก็แก้ไขได้ก่อน ส่วนมาตราใดมีผู้คัดค้านจึงแก้ไขเป็นประเด็นๆไป เรื่องนี้วิปรัฐบาลจะประสานกับพรรคต้นสังกัดดูรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ ส.ส.และส.ว. 1 ใน 5 ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาฯในวันที่ 20 มี.ค. เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาเร็วๆนี้ คาดว่า ภายในสมัยประชุมนี้จะสามารถบรรจุเพื่อให้มีการรับหลักการในวาระที่ 1 ได้ก่อนที่จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการแก้ไขมาตรา 291 ที่ยังค้างอยู่ในวาระการประชุมให้คงอยู่เช่นนั้นไปก่อน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่ 19/03/2013
ปปช.เค้น2ปมเงินกู้30ล. ปูลุ้นระทึกกล้านรงค์ชี้ 2 สัปดาห์รู้ผล
นายกล้านรงค์  จันทิก  กรรมการ ป.ป.ช.  กล่าวภายหลังแถลงผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในรอบ 6 เดือน (1 ต.ค. 2555 – 18 มี.ค. 2556) ถึงกรณีกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยระบุว่าได้ให้บริษัท แอ๊คอินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์  อมรฉัตร คู่สมรสกู้ยืม 30 ล้านบาท และมีการตั้งข้อสังเกต 2 ประเด็น ว่าการปล่อยกู้ไปถึง 3 ครั้ง ตรงนี้เป็นไปตามการยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายกรัฐมนตรีซึ่งได้ยื่นไว้ในกรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากยังเป็นขั้นตอนการตรวจสอบที่อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.  ในขั้นตอนต่อไปยังไม่จำเป็นต้องเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาชี้แจง เพราะอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ในเชิงลึกก่อน หากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดปกติ จากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะนำมาพิจารณาต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานภายใน 2 สัปดาห์   (หนังสือพิมพ์มติชน)
นายสุรนันทน์  เวชชาชีวะ  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกระแสข่าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้เงินกู้ 30 ล้านบาท กับบริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ที่มีนายอนุสรณ์  อมรฉัตร สามีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเครือญาติถือหุ้นใหญ่ในช่วงปี 2549 – 2550 ว่า หาก ป.ป.ช. ตรวจสอบก็ต้องเป็นไปตามกติกา แต่อยากขอความเป็นธรรมให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะมาด้วยความบริสุทธิ์ใจตั้งใจทำงานให้กับประเทศ ซึ่งนายกฯก็พร้อมชี้แจงในทุกเรื่องไม่หวั่นไหว เพราะมั่นใจในความถูกต้องของตัวเองว่าไม่ได้ทำอะไรผิด  (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)
ล้มเจ้า” – ทหารอึดอัด บิ๊กตู่ฮึ่ม!ไล่ไปอยู่ประเทศอื่น
พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า  เราเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นจอมทัพไทย ในความรู้สึกของตนเองเข้าใจสถานการณ์ของประเทศวันนี้ว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร การเสอนรายการเป็นสิทธิของสื่อและผู้จัดรายการที่กระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ สำหรับกรณีดังกล่าว ตนเองไม่กล้าจะกล่าวว่า ผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ แต่ในความรู้สึกของทหาร เห็นว่ายังไม่น่าเหมาะสมที่จะนำเรื่องพวกนี้มาพูดกันในเวลานี้ โดยเฉพาะคนที่มาพูดเป็นถึงครู อาจารย์ ประเทศชาติจะไปข้างหน้าได้ต้องมีครู อาจารย์ที่ดี และการสอนให้คนเป็นคนดี สำคัญกว่าจะสอนให้มาแก้กฎหมายโน้นกฎหมายนี้ แต่ถ้าท่านคิดว่าอยู่เมืองไทย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีมาตราอะไรก็แล้วแต่ แล้วทำให้อึดอัด ท่านก็ไปหาที่อื่นอยู่แล้วกัน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  20/03/2013
เลี่ยงโดนตีความยื่นแก้รธน. 3 ร่าง
นายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์  ประธานรัฐสภา  กล่าวว่า  จะตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อ ตามข้อบังคับการประชุมต้องบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาภายใน 7 วัน จากนั้นเป็นเรื่องของสมาชิกจะพิจารณาให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ ซึ่งร่างดัวกล่าวนี้จะพิจารณาร่วมกันทั้ง 3 ร่างและตั้งกรรมาธิการขึ้นมา 3 ชุด จะไม่เกี่ยวข้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของเก่าที่ยังค้างรอโหวตวาระ เมื่อถามว่า  จะเป็นชนวนความขัดแย้งครั้งนี้ใหม่หรือไม่  นายสมศักดิ์  กล่าวว่า  แก้ไขไม่มาก คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เท่าที่ดูเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า สมาชิกพิจารณาแล้วคิดว่าเหมาะสม การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ทุกเวลา
ด้านนายดิเรก  ถึงฝั่ง  ส.ว.นนทบุรี  กล่าวว่า  การแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเสร็จภายในเดือน ส.ค. ส่วนกรณีที่ ส.ว.ยื่นในสิ่งที่ส.ส.ต้องการ อาทิ มาตรา 68 และมาตรา 237 ขณะที่ ส.ส.ก็ยื่นแก้ไขเรื่องที่มาของ ส.ว. เพราะหาก ส.ว.เป็นแกนนำยื่นเอง อาจถูกตีความเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกันได้ อย่างไรก็ตาม รูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราที่จะเสนอแก้ไขอยู่นี้ คิดว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้ว หากวิธีการนี้แก้ไขไม่สำเร็จก็ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญอีกแล้ว
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  21/03/2013
ทวีศักดิ์เฉลยข่าวใหญ่มติสอบ ปูพาจูดี้หาเสียงเขตทหาร
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์  ตู้จินดา  ประธาน กกต.กทม.  กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.กทม. มีเรื่องร้องคัดค้าน นับตั้งแต่วันเลือกตั้งจนถึงขณะนี้ ทั้งหมด 24 คำร้อง ไม่รับเป็นคำร้อง 12 คำร้อง เสนอไปให้ กกต.กลางพิจารณาแล้ว 2 คำร้อง และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาคำร้องหรือไม่ จำนวน 7 คำร้อง ส่วนที่เหลืออีก 2 คำร้อง ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์รับเป็นคำร้องคัดค้าน เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 1 คำร้อง เป็นกรณีนายสุริยะใส  กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ  พงษ์เจริญ  อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 9 พท. หาเสียงที่กองพันทหารราบที่ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เขตดินแดง โดยอยู่ระหว่างการประสานงานขอให้พยานซึ่งเป็นผู้บังคับการหน่วยเข้ามาชี้แจง แต่ยังไม่สามารถระบุวันที่จะเชิญมาชี้แจงได้ ส่วนอีก 1 คำร้อง ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  อดีต ส.ว.สรรหา และคำร้องของนายวิญญัติ  ชาติมนตรี ทีมกฎหมาย พท. ซึ่งยื่นคำร้องคัดค้านประเด็นใกล้เคียงกัน กรณี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ปชป. กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น พ.ศ. 2545 และการปราศรัยจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยมอันเป็นคุณหรือโทษต่อผู้สมัครอื่น การรับคำร้องทั้ง 2 คำร้องดังกล่าว เป็นคำร้องคัดค้านก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง ตามมาตรา 96 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ขณะนี้ กกต.กทม.ยังมีเวลาในการสืบสวนก่อนที่จะเสนอไปยัง กกต.กลาง ภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่  21/03/2013
300 สส. สว.ลุยแก้รธน.รายมาตรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 ตัวแทน ส.ว.และส.ส. นำโดยนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี และเพื่อนส.ว. พร้อมด้วยส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ยื่นเสนอร่างแก้ไขรัฐ ธรรมนูญรายมาตรา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร สำหรับรายชื่อ ส.ว. ส.ส. ที่ร่วมลงชื่อทั้ง 3 ร่าง พบว่าร่างที่ นายอุดมเดช ยื่นแก้ไขที่มาของส.ว. มีผู้เข้าชื่อทั้งสิ้น 303 คน แยกเป็น ส.ส. 248 คน และส.ว. 55 คน มีส.ว.สรรหาร่วมลงชื่อ 8 คน ขณะที่ร่างของนายดิเรก ยื่นให้แก้ไขมาตรา 237 และมาตรา 68 มีผู้เข้าชื่อทั้งสิ้น 308 คน แยกเป็นส.ส. 248 คน ส.ว. 60 คน ขณะที่ร่างของจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ยื่นแก้ไขมาตรา 190 มีผู้เข้าชื่อ 310 คน แยกเป็นส.ส. 248 คน ส.ว. 62 คน
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  21/03/2013
 ขุนค้อนทันควัน แก้รธน.ถกจันทร์นี้ 3 ร่าง ตั้งเป้าเสร็จใน ก.ย.
นายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์  ประธานรัฐสภา  กล่าวว่า มีความเป็นไปได้เช่นกันว่า จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณารับหลักการในวาระแรก ไม่จำเป็นจะต้องพิจารณาในวันพุธ หรือ วันพฤหัสบดี  จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะพิจารณาในวันจันทร์หรืออังคารได้ แต่จะมีการประชุมกี่วันขึ้นอยู่กับวิปทั้งสามฝ่ายจะไปหารือกัน สาระที่แก้ไขเป็นการแก้ไขเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เห็นตรงกันอยู่แล้ว เช่น มาตรา 190 และ 237 จะมีโดนวิจารณ์เพียงแค่ มาตรา 68 เท่านั้น สำหรับการที่ ส.ว.บางคน ถอนชื่อจากการยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราคงไม่มีปัญหาอะไร ถ้าตราบใดที่รายชื่อยังครบอยู่
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่  22/03/2013  
แก้รธน.ป่วน สว.แห่ถอนชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า หลังจากที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และส.ว.ได้ร่วมกันลงชื่อร่วมกันเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ….ต่อประธานรัฐสภาจำนวน 3 ร่าง เมื่อวันที่ 20 มี.ค.แล้วนั้น ปรากฏว่าในวันนี้ได้มี ส.ว.ที่ได้ร่วมลงชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้ทำหนังสือถึงประธานรัฐสภาเพื่อขอถอนชื่อออกจากการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจำนวน 3 คน ประกอบด้วยนายนิรันดร์ ประดิษฐกุล นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ และนายจารุพงศ์ จีนาพันธ์ ส.ว.สรรหา โดยให้เหตุผลว่าไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของตนเอง
นายนิรันดร์ ประดิษฐกุล  ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบมี ส.ว.ทั้งหมดจำนวน 6 คน ได้มาถอนชื่อออกจากการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว โดยมีชื่อเพิ่มเติมอีก 3 คน คือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ ส.ว.สรรหา และพล.ต.ต.ขจร สัยวัตร์ ส.ว.หนองคาย โดยเหตุผลที่ตนถอนชื่อออกเพราะการพูดคุยของ ส.ว.เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมาเพื่อขอชื่อสนับสนุนในการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นทราบว่าจะมีการแก้ไขเพียง 3 มาตรา คือ มาตรา 190 , มาตรา 117  และมาตรา 237 ไม่มีการระบุว่าจะมีการแก้ไขมาตรา 68 แต่เมื่อมีการเขียนและยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของหลายกลุ่มกลับมีการเขียนแก้ไขมาตรา 68 โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับมาตรา 237 ตนจึงไม่เห็นด้วย
ด้าน นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์  ส.ว.สรรหา  กล่าวว่า หลังทราบจากข่าวว่ามีรายชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนก็ได้ขอถอนชื่อออก แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยเห็นด้วยกับการแก้ไขใน มาตรา 68 จึงได้ลงชื่อในหนังสือเพื่อสนับสนุนการแก้ไขไว้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว  แต่หลังจากได้รับทราบข้อมูลเห็นว่าควรเปิดให้มีผ่านช่องทางประชาชนยื่นด้วย ดังนั้นในวันนี้ตนจึงไม่เห็นด้วย แต่ปรากฏว่าในการยื่นครั้งนี้ยังได้มีการนำเอกสารเก่ามาใช้อีกจึงถือว่าผิดวัตถุประสงค์จึงได้ถอนชื่อไป
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  22/03/2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น