วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ค่าแรง300ดันก่อสร้างบาน! ล้วงเงินคงคลังคืนรถคันแรก เมื่อ 26 มี.ค.56


ค่าแรง300ดันก่อสร้างบาน! ล้วงเงินคงคลังคืนรถคันแรก



ค่าแรง 300 บาทดันต้นทุนก่อสร้างบาน กระทบโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้าน 2.91% หรือเพิ่ม 6 หมื่นล้าน ขณะที่รถคันแรกพ่นพิษ! คลังอ้ำอึ้งไม่มีเงินจ่ายคืนประชาชนที่ได้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย 9.1 หมื่นล้านบาท แบไต๋ เหลือเงินใช้ในโครงการแค่ 361 ล้านบาท เล็งเปิดกรุล้วงเงินคงคลังมาใช้แก้ขัด
          นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า คณะอนุกรรมการกำกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ได้พิจารณาปรับเพิ่มราคากลางการก่อสร้างโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก 2.91% ของมูลค่าโครงการเดิม เนื่องจากผลกระทบการปรับเพิ่มราคาค่าแรง 300 บาทต่อวัน ตามนโยบายของรัฐบาล
    "สำหรับการปรับเพิ่มราคาการก่อสร้างมีผลประทบกับโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทด้วย ซึ่งจะทำให้โครงการต่างๆ มีงบที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.91% หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ซึ่งหากรัฐบาลไม่ต้องการปรับงบเพิ่ม ก็ต้องปรับลดขนาดของโครงการลงมา เพื่อให้อยู่ในวงเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเหมือนเดิม"
    ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยจากหลายภาคส่วน ทั้งจากกรมบัญชีกลาง กรมทางหลวง กรมโยธาธิการ และนักวิชาการ ซึ่งการปรับเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง เพราะหากไม่ปรับเพิ่มขึ้น อาจทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนและเกิดการทิ้งงานได้
    “โครงการลงทุนจากการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท หากได้รับความเห็นชอบจากสภาเป็นกฎหมายแล้ว โครงการต่างๆ ทั้งหมดจะต้องนำขึ้นเว็บไซต์ของกรมบัญชีฯ ให้ผู้รับเหมาได้รับทราบข้อมูลเท่ากันทุกราย เพื่อให้การประมูลงานเกิดความโปร่งใส ซึ่งเป็นหลักการปกติของการดำเนินการประมูลโครงการทั่วไปอยู่แล้ว” นายมนัสกล่าว
        อธิบดีกรมบัญชีกลางเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางยังไม่ทราบว่าจะใช้เงินจากที่ไหนสำหรับมาจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิรถคันแรกในเดือน เม.ย.นี้  ซึ่งเงินงบประมาณที่เหลือไม่พอจ่าย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาเงินจากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ไป และไม่ได้ใช้ มาจ่ายให้กับผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกให้ได้ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลตกลงไว้
    ด้านแหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิรถคันแรก จำนวน 7,250 ล้านบาท ขณะที่มีภาระที่ต้องจ่ายจริง 3.8 หมื่นล้านบาท ขณะนี้มีการจ่ายไปแล้ว 9.92 หมื่นราย เป็นเงิน 6,889 ล้านบาท มีเงินเหลือ 361 ล้านบาท ไม่พอจ่ายผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกในเดือน เม.ย นี้
    ทั้งนี้ การจ่ายเงินคืนให้กับผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2556 หรือสิ้นเดือน ก.ย.2556 ต้องใช้เงินอีก 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้เสนอรัฐบาลให้ใช้จากเงินงบกลาง แต่ฝ่ายการเมืองยังไม่ตัดสินใจ ทำให้เกิดปัญหาเงินไม่พอจ่ายคืนดังกล่าว
     แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เตรียมแนวทางไว้แก้ปัญหาแล้ว หากใช้เงินจากงบกลางไม่ได้ ก็ให้ใช้จากเงินคงคลังไปจ่ายคืนให้กับผู้ใช้สิทธิแบบเงียบๆ ไปก่อน เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพลบกับนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล
    สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรกทั้งหมด 1.25 ล้านราย เป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน  9.1 หมื่นล้านบาท และต้องจ่ายคืนในงบประมาณ 2557 อีก 6 หมื่นล้านบาท โดยหากในปีนี้รัฐบาลใช้เงินคงคลังจ่ายคืนผู้ใช้สิทธิไปก่อน ในปีงบประมาณ 2557 ก็ต้องตั้งงบประมาณมาจ่ายคืนเงินส่วนดังกล่าว ทำให้ปีงบประมาณ 2557 มีภาระจากการจ่ายคืนรถคันแรกสูงมาก
    อย่างไรก็ดี รถคันแรกยังมีปัญหาการจ่ายเงินคืนผิดพลาด ทำให้เกิดปัญหามาในภายหลัง โดยมีกรณีผู้ที่ได้สิทธิในจังหวัดแห่งหนึ่งเสียชีวิตก่อน 1 ปีที่จะได้คืนเงิน แต่กรมสรรพสามิตตรวจสอบไม่ได้ และได้คืนเงินดังกล่าวให้กับผู้เสียชีวิต และมาทราบในภายหลังและขอเงินคืน แต่ทางครอบครัวยืนยันว่าได้ใช้เงินดังกล่าวหมดแล้วไม่มีคืนให้ ซึ่งทางกรมสรรพสามิตเจรจาให้ผ่อนชำระคืนเดือนละ 2,000 บาท ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ยืนยันมีรายได้ไม่พอมาจ่ายคืน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น