วันพุธ ที่ 6 มีนาคม 2556
ในการหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าเป็นการเอาจริงเอาจังในการแข่งขันครั้งนี้อย่างมากของพรรคเพื่อไทย โดยระดมสรรพกำลังทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ลงพื้นที่หาเสียงช่วยทุกครั้้งที่มีโอกาส นอกจากนั้นแล้ว คำสั่งจากแดนไกลยังสั่งให้บรรดา สส.ของพรรคให้ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ ซึ่งนับว่าระดมสรรพกำลังเต็มที่มากกว่าการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการระดมแกนนำพรรค สส. หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีแล้ว สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ มีแกนนำ นปช. ระดับเอ้ ถึงสองคน คือนายณัฐวุฒิ และ นายจตุพร ได้เข้าร่วมรณรงค์หาเสียงด้วย อย่างมิได้กริ่งเกรงในเรื่องเหตุการณ์ความวุ่นวายจนถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง เมื่อปี 53 แต่อย่างใด และเป็นที่สงสัยเป้นหนักหนาว่า ณ วินาทีสุดท้ายก่อนจะสิ้นสุดการหาเสียงตามข้อบังคับของกฎหมาย นายณัฐวุฒิ ถึงกับออกปากสาบานว่าเอา ชัยชนุะของการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. เป็นเดิมพันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง
หลายคน สงสัียกับการออกมาของแกนนำ นปช. ทั้งสอง ว่าจะออกมาหาเสียง หรือทำลายเสียง ให้แก่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยกันแน่ แต่จากยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยนั้น ย่อมเหนือเมฆอยู่แล้ว การออกมาของแกนนำ นปช. ด้วยคำพูดต่าง ๆ เช่น "คนกรุงเทพ เปลี่ยนเป็นเสื้อแดงเยอะแล้ว" ของนายจตุพร คำสาบานของนายณัฐวุฒิ หรือ ข่าวการจะเป็นรองผู้ว่ากทม. ของนายจตุพร เป็นต้น เหล่านี้ออกมาเพราะมั่นใจแล้วว่า คะแนนเสียงที่ พล.ต.อ.พงศ์พัศ จะได้นั้นจากการวางแผนดำเนินกลยุทธ์ทั้งใต้ดินและบนดิน จะมีคะแนนเสียงเกินล้านเสียงแน่นอนแล้ว นั่นหมายถึงชัยชนะอย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่แกนนำ นปช.ออกมาแสดงบทบาทนั้น มิใช่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแต่อย่างใด
หากเหลือบไปดูปฏิทินการเมืองจะเห็นว่า วันที่ 11 มีนาคม 2556 ซึ่งเป็นวันหลังการเลือกตั้ง ทางรองประธานสภาฯ นายเจริญ จรรย์โกมล ได้เชิญผู้แทนจากฝ่ายค้าน จากกลุ่มพันธมิตร และ นปช. มาหารือเรื่องการออก พรบ.นิรโทษกรรม และนี่เองคือแผนลับลวงพลาง เพราะคาดว่าในวันนั้นผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. พล.ต.อ.พงศพัศ จะชนะแน่นอน และการชนะย่อมหมายถึงความไว้วางใจจากคน กทม. คนที่อยู่ในพื้นที่ ๆ มีการเผาบ้านเผาเมืองนั่นเอง และคะแนนเสียงรวมทั้งผลการเลือกตั้งจะถูกนำไปชี้ว่าการออก พรบ.นิรโทษกรรม เป็นความต้องการของคน กทม. ส่งผ่านการเลือกต้้งผู้ว่า กทม. นั่นเอง เดชะบุญที่ ประชาชนได้ออกมาลงคะแนนเสียงให้พรรรค ปชป.มีคะแนนเกินล้านที่มากกว่า แผนลับลวงพลาง ดังกล่าวก็น่าจะต้องกลับไปทบทวนกันใหม่อีกครั้งว่าไม่ง่ายดังใจคิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น