วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าวจาก ไอเอ็นเอ็น ที่สำคัญ เมื่อ 5 มี.ค.56




เรือลากจูงเครื่องดับกลางแม่น้ำ เรือทรายลากชนโป๊ะร้านอาหาร


พ.ต.ท. วิเชียร ไตรโลกา สารวัตรเวรสอบสวน ส.ภ.สามโคก ได้รับแจ้งเหตุ เรือบรรทุกทรายชนแพร้านอาหารครัวริมน้ำท้ายเกาะ บ้านเลขที่ 35/5 หมู่ 3 ต.ท้ายเกาะ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพบโป๊ะริมน้ำของร้านครัวริมน้ำท้ายเกาะ พังเสียหาย 
จากการสอบถามนายพงศ์รันย์ ทองประสงค์ อายุ 22 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่าเห็นเรือหัวลากชื่อ พรสมบูรณ์ เครื่องดับ ทำให้เรือบรรทุกทรายที่ลากมา ท้ายปัดเข้ามาชนกับโป๊ะลอยน้ำของร้านอาหารครัวริมน้ำท้ายเกาะ จนทำให้ลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารเกิดความตกใจ วิ่งหนีตาย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด 
ด้าน นางพิมพ์ปวีณ์ ทองประสงค์ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านอาหารครัวริมน้ำท้ายเกาะ กล่าวอย่างตกใจว่า ตั้งแต่ทำร้านอาหารมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ซึ่งถ้าไม่มีโป๊ะลอยน้ำขวางไว้ รถบรรทุกทรายก็จะพุ่งเข้ามาในร้านและจะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งค่าเสียหายที่น่าประมาณ 50,000 บาท

หนุ่มใหญ่ถูกชน-ลากไปไกล 200 ม.ดับคาถนนวิภาวดี



กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อินทร์เทศ พนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งเฉี่ยวชนคนเดินเท้าเสียชีวิตติดใต้ท้องรถ บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้า หน้าปากซอยวิภาวดี 50 จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป๋อเต๊กตึ๊ง ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน วง 8816 กรุงเทพมหานคร บริเวณใต้ท้องรถพบร่างผู้เสียชีวิตซึ่งทราบชื่อต่อมา คือนายสมชาย ทับแฟง อายุ 43 ปี ติดอยู่ใต้ท้องรถ จึงประสานรถยกเพื่อช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา
สอบสวนนายอัทรเมศร์ อริยะปรีชารัตน์ คนขับรถยนต์ฮอนด้า เล่าว่า ตนขับรถมาตามถนนวิภาวดีขาเข้า เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณป้ายรถเมลล์ก่อนถึงปากซอยวิภาวดี 50 เห็นร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่กลางถนนแต่ด้วยความกระชั้นชิดจึงเบรกไม่ทันประกอบกับรถตนเองโหลดต่ำ จึงทำให้ทับร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายใต้ท้องรถ และลากมาอีกเป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีรถที่ได้รับความเสียหายที่กันชนด้านหน้าอีก 3 คัน จากการเฉี่ยวชนซากศพดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า ก่อนหน้านี้ ผู้เสียชีวิต ได้ถูกรถเฉี่ยวชน จนร่างกระเด็นไปอยู่กลางถนน แล้วหลบหนี ทำให้รถที่ขับตามมามองไม่เห็น จึงทับร่างผู้เสียชีวิตเรื่อยมา จนกระทั่งศพติดใต้ท้องรถฮอนด้าคันดังกล่าว

สรุปเหตุป่วน7อ.ยะลากว่า 40จุด เชื่อฝีมือแนวร่วมกลุ่มใหม่


จากเหตุคนร้ายเผายางรถยนต์ พ่นสีป้ายทางหลวง เผาสายไฟ จำนวนหลายสิบจุดใน 7 อำเภอของจังหวัดยะลา เมื่อเวลา 19.45 น. ของวันที่ 4 มีนาคม 56 ที่ผ่านมา เวลา 08.00 น. มีรายงานสรุปจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ว่า สำหรับเหตุการณ์ลอบวางเพลิงเผายางรถยนต์ ในพื้นที่จังหวัดยะลา ตรวจสอบพบจำนวน 41 จุด ประกอบด้วย ในพื้นที่ อ.เมือง 8 จุด อ.รามัน 8 จุด อ.กาบัง 4 จุด อ.กรงปินัง 2 จุด อ.ยะหา 5 จุด อ.บันนังสตา 9 จุด และ อ.ธารโต 5 จุด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเผายางรถยนต์เพื่อก่อกวน 

หน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ วิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กรณีเกิดเหตุพร้อมกันในพื้นที่ 7 อำเภอของ จ.ยะลา เป็นการตรวจสอบความพร้อม และระบบสั่งการ ของกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ว่ายังคงสามารถสั่งการได้ โดยมีกลุ่มเยาวชนเปอร์มูดอ บารู (PERMUDAN BARU) ที่อยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เป็นผู้ลงมือ สำหรับกลุ่มเยาวชนเปอร์มูดอ บารู นั้นเป็นกลุ่มแนวร่วมรุ่นใหม่ที่ยังเป็นเยาวชน ที่มีการฝึกกำลังจากฝ่ายขบวนการ เพื่อทดแทนกำลังหน่วยอาร์เคเค ที่ถูกจับกุม และถูกเจ้าหน้าที่สังหาร

เผาบ้านไทยพุทธนราฯวอด 2 หลัง เชื่อแผนลวงจนท.


เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 มีนาคม พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส ร.ต.ท.รัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และพนักงานสอบสวน รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวนหนึ่ง เดินทางไปตรวจสอบเหตุ หลังเกิดเหตุลอบวางเพลิงบ้านชาวไทยพุทธได้รับความเสียหาย 2 หลัง
ซึ่งเหตุนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางดึกคืนวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ภายในหมู่บ้านตือโละ ม.7 ต.เรียง อ.รือเสาะ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ผลีผลามเข้าไปตรวจสอบในช่วงกลางคืน เพราะเกรงจะถูกคนร้ายวางแผนลวงดักสังหาร จึงเข้าตรวจสอบรายละเอียด ในช่วงเช้าวันที่ 5 มีนาคม 
ที่เกิดเหตุพบบ้านไม้ 2 หลังปลูกติดกัน แต่ฝั่งตรงกันข้ามเป็นป่ารกทึบ โดยหลังแรกคือ บ้านเลขที่ 18/1 เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น โดยมีนางเล็ก ดองจันทร์ อายุ 70 ปี เป็นเจ้าของ ซึ่งคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบงัดประตูหลังบ้าน แล้วนำน้ำมันเชื้อเพลิงไปราดบนที่นอน 2 จุด ทั้งชั้นบนและชั้นล่างแล้วจุดไฟเผา โดยตรวจสอบพบคราบน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่บนที่นอนส่งกลิ่นคลุ้ง จนทำให้บ้านได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง
ส่วนหลังที่ 2 เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เลขที่ 85/4 โดยมีนางเมธินี งามแสง อายุ 30 ปี เป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เยียวยาประจำที่ว่าการ อ.รือเสาะ โดยคนร้ายได้งัดประตูหน้าบ้านเข้าไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงราดที่โต๊ะภายในห้องนอน จนไฟลุกลามเข้าไปติดฝาผนังได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด 
จากการสอบถามชาวบ้านละแวกดังกล่าว ทราบว่า จุดเกิดเหตุเป็นชุมชนไทยพุทธ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามีอยู่ด้วยกัน 7 หลังคาเรือน ต่อมากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของบ้านเสียชีวิตไปทีละราย ตั้งแต่ปี 2550-2554 จนที่เหลือต้องอพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่อื่นทั้งหมด 
กระทั่ง หลังจากชาวไทยพุทธอพยพไปอยู่ที่อื่น ทหารร้อย ร.15122 ฉก.นราธิวาส 30 และทหารชุดรบพิเศษที่ 408 ได้ขอเจ้าของบ้าน ซึ่งถูกคนร้ายวางเพลิงทั้ง 2 หลัง เพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานปฏิบัติการณ์ย่อยคุ้มครองชาวบ้าน แต่หลังจากทหารทั้ง 2 หน่วยได้ถอนกำลังไปประมาณ 3 เดือน คนร้ายจึงได้บุกเข้าไปวางเพลิงได้รับความเสียหายดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.อโณทัย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายมีแผนที่บุกเผาบ้านไทยพุทธร้างทั้ง 2 หลัง เพื่อลวงเจ้าหน้าที่เข้าไปดักสังหารหมู่ ขณะเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่รู้ทัน จึงทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

บก.จร.แจ้งปิดซ่อมสะพานไทยเบลเยี่ยม เริ่มคืนนี้


วันที่ 5 มี.ค. กองบังคับการตำรวจจราจรแจ้งประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนพระราม4ฝั่งขาเข้าและออกตั้งแต่วันนี้วันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นไปโดยสำนักการโยธา กทม. ทำการปรับปรุงสะพานข้ามทางแยกถนนพระราม 4 - สาทร (ไทย-เบลเยี่ยม) ซึ่งชำรุดทรุดโทรม ผิวจราจรชำรุด กำแพงด้านข้างชำรุดเนื่องจากถูกรถยนต์ชน ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน. ทาสีโครงสร้างเหล็ก ติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง ปรับปรุงระบบระบายน้ำ และการทาสี ตีเส้นจราจร โดยประสานกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ปิดการจราจรสะพานข้ามแยกถนนพระรามที่ 4 - สาทร (ไทย-เบลเยี่ยม) ฝั่งขาออก (มุ่งหน้าคลองเตย) ระหว่างวันที่ 5 มี.ค. - 5 เม.ย. 56 

และปิดการจราจรฝั่งขาเข้า (มุ่งหน้าสามย่าน) ระหว่างวันที่ 6 เม.ย. - 15 พ.ค. 56ประชาชนสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว ดังนี้เส้นทางเข้าเมือง จากถนนรัชดาภิเษก ถึงแยกพระราม 4 ตรงเข้าถนนพระราม 3 เลี้ยวขวาเข้าถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตรงไปแยกสาทร แยกสุรวงศ์ สี่พระยา ถนนพระราม 4 มาจากสุขุมวิท 24 หรือ 26 ถึงแยกรัชดาตัดพระราม 3 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 3 เลี้ยวขวาเข้าถนนนราธิวาสราชนครินทร์จากถนนทางรถไฟสายปากน้ำเก่า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเกษมราษฎร์ เลี้ยวขวาถนนสุนทรโกษา เลี้ยวซ้ายถนนพระราม 3 ถึงถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เลี้ยวขวาตรงไปแยกสาทร แยกสุรวงศ์ สี่พระยา

ส่วนเส้นทางออกเมือง จากแยกสามย่าน เข้าถนนสี่พระยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทรัพย์ ถึงถนนสุรวงศ์เลี้ยวขวา ถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์เลี้ยวซ้าย ตรงไปเลี้ยวซ้ายถนนพระราม 3 ไปถนนรัชดาภิเษก จากแยกอังรีดูนังต์เข้าถนนสุรวงศ์หรือสีลม ตรงไปเลี้ยวซ้ายถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เลี้ยวซ้ายถนนพระราม 3 ไปถนนรัชดาภิเษก

กรณีขึ้นทางด่วนจากถนนพระราม 4 ให้เลี่ยงใช้ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ขาออก มุ่งหน้าถนนพระราม 3 ถึงแยกรัชดาตัดนราธิวาสราชนครินทร์ เลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนเลียบแม่น้ำไปดินแดง บางนา พระราม 9 รามอินทรา หรือเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนสาธุประดิษฐ์ไปดาวคะนอง แจ้งวัฒนะ


ทหารมาเลเซียโจมตีทางอากาศชาวฟิลิปปินส์ที่บุกรุกรัฐซาบาห์

ทหารมาเลเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศเพื่อกวาดล้างชาวมุสลิมจากฟิลิปปินส์ที่บุกรุกรัฐซาบาห์บนเกาะบอร์เนียวนาน 3 สัปดาห์ในเช้าวันนี้ หลังปะทะกันประปรายหลายวันทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 27 ราย

โฆษกรัฐบาลมาเลเซีย แถลงว่า ปฏิบัติการเริ่มขึ้นเมื่อ 7 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นเพื่อยึดพื้นที่ในรัฐซาบาห์ที่ถูกชาวฟิลิปปินส์เกือบ180 คนซึ่งรวมถึงกองกำลังติดอาวุธหลายสิบนายจากหมู่เกาะซูลูทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์เข้ายึดในบริเวณหมู่บ้านชาวประมงในเขต ลาฮัด ดาตูตั้งแต่ 9 ก.พ. โดยอ้างว่าเป็นดินแดนที่บรรพบุรุษของพวกเขาเข้าไปตั้งถิ่นฐานนานเกือบร้อยปีแล้ว

สื่อมาเลเซียรายงานว่า เครื่องบินรบของมาเลเซียโจมตีย่าน เฟลด้า ซาฮาบัต ในเขตลาฮัด ดาตู และมีเสียงระเบิดดังสนั่นในย่านกัมปุง ตันดัว ขณะเดียวกันกองทัพเปิดเผยว่ามีการใช้ระเบิดโจมตีใส่กลุ่มผู้บุกรุกเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของทหารมาเลเซียที่ปะทะกับกองกำลังติดอาวุธอย่างหนัก และทหารมาเลเซียจำนวนหนึ่งเดินค้นบ้านทีละหลังเพื่อตามจับกุมผู้บุกรุก 

ในขณะที่ยังไม่ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีล่าสุดหรือไม่ แต่การปะทะกันช่วงหลายวันนี้ระหว่างทหารมาเลเซียและกองกำลังฟิลิปปินส์ตั้งแต่ 1 มี.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 27 รายแล้ว และกองทัพส่งทหาร 7 กองพันไปเสริมเมื่อวันจันทร์ รวมทั้งกำลังส่งยานยนต์หุ้มเกราะ 6 คันไปยังพื้นที่ที่มีการสู้รบ 

นายกรัฐมนตรีนาจิ๊บ ราซัค แถลงว่า รัฐบาลไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องยุติวิกฤติด้านเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีนี้ หลังจากผู้บุกรุกไม่มีท่าทีว่าจะถอนตัวออกไป ทำให้รัฐบาลต้องใช้ปฏิบัติการเพื่อปกป้องเกียรติภูมิและอธิปไตยของประเทศ 

ด้านประธานาธิบดีเบนิกโน อาคิโน่ของฟิลิปปินส์ แถลงเมื่อวานเรียกร้องให้ผู้ที่อ้างตัวเป็นสุลต่านแห่งรัฐซูลู นาย จามาลัล กิราม ที่ 3 วัย 74 ปี สั่งให้ผู้สนับสนุนถอนตัวออกจากรัฐซาบาห์ และขอให้มาเลเซียอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด 

สุลต่าน กิราม ที่ 3 เคยยื่นเงื่อนไขก่อนหน้านี้ว่า จะรถอนกำลังออกจากซาบาห์ก็ต่อเมื่อรัฐบาลฟิลิปปินส์และมาเลเซียตอบสนองข้อเรียกร้องของเขา ที่ให้มาเลเซียจ่ายค่าเช่ารัฐซาบาห์เพิ่มขึ้น

รัฐสุลต่านซูลูของฟิลิปปินส์เคยมีอาณาเขตครอบคลุมถึงทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียวที่กลายเป็นดินแดนของมาเลเซียในปัจจุบัน โดยสุลต่านยอมให้อังกฤษเช่าพื้นที่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่ต่อมารัฐซาบาห์ถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนของมาเลเซียที่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ นับตั้งแต่นั้นมาเลเซียจึงยอมจ่ายค่าเช่าให้สุลต่านซูลูเรื่อยมาปีละเกือบ 1,700 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้สุลต่านต้องการให้มาเลเซียจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากรายได้ของรัฐซาบาห์ 

ขณะที่มเหสีม่าย ของสุลต่านคนที่ 34 ผู้ล่วงลับ นางเมอร์เรียม กิราม เสนอตัวเมื่อวันจันทร์ว่าพร้อมทำหน้าที่เป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อยุติการนองเลือด โดยเธอพร้อมเจรจากับมาเลเซียเรื่องขอขึ้นเงินค่าเช่ารัฐซาบาห์ และอ้างว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากนักการเมืองที่ปลุกปั่นทายาทบางคนของสุลต่าน
รวบต้องสงสัยป่วนใต้ พร้อมยึดอาวุธสงคราม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 มีนาคม 2556 พ.ท.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 35 และนายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอแว้ง จ.นราธิวาส สนธิกำลังทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองร่วม 30 นาย ใช้กฎอัยการศึกเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง เพื่อติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งสามารถควบคุมตัวนายอานัน บากอตอ อายุ 22 ปี อยู่ ต.แว้ง อ.แว้ง ขณะหลบอยู่ในบ้านพัก พร้อมของกลางที่ตรวจยึดได้คือ อาวุธปืนสงครามเอชเค 33 จำนวน 1 กระบอก และซองกระสุนจำนวน 1 ซอง

หลังจากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย พร้อมของกลางมาสอบปากคำที่ สภ.แว้ง เบื้องต้นนายอานันให้การปฏิเสธ อ้างว่าปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของเพื่อนที่นำมาฝากไว้ แต่จากการตรวจสอบหมายเลขประจำปืนคือ 174103 ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากที่ใด รวมทั้งเคยนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่ใดบ้าง ส่วนผู้ต้องหาจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่ามีหมายจับในคดีความมั่นคงแต่อย่างใด

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอานันไปตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ อ.สุคิริน เพิ่มเติมตามที่ได้สอบปากคำขยายผล ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นที่ซุกซ่อนอาวุธปืนอีกจำนวนหลายกระบอกต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น