ผบ.ทบ. ยันไม่ถอนทหาร หากใต้ยังไม่สงบ
พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ว่า การเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อมาฟังสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งได้รับรายงานขั้นต้น จากการชี้แจงของแม่ทัพภาคที่ 4 ว่าสถานการณ์ต่างๆอยู่ในการควบคุมได้เป็นอย่างดี และยังไม่มีการสั่งการเพิ่มเติมแต่อย่างใด การดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์ได้เดินหน้าไปตามลำดับ และอยากให้แยกแยะในส่วนของกระบวนการสันติภาพกับงานด้านความมั่นคง แต่ทั้งนี้จะเน้นงานด้านความมั่นคงเป็นหลัก และต้องพัฒนาติดตามในเรื่องของสถานการณ์ด้านการข่าว เพื่อเป็นการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ยิ่งเป็นประเด็นในเรื่องของการพูดคุยที่ต้องนำไปสู่การแก้ปัญหาในภาพรวมทั้งหมด ทั้งภายในประเทศ และนอกประเทศ ที่สำคัญคือไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก ในการปฏิบัติงานต่างๆ เหล่านี้ว่ามีความขัดแย้งหรือเปล่า ซึ่งทางหน่วยความมั่นคงไม่มีความขัดแย้งแต่อย่างใด ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยหารือกันมาโดยตลอด ในเมื่อนโยบายหรือยุทธศาสตร์ได้มีการกำหนดให้มีการพูดคุยเจรจากัน ต้องหาทางว่าจะพูดคุยกันอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้องตกลงว่าจะทำอย่างไร
"วันนี้ตนเองถือว่าเพิ่งจะเริ่มก้าวเดินเท่านั้นเอง ที่เป็นการอำนวยความสะดวกจากประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งก็เรื่องที่ดี เกี่ยวกับการจำกัดเสรีของกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุ แต่ก็จะต้องดูว่าจะเดินต่อไปอย่างไร ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงก็จะนำข้อมูลต่างๆไปให้กับผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่ได้มีการเริ่มการพูดคุยอะไรในขณะนี้ เป็นเรื่องของการประสานงาน หลังจากนี้ถ้าจะมีการพูดคุยกันก็จะทำเป็นโรดแมฟ กำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่มีคณะทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี สมช.เป็นหน่วยงานหลักทำงานร่วมกับ 7 หน่วยงาน ซึ่งคงจะต้องมีการแต่งตั้งคณะทำงานจากบุคคลเหล่านี้ เพื่อไปพูดคุยกันเต็มคณะ เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการประสานงานเท่านั้น" ผบ.ทบ. กล่าว
พลเอกประยุทธ ยังกล่าวอีกว่า ตนเองได้สั่งการให้ท่านแม่ทัพภาค 4 ได้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ยิ่งในสายงานของพลเรือน ในนามของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงจังหวัด ก็ต้องเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าทำงานได้ดี ทำให้การก่อเหตุในพื้นที่ทำได้ยากขึ้น ถึงแม้จะมีอยู่บ้าง อย่างเช่นการเผายางรถยนต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามทำให้เห็นว่ายังมีศักยภาพ แต่จริงๆก็แค่การจ้างเด็กไม่กี่คนไปทำ ก็อย่าไปกลัว อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งตนเองก็ยืนยันว่าอย่างไรก็จะไม่มีการถอนกำลังทหาร ตราบใดที่ยังคงมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
"วันนี้ตนเองถือว่าเพิ่งจะเริ่มก้าวเดินเท่านั้นเอง ที่เป็นการอำนวยความสะดวกจากประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งก็เรื่องที่ดี เกี่ยวกับการจำกัดเสรีของกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุ แต่ก็จะต้องดูว่าจะเดินต่อไปอย่างไร ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงก็จะนำข้อมูลต่างๆไปให้กับผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่ได้มีการเริ่มการพูดคุยอะไรในขณะนี้ เป็นเรื่องของการประสานงาน หลังจากนี้ถ้าจะมีการพูดคุยกันก็จะทำเป็นโรดแมฟ กำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่มีคณะทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี สมช.เป็นหน่วยงานหลักทำงานร่วมกับ 7 หน่วยงาน ซึ่งคงจะต้องมีการแต่งตั้งคณะทำงานจากบุคคลเหล่านี้ เพื่อไปพูดคุยกันเต็มคณะ เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการประสานงานเท่านั้น" ผบ.ทบ. กล่าว
พลเอกประยุทธ ยังกล่าวอีกว่า ตนเองได้สั่งการให้ท่านแม่ทัพภาค 4 ได้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ยิ่งในสายงานของพลเรือน ในนามของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงจังหวัด ก็ต้องเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าทำงานได้ดี ทำให้การก่อเหตุในพื้นที่ทำได้ยากขึ้น ถึงแม้จะมีอยู่บ้าง อย่างเช่นการเผายางรถยนต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามทำให้เห็นว่ายังมีศักยภาพ แต่จริงๆก็แค่การจ้างเด็กไม่กี่คนไปทำ ก็อย่าไปกลัว อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งตนเองก็ยืนยันว่าอย่างไรก็จะไม่มีการถอนกำลังทหาร ตราบใดที่ยังคงมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น