วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

หนุนโครงการ-คัดค้านกู้ ๒ ล้านล้าน เปลว สีเงิน 26 March 2556


หนุนโครงการ-คัดค้านกู้ ๒ ล้านล้าน





ขอทำตัวเป็นพลเมืองดี แจ้งเบาะแส "คนร้ายหนีคุก" ให้กระทรวงต่างประเทศ ตำรวจแห่งชาติ และอัยการสูงสุด ได้ทราบเพื่อกระตือรือร้นทำหน้าที่ตามกฎหมายหน่อย คือ "นายสมหวัง อัสราษี" ผู้ช่วยเลขาฯ รมว.พาณิชย์ แถลงว่า วันนี้ (๒๖ มี.ค.๕๖) แกนนำนปช. ๓ คน นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิสิต สินธุไพร จะเดินทางไปฮ่องกง เพื่อเข้ารับคำสั่งและแผนปฏิบัติการจากหัวหน้าใหญ่ที่ชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร"
    ทราบเช่นนี้แล้ว หน่วยงานทั้ง ๓ จะเกี่ยง-จะร่วมกันไปเอาตัวทักษิณกลับมาเข้าสู่กระบวนการกฎหมายไทยด้วยวิธีไหน ทำได้...ก็รีบทำซะ หรือจะละเว้นการทำหน้าที่ "เหมือนเดิมๆ" ก็แล้วไป
    อันที่จริง ตามตัวไม่ยาก ไปถึงฝั่งเกาลูน ก็ลองเตร่ไปแถวหน้าโรงแรม ๒-๓ แห่ง ไม่ต้องบอกชื่อก็รู้กันอยู่แล้วน่า เห็นตำรวจ ทหาร และพวก ส.ส.อยู่กันคลั่ก จะไปทางไหนก็ชักแถวตามกันไปเป็นฝูงเหมือนกะเหรี่ยงลงดอย นั่นละ...นายใหญ่เขาอยู่นั่น!
    อ้อ...ผมก็ลืมไป เบลล์บอยที่โรงแรมเขาฝากผมมาบอกนานแล้วว่า กรุณาอย่าทำแบบนี้บ่อยนัก คือวันจะกลับ ชอบให้ขนกระเป๋าข้าวของสัมภาระมากองทิ้งไว้ที่ล็อบบี้ล่วงหน้าพะเนินเป็นภูเขา เอาตาข่ายคลุมแล้วเขียนป้าย THAI POLICE ติดไว้
    มันเป็นทัศนอุจาดประจำ ที่นั่นฮ่องกง ไม่ใช่เมืองไทย ไม่มีใครเขาปลื้มหรอก อีกอย่าง ป้ายแบบนั้น ใครเห็นก็ดูถูก กลายเป็นตัวตลก น่ารังเกียจ เมื่อรู้กันแล้วก็อย่าทำกันอีก
    และอีกอย่าง ซื้อเสื้อยืด ๓ ตัวร้อยสวมก็ได้ อย่าสวมเครื่องแบบนายตำรวจไปนั่งปั้นจิ้ม-ปั้นเจ๋อกันตามล็อบบี้ ตามห้องอาหาร ตามห้องกาแฟโรงแรมอีก มันสะเหล่อ!
    เอ้า...ก็บอกถึงเหตุที่ ๓ แกนนำ นปช.ต้องบินไปพบทักษิณไว้หน่อย นายสมหวังเขาแถลงไว้ด้วยว่า....เพื่อหารือถึงทิศทางทางการเมือง และแนวทางการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป
    เคลื่อนไหว วันไหน เวลาไหน ที่ไหน ด้วยเป้าหมายอะไร เขาบอกว่า รอให้นางธิดา นายจตุพร และนายนิสิต กลับมาก่อน ทักษิณมอบแผนปฏิบัติการสะท้านฟ้า-สะเทือนดินขนาดไหน 
    ๒๗ มี.ค.จะเรียกแกนนำ นปช.ทั้งหมดประชุม แล้วจะบอกตอนนั้น!?
    อืมมม...แสดงว่า The Longest Day ของนายใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาแล้ว นายใหญ่คงไม่เป็นภูมิแพ้ตลอดปีเหมือนผม จึงจมูกไว น่าจะได้กลิ่นคล้ายยาในห้องเก็บศพโชยออกมาจากทำเนียบฯ 
    แบบนี้ เก้าอี้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ท่าจะชักง่อนแง่น เมื่อเจอมือปราบ "กล้านรงค์" แห่ง ป.ป.ช.ตามรอยบัญชี "โอนเงินให้ผัว" และเรื่องรับจำนำข้าวทุกเมล็ด และโกงทุกเมล็ด! 
    ดังนั้น เพื่อไม่พลาดจาน "เมนคอร์ส" ในดินเนอร์มื้อละ ๒.๒ ล้านล้าน ก็ต้องเตรียมการ-เตรียมแผนกันเป็นพิเศษ อย่างน้อยก็ต้อง "ชิงเวลา" ลงมือเรื่องสำคัญก่อน ป.ป.ช.จะชี้มูล
    นั่นคือ เรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้าน ตามด้วยเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายสมศักดิ์ ประธานสภาฯ รับบัญชาแล้วต้องหัวซุก-หัวซุนเรียกประชุมสภาฯ เพื่อถกเป็นวาระพิเศษ ๒๘-๒๙ มี.ค.นี้ ชนิดด่วนจี๋ จนไปรษณีย์จ๋าไม่ทัน 
    ประมาทมือปราบกล้านรงค์ไม่ได้ ตัวเองเข็ดขี้อ่อน-ขี้แก่มาแล้วในคดีซุกหุ้น จึงต้องรีบเข้าสู่กระบวนการเมนคอร์ส ถ้ามีอุ่นๆ อยู่บนเตา ๒.๒ ล้านล้านไว้ก่อน ยิ่งลักษณ์จะตก หรือไม่ตกเก้าอี้ ไม่เป็นปัญหา
    เพราะเตรียม "นายกฯ ชินวัตร" สำรองไว้แล้ว!
    นายกฯ ชินวัตร ๒ กลับจากปาปัวนิวกินีถึงกรุงเทพฯ เมื่อคืนแล้วมั้ง ได้เรื่องแก๊ส-เรื่องน้ำมันขนาดไหน ต่อสายรายงานนายกฯ ชินวัตร ๑ ที่ฮ่องกงหรือยัง?
    แต่อย่าไปเชื่อหน้าม้าขายน้ำมูก-น้ำมันปาปัวฯ ให้มากนักนะ ได้ยินข่าวตามท้องตลาดมานานแล้วว่า หน้าม้าปาปัวฯ รายนี้มันนักต้ม มีหลายราย "สุก" ไปแล้ว เพราะตาลุกไปกับมัน!
    พูดถึง พ.ร.บ.กู้ ๒.๒ ล้านล้าน เท่าที่สดับตรับฟังแยกเป็น ๒ ประเด็น 
    -ประเด็นที่ ๑ ชาวบ้านร้อยละ ๙๙.๙๙ เห็นด้วยที่ต้องมีการลงทุนกับโครงสร้างขั้นพื้นฐานประเทศ ในระบบขนส่งรูปแบบต่างๆ
    -ประเด็นที่ ๒ ชาวบ้านร้อยละ ๙๙.๙๙ ไม่เห็นด้วยที่ต้องกู้ ๒.๒ ล้านล้าน "ซุกหนี้นอกระบบ" ให้ชาวบ้านแบก ๕๐ ปี เป็นอย่างน้อย  
    การกู้ด้วยวิธีออกเป็น พ.ร.บ.แทนการจัดทำอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี แบกหนี้ ๕๐ ปีไม่ว่า ถ้าเงิน ๒.๒ ล้านล้าน ใช้ไปกับโครงการเห็นผลเต็มเม็ด-เต็มหน่วยจริง
    แต่ทีนี้ในทางเป็นจริง การกู้นอกงบประมาณเช่นนี้ หวังเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐสภาชัดๆ ทั้งตัวโครงการ ทั้งการใช้เงินในแต่ละโครงการ มันส่อเจตนาเปิดช่อง "โกงแล้วเอามาแบ่งปันกัน" แต่ต้น
    ที่รัฐบาลอ้างว่า ถึงเป็น พ.ร.บ.ก็ผ่านสภาฯ เป็นการพูด "ความจริงครึ่งเดียว" เพราะ พ.ร.บ.มันผ่านสภาฯ เฉพาะวงเงิน ๒.๒ ล้านล้านเท่านั้น แต่ตัวโครงการ รายละเอียดโครงการ ค่าใช้จ่าย ไม่มีให้สภาฯ ตรวจสอบเหมือนจัดทำตามระบบงบประมาณ 
    มีแต่ร่างเส้นดินสอให้ดูหยาบๆ ในอากาศให้ดู ถึงเวลาปฏิบัติจริง เปลี่ยนแปลงทั้งโครงการ ทั้งจำนวนเงิน ทำได้ทั้งนั้น เรียกว่ายำกันเรียบร้อยแล้ว เช็ดปากกันแล้ว ถึงมาบอกสภาฯ "เพื่อทราบ" ทีหลัง!
    อีกอย่าง ตามโครงการบอกว่า ๗ ปีเสร็จ ในเมื่ออีกตั้ง ๗ ปีเสร็จ แล้วจำเป็นอะไรต้องรีบกู้เอามาก่อนทีเดียวตั้ง ๒.๒ ล้านล้าน แบบนี้จัดทำในระบบงบประมาณ ก็สามารถตั้งงบเท่าที่ใช้ตามระยะเวลาโครงการได้อยู่แล้ว ทำไมไม่ทำ!?
    การกระทำส่อเจตนา กะฟาดทั้งงบประมาณประจำปี แล้วฟาดนอกงบประมาณ ๒.๒ ล้านล้านอีกตะหาก เดี๋ยวก็ไขมันจุกอกตายหะ...ทั่นนายกฯ หญิงเอ๊ย!
    ตามแผน "กู้ก่อน-งานว่ากันทีหลัง" นี้ เห็นมีทั้งรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า ถนน การขนส่งทางน้ำ แต่ที่เน้นทำกันมากคือ "รถไฟความเร็วสูง" ตั้ง ๔-๕ สาย ก็เห็นตื่นเต้นกันใหญ่ 
    คนไทย ๖๔ ล้านคน เคยสัมผัสรถไฟความเร็วสูงซักล้านคนหรือยัง ฉะนั้น เมื่อนายชัชชาติ นายกิตติรัตน์ วาดฝันว่าเสร็จแล้ว มันเร็ว มันดี มันสะดวก ๑-๒ ชั่วโมง สุดเหนือ-สุดใต้
    ใช่..มันเร็ว สะดวก แต่ทำไมไม่บอกให้ครบถ้วนล่ะว่า ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูง เมื่อคำนวณจากการลงทุน ค่าโดยสารมันต้องแพงระดับน้องๆ นั่งเครื่องบินโลว์คอสต์ ไม่ใช่ราคารถบ.ข.ส.
    แค่หัวหิน แค่ระยอง เที่ยวเดียวก็ต้องระดับพัน ถ้าสุดเหนือ-สุดใต้-สุดอีสาน ต้องมากกว่าพันขึ้นไป ฉะนั้น ใครที่คิดใช้เหมือนรถเมล์ไป-กลับทุกวัน ต้องถามก่อนว่า มีเงินเดือนคนละถึงแสนบาทมั้ย?
    อีกอย่าง ปรัชญาการมีรถไฟความเร็วสูงระดับ ๒๕๐-๓๐๐ กม./ช.ม.เส้นทางต้องจากเมืองระรายตามเมือง ลงปุ๊บถึงสนามบิน สถานีรถไฟ สถานีรถยนต์ และในตัวเมืองทันที  นั่นคือ ความเร็วรถต้องสนองตอบเวลาธุรกิจการงานของผู้ใช้มาตรฐาน
    สมมุติสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ขึ้นจากสยามสแควร์ ถึงเชียงใหม่ ลงจากรถปุ๊บ ตีนต้องสัมผัสย่านตลาดวโรรส ย่านท่าแพ อะไรทำนองนั้น ไม่ใช่ไปขึ้นที่รังสิต ถึงเชียงใหม่ต้องนั่งสองแถวปุเลงๆ เข้าเมืองอีกเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง
    เท่าที่ดู แต่ละสายยังไม่สามารถกำหนดเส้นทางแน่นอนได้ และได้ยินว่า จะเกาะแนวรถไฟเดิม นั่นยิ่งเจ๊งบวกเจ๊ง เพราะนั่นเส้นทางเพื่อคนชนบท สถานีอยู่กลางทุ่ง-กลางป่า จะให้ชาวบ้านระดับแบกไหปลาร้า-ปลาเจ่าขึ้นรถไฟความเร็วสูงเที่ยวละเป็นพัน เพื่อไปลงขายสถานีหน้า 
    ก็คงเป็นนิทรรศการแห่งการพัฒนาไทยที่น่าตื่นเต้นเอาการอยู่!
    ที่สำคัญ รางรถไฟความเร็วสูงต้องเป็นระยะทางตรงมากที่สุด ดังนั้น ในทางโค้งต้องใช้พื้นที่หลายกิโลเมตร เพื่อการตีวงค่อยๆ เลี้ยวให้เหมือนทางตรง 
    ถามว่า...แต่ละเส้นทาง กำหนดแน่นอนและสำรวจความเป็นไปได้ลงตัวหรือยัง เจรจากับเจ้าของที่แต่ละแห่งหรือยัง เวนคืนหรือยัง ผ่านสิ่งแวดล้อมหรือยัง ตกลงแน่นอนหรือยังว่าใช้รถแบบไหน-ของใคร จะได้จัดทำแบบแผนพื้นฐานรองรับได้พอดีกัน?
    คำตอบคือ..ยังเลย (ว่ะ) แต่จะเอา ๒.๒ ล้านล้านก่อน! 
    ผมว่า ๗ ปีนั้น อย่าพูดถึงได้ลงมือสร้างเลย เอาแค่กำหนดจุดแน่นอนแต่ละสายให้ได้ก่อน และผ่านขั้นตอนแต่ละพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จก่อนเถอะ แค่นั้นก็เป็นเทวดากิตติรัตน์-เทวดาชัชชาติ เทวดายิ่งลักษณ์แล้ว
    บ้ากันแต่รถไฟความเร็วสูงที่ไทยยังไม่ประสา ใช้ขนส่งสินค้าก็ไม่ได้ ควรให้จีน-ญี่ปุ่นลงทุนเอง "นำร่อง" ซักสาย-สองสายก่อน มากกว่าเราเป็นฝ่ายลงทุนเอง ซึ่งจะล้มเหลวในที่สุด 
    "รถไฟรางคู่" นั่นตะหากที่ควรบ้าให้หนัก ย็อกแย็กกันมาหลายรัฐบาลแล้ว ทำให้เห็นผลจริงจัง เพราะนี่จะสนองตอบปัญหาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ของภูมิภาคได้มากที่สุด 
    แต่ก็อีกแหละ รางรถไฟเราเป็น "รางแคบ" แค่เมตรเดียวมั้ง ตามมาตรฐานต้อง ๑.๔๓๕ เมตรขึ้นไป แล้วที่ยิ่งลักษณ์ทำเหมือนโพสต์ข้อความใน fb เองว่า "จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์เชื่อมอาเซียน" น่ะ 
    ไปเชื่อมกล้วยเถอะ...ไป๊ อย่ามาขยายขี้เท่อเชื่อมอาเซียนเลย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ขยับเรื่องมาตรฐานราง อีกทั้งไม่เคยนึกถึงความเป็นจริงที่ว่า...ทุกวันนี้...เราไม่มีระบบรางรถไฟรางร่วมเลย!
    นี่แค่เท่าที่นึกได้ก็ยาวเป็นรถไฟไปแล้ว สรุปครั้งที่ร้อยว่า สนับสนุนรัฐบาลลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่คัดค้านกู้นอกงบประมาณ ๒.๒ ล้านล้าน ซุกหนี้ฝากชาวบ้าน ๕๐ ปี เอาแค่รถไฟความเร็วระบบรางคู่ให้สำเร็จก่อน แค่นี้ก็ประทังความอดอยาก-ปากแห้งได้พอแล้ว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น