วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปตท. ตอกกลับ นพดล เผยตระกูลชินวัตรถือหุ้นอยู่ 0.002% เมื่อ 19 มี.ค.56



ปตท. ตอกกลับ นพดล เผยตระกูลชินวัตรถือหุ้นอยู่ 0.002%
 
ปตท. ตอบกลับ นพดล เผยตระกูลชินวัตรถือหุ้นอยู่ 0.002% หลังนพดลออกมาระบุว่า ไม่มีหุ้นตระกูลชินฯ ใน ปตท. และหากมีหลักฐานจะยกหุ้นทั้งหมด พร้อมบริจาคอีก 10 ล้าน

            จากกรณี นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมากล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถือหุ้น ปตท. ส่งผลให้น้ำมันแพงว่า ไม่เป็นความจริง และขอท้าคนที่กล่าวหาด้วยว่า หากมีหลักฐานมาพิสูจน์จะยกหุ้นให้ทั้งหมด และจะบริจาคให้อีก 10 ล้าน นอกจากนี้ยังวอนให้หยุดใส่ร้ายเพื่อหวังผลทางการเมือง ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

          
  ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันนี้ (18 มีนาคม) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้จัดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริงว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงถึงการนำเสนอข่าวในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีการบิดเบือนข้อมูลไม่ถูกต้อง และมีเจตนาอื่น ๆ แอบแฝง โดยตนขอยืนยันว่า การทำงานของ ปตท. ในฐานะองค์กรของรัฐที่สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ไม่ใช่แค่ใช้พลังงานราคาถูก แต่ต้องการให้คนไทยได้ใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสม อีก 10-20 ปีข้างหน้าด้วย 
           
 ส่วนเรื่องหุ้นส่วนที่กำลังถกเถียงอยู่นั้น ทาง ปตท. มีจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด  2,850 ล้านหุ้น ซึ่งในนี้มีตระกูลชินวัตร ถือครองหุ้น ปตท.อยู่ 0.002% เป็นสัดส่วนที่ไม่มีนัยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ถือหุ้น ปตท. ทั้งหมดกว่า 5 หมื่นราย
       

            สำหรับประเด็นที่ ปตท. มีกำไรแสนล้านบาท เพราะขายน้ำมันแพงนั้น นายไพรินทร์ ระบุว่า ที่ผ่านมา ปตท. มียอดขายน้ำมันผ่านปั๊มปีละ 3 แสนล้านบาท โดย ปตท. มีส่วนแบ่งตลาดค้าปลีก 47-48% และธุรกิจน้ำมันมีกำไร 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกำไรส่วนใหญ่มาจากธุรกิจนอนออยล์ ได้แก่ ร้านกาแฟอเมซอน ไม่ใช่เพราะราคาน้ำมันแพง และที่ผ่านมา ปตท. แบกรับภาระขาดทุนเกือบ 2 หมื่นล้านบาทสำหรับเอ็นจีวี และขาดทุนอีก 1 หมื่นล้านบาทในแอลพีจี ถือว่าเป็นการอุดหนุนราคาให้แก่ผู้ใช้รถเพียงไม่กี่แสนราย

         
   อย่างไรก็ดี ทาง ปตท. เข้าใจว่า การโจมตี ปตท. นั้น เป็นเรื่องปกติเนื่องจากเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ แต่การให้ข้อมูลที่บิดเบือน ไม่ถูกต้อง และเป็นประเด็นเดิมนั้น ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งทาง ปตท. ก็ไม่มีนโยบายที่จะฟ้องร้องเป็นคดีความ แต่ทั้งนี้ ปตท. ก็ไม่อยากให้เป็นประเด็นที่เป็นปัญหาให้สังคมแตกแยกกว่าเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น