ฆาตรกรโหดข่มขืนแล้วฆ่าเผาสาวรับจ้างตัดอ้อย
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 3 มี.ค.56 พ.ต.ท.เอนก บุตรดี สารวัตรเวรสภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าตายที่บริเวณแคมป์คนงานตัดอ้อย หมู่ 10 ต.อ่างทอง อ.เมือง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.อนินท์ ศรีสรรพาง ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.ยงยุทธ เกิดเรือง รองผกก.สส.สภ.เมืองราชบุรี ได้รับทราบก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์
ที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะอยู่ห่างจากแคมป์คนงานตัดอ้อยประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่พบศพนางสาววาสนา(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี อยู่ ต.หนองสังข์ อ.แก่งค้อ จ.ชัยภูมิ สภาพศพที่ใบหน้าถูกของแข็งทุบจนใบหน้าเละที่ลำคอมีร่องรอยถูกของมีคม เสื้อของผู้ตายถูกดึงขึ้นจนถึงหน้าอก ส่วนท่อนล่างเปลือยมีร่องรอยถูกข่มขืนและมีรอยถูกไฟไหม้ที่บริเวณขาขวา
ห่างจากบริเวณที่พบศพประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่พบกางเกงเปื้อนเลือดตกอยู่ใต้ต้นมะม่วง และพบร่องรอยการต่อสู้ คาดว่าผู้ตายน่าจะพยายามป้องกันตัวหลังถูกคนร้ายพยายามจะข่มขืน และเมื่อคนร้ายข่มขืนแล้วจึงลงมือฆ่า ก่อนจะลากศพของผู้ตายไปทิ้งในป่าก่อนจุดไฟเผาอำพรางคดี
จากการสอบสวนนายลำพราง อายุ 52 ปี พ่อของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศกให้การทั้งน้ำตาว่า ตนกับลูกสาวนั้นมารับจ้างตัดอ้อยในพื้นที่เกิดเหตุ โดยมากันกับเพื่อนๆมากกว่า 50 คน และมาปลูกแคมป์พักในบริเวณดังกล่าว และก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 17.30 น. หลังจากเลิกจากตัดอ้อย ลูกสาวได้มาบอกว่าจะออกไปหาไข่มดแดงมายำ ซึ่งลูกสาวก็เคยออกไปหาเป็นประจำเพราะแคมป์ที่พักนั้นอยู่ใกล้กับป่าละเมาะ จากนั้นไม่นานก็เห็นมีไฟไหม้ที่บริเวณป่าละเมาะและมีชาวบ้านแจ้งให้รถดับเพลิงมาช่วยฉีดน้ำดับไฟ ตนจึงเดินออกไปตามหาลูกสาวใกล้กับบริเวณที่ไฟไหม้แต่ก็ไม่พบ จึงกลับมารอที่ห้องพัก จนค่ำลูกสาวก็ยังไม่กลับมา เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายจึงได้บอกเพื่อนๆคนงานด้วยกันให้ช่วยกันออกตามหา จนกระทั่งมาพบเป็นศพดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนคนงานตัดอ้อยที่อยู่ในแคมป์พักคนงานดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่านายทักษิณ พงษ์วิศิษย์ เป็นชาวจังหวัดมหาสารคามและเป็นคนงานตัดอ้อยเหมือนกันเป็นบุคคลต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นฆาตกรโหดที่ข่มขืนแล้วฆ่าก่อนจุดไฟเผานางสาววาสนา เพราะก่อนเกิดเหตุนายทักษิณนั่งดื่มเหล้ามาตั้งแต่ตอนกลางวัน จากนั้นก็มีผู้พบเห็นนายทักษิณ เดินออกมาจากป่าละเมาะที่เกิดเหตุ จึงได้ไปติดตามจับกุมตัว ก็พบนายทักษิณ กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้อง จึงได้ควบคุมตัวไว้พร้อมทั้งนำตัวไปสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อไป
ที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะอยู่ห่างจากแคมป์คนงานตัดอ้อยประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่พบศพนางสาววาสนา(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี อยู่ ต.หนองสังข์ อ.แก่งค้อ จ.ชัยภูมิ สภาพศพที่ใบหน้าถูกของแข็งทุบจนใบหน้าเละที่ลำคอมีร่องรอยถูกของมีคม เสื้อของผู้ตายถูกดึงขึ้นจนถึงหน้าอก ส่วนท่อนล่างเปลือยมีร่องรอยถูกข่มขืนและมีรอยถูกไฟไหม้ที่บริเวณขาขวา
ห่างจากบริเวณที่พบศพประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่พบกางเกงเปื้อนเลือดตกอยู่ใต้ต้นมะม่วง และพบร่องรอยการต่อสู้ คาดว่าผู้ตายน่าจะพยายามป้องกันตัวหลังถูกคนร้ายพยายามจะข่มขืน และเมื่อคนร้ายข่มขืนแล้วจึงลงมือฆ่า ก่อนจะลากศพของผู้ตายไปทิ้งในป่าก่อนจุดไฟเผาอำพรางคดี
จากการสอบสวนนายลำพราง อายุ 52 ปี พ่อของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศกให้การทั้งน้ำตาว่า ตนกับลูกสาวนั้นมารับจ้างตัดอ้อยในพื้นที่เกิดเหตุ โดยมากันกับเพื่อนๆมากกว่า 50 คน และมาปลูกแคมป์พักในบริเวณดังกล่าว และก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 17.30 น. หลังจากเลิกจากตัดอ้อย ลูกสาวได้มาบอกว่าจะออกไปหาไข่มดแดงมายำ ซึ่งลูกสาวก็เคยออกไปหาเป็นประจำเพราะแคมป์ที่พักนั้นอยู่ใกล้กับป่าละเมาะ จากนั้นไม่นานก็เห็นมีไฟไหม้ที่บริเวณป่าละเมาะและมีชาวบ้านแจ้งให้รถดับเพลิงมาช่วยฉีดน้ำดับไฟ ตนจึงเดินออกไปตามหาลูกสาวใกล้กับบริเวณที่ไฟไหม้แต่ก็ไม่พบ จึงกลับมารอที่ห้องพัก จนค่ำลูกสาวก็ยังไม่กลับมา เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายจึงได้บอกเพื่อนๆคนงานด้วยกันให้ช่วยกันออกตามหา จนกระทั่งมาพบเป็นศพดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนคนงานตัดอ้อยที่อยู่ในแคมป์พักคนงานดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่านายทักษิณ พงษ์วิศิษย์ เป็นชาวจังหวัดมหาสารคามและเป็นคนงานตัดอ้อยเหมือนกันเป็นบุคคลต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นฆาตกรโหดที่ข่มขืนแล้วฆ่าก่อนจุดไฟเผานางสาววาสนา เพราะก่อนเกิดเหตุนายทักษิณนั่งดื่มเหล้ามาตั้งแต่ตอนกลางวัน จากนั้นก็มีผู้พบเห็นนายทักษิณ เดินออกมาจากป่าละเมาะที่เกิดเหตุ จึงได้ไปติดตามจับกุมตัว ก็พบนายทักษิณ กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้อง จึงได้ควบคุมตัวไว้พร้อมทั้งนำตัวไปสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น