วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

แฉเห็นๆ!!! "ประชานิยม"ไร้น้ำยา-ปชช.ยังรวยกระจุกจนกระจาย เมื่อ 6 มี.ค.56



แฉเห็นๆ!!! "ประชานิยม"ไร้น้ำยา-ปชช.ยังรวยกระจุกจนกระจาย
Tag : ประชานิยม เศรษฐีทั่วโลก นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐ คนไทยยังรวย เศรษฐีชาวไทย  / 06-03-13 13:00   อ่าน : 349คอลัมน์ : เศรษฐกิจ / วิเคราะห์เศรษฐกิจ
         
แฉเห็นๆ รบ.ทุ่มเม็ดเงินมหาศาล ลุยโครงการประชานิยม อาทิ โครงการรับจำนำข้าว แต่ความเหลื่อมล้ำไม่ได้หายไป  แถมตอกย้ำให้เห็น "รวยกระจุกจนกระจาย"เช่นเดิม
วานนี้ ( 5 มี.ค.)  มีการจัดอันดับเศรษฐีทั่วโลกโดย  นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐ ผลปรากฏว่า เศรษฐีชาวไทยที่ติดอัดดับโลกหลายราย เช่น นายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของกิจการซีพี รวยเข้าขั้นอันดับ 1 ของไทย อันดับ 2 นายเจริญ ศิริวัฒนภักดี แห่งไทยเบฟ และหนึ่งในนั้นยังคงมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ติดอันดับ 6  มีทรัพย์สิน 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือ 51,000 ล้านบาท จากธุรกิจโทรคมนาคม  และก็น่าตะลึงไม่น้อย ที่เศรษฐีอันดับหนึ่งของบ้านเรามีทรัพย์สินถึง 429,000 ล้านบาท.. ใครที่รวยอยู่แล้วก็รวยกันไป.. 
         
แต่เมื่อย้อนกลับมาดูภาพรวมสภาพปากท้องคนทั้งประเทศ จากข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีการสรุปภาวะตลาดแรงงานของปี 2555 พบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจไม่น้อย ลูกจ้างที่ได้รับเงินเดือนเป็นรายเดือนทั้งในภาคเกษตร และนอกภาคเกษตร (ไม่นับรวมพนักงานบริษัท) ได้รับค่าจ้างรายเดือนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีค่าจ้างเฉลี่ยรายได้อยู่ที่ 11,022.40 บาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 11.3% ขณะที่รายได้ของลูกจ้างในภาคการเกษตรรับค่าจ้างเฉลี่ยทั้งปี 4,860.70 บาทต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น
          
จะเห็นได้ว่าความแตกต่างระหว่างรายได้ของไทย ยังเป็นลักษณะแบบ รวยกระจุกจนกระจาย และเป็นปัญหาของสังคมไทยมายาวนาน รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยรพยายามอ้างถึงการใช้เงินประเทศเพื่อจะลดปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะรัฐบาลชุดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งโหมประชานิยมลงไปมากมาย และประกาศจะนำพาประเทศให้หลุดจากประเทศร่ำรวยปานกลางให้ได้ 
          
ภายใต้โครงการต่างๆ เช่น รับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท ที่ใช้เม็ดเงินไปแล้วกว่า 3.36 แสนล้านบาท โครงการจำนำรอบใหม่อีก 1.5 แสนล้านบาท บัตรสินเชื่อเกษตรกรที่อัดวงเงินสินเชื่อ 40,467 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรจำนวน 724,463 ราย จำนวนเงิน 2,261 ล้านบาท จำนำมันสำปะหลัง จำนวนเงิน 1,867 ล้านบาท โครงการรักษาเสถียรภาพราคายางอีก 22,000 ล้านบาท 
          
แต่ผลก็คือ ตัวเกษตรกรเองไม่ได้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย คำถามต่อมาแล้วเม็ดเงินเหล่านี้ไปตกอยู่แห่งหนใด ไปอยู่ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทางการเกษตร...ใช่หรือไม่....นี่ยังไม่พูดถึงภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นจาการทำประชานิยมว่าสุดท้ายใครเป็นผู้รับชอบ
         
ขณะที่มุมมองของ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด ชี้ว่านโยบายพัฒนาประเทศที่ผ่านมา ลดปัญหาความยากจนจาก 22 ล้านคนเหลือ 5 ล้านคน แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ได้หายไป จากสถิติการกระจายรายได้ปี 2553 พบว่า 20 % ของคนรวยสุดคิดเป็น 54 % ของจีดีพี 80 % ของคนจนสุด 46% ของจีดีพี และ 10% ของคนจนที่สุดเป็นแค่ 4 % ของจีดีพี
         
รัฐบาลเคยคิดไหมว่า นโยบายประชานิยมที่ใช้เงินงบประมาณจำนวนมหศาลแท้จริงสร้างความเข็มแข็งให้เกษตรกรได้มากน้อยเพียงใด มีการพัฒนาผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ หากทิศทางนโยบายของผู้นำประเทศยังเดินต่อไปเช่นนี้ เศรษฐกิจไทยจะถามหาความยั่งยืนได้จากที่ไหน แม้ปีหน้าเราจะมีจำนวนมหาเศรษฐีติดอันดับโลกเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ตาม แต่เมื่อความเป็นจริงคนที่เป็นรากฐานของประเทศยังคงย่ำอยู่กับที่ ประเทศไทยเราก็คงยังอยู่กับประโยคที่ว่า “รวยกระจุกจนกระจาย”เช่นเดิม....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น