วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

ผบ.ทบ.เผยทุกเหล่าทัพเตรียมส่งโผทหารให้ "สุกำพล" วันนี้ เมื่อ 6 มี.ค.56




ผบ.ทบ.เผยทุกเหล่าทัพเตรียมส่งโผทหารให้ "สุกำพล" วันนี้

เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลกลางปี 2556 เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมาที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมเป็นประธานการประชุมว่า เป็นการประชุมหารือร่วมกันในทุกเหล่าทัพ และคณะกรรมการทั้งหมดได้เข้าประชุมร่วมกันครบทุกคน โดยทั้งหมดเป็นไปตามที่เหล่าทัพเสนอขึ้นมา และรมว.กลาโหมจะดูภาพรวมในฐานะที่เป็นคณะกรรมการ ทั้งนี้ผบ.เหล่าทัพได้ชี้แจงเหตุผลและหลักการในการปรับย้ายทั้งหมด ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น ขอให้รอดูว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนไม่ต้องการให้ทุกคนมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากนัก เพราะเป็นเรื่องภายในของเหล่าทัพทหาร ดังนั้นไม่ว่า ใครจะเป็นอะไรก็ตาม เขาจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบวินัยของกองทัพ โดยจะดำเนินการอย่างอื่นที่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้

"ในวันนี้ (6 มี.ค.) ทุกเหล่าทัพจะส่งบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหารกลางปีให้กับรมว.กลาโหม โดยในส่วนของกองทัพบก บัญชีโยกย้ายได้ดำเนินการเสร็จมาก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีการปรับแก้ไขแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 แทนพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้นั้น ขณะนี้ได้มีการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยดูจากคุณสมบัติและการทำหน้าที่ คนที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นคนเก่าที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่คนใหม่ที่มาจากที่อื่น เพราะต้องเป็นคนที่เคยทำงานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากจะต้องมีการสานต่องาน รวมถึงเรื่องของความอาวุโสด้วย"ผบ.ทบ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้หารือเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อโกยย้ายนายทหารกลางปี ร่วมกับผบ.เหล่าทัพเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางรมว.กลาโหมได้ให้ผบ.เหล่าทัพกลับไปจัดทำบัญชีรายชื่ออีกครั้ง โดยการปรับย้ายในครั้งนี้ไม่มีการปรับย้ายตำแหน่งงมากนัก ซึ่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายกลางปีจะมีทั้งหมด 79 อัตรา โดยในส่วนของกองทัพบกมีการปรับย้าย 35 อัตรา โดยเบื้องต้นผบ.ทบ.ได้ปรับย้ายในส่วนของตำแหน่งของพล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนก.ย.นี้ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในอัตราพลเอก โดยขยับพล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15)แม่ทัพน้อยที่ 3 ซึ่งเป็นน้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 ส่วนพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 จะถูกขยับเข้ามากินอัตราพลเอกก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปลายปีนี้ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ โดยพล.ท.อุดมชัย ได้เสนอชื่อพล.ท.กิตติ อินทรสร (ตท.14) รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งถือเป็นนายทหารที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความต้องการปรับเปลี่ยนในตำแหน่งของ พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผุ้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ม.2รอ.) และพล.ต.ศักดา สารีพันธ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ (ผบ.พล.ป.) ขยับขึ้นมากินอัตราพลโทในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกก่อนจะเกษียณอายุราชการ แต่เนื่องจากติดขัดเรื่องอัตรา เพราะการปรับย้ายในส่วนของกองทัพบกครั้งมีพลเอก 4 ตำแหน่ง พลโท 3 ตำแหน่ง และพลตรีมีเพียง 11 ตำแหน่ง ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนจะมีผลกระทบจึงทำให้ไม่สามารถขยับตำแหน่งได้ อย่างไรก็ตามการพิจารณาบัญชีปรับย้ายยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด โดยพล.อ.อ.สุกำพล จะเชิญผบ.เหล่าทัพมาพูดคุยหารือข้อสรุปอีกครั้งในวันที่ 9 มี.ค.นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น