พลิกสถิติการออกหวย 257 งวด เลขไหนเคยออก-ยังไม่เคยออก และเหตุไฉนเลข "นายกฯ ปู" ถึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21:23:00 น.
 | เป็นข่าวฮือฮามาแล้ว สำหรับการออกรางวัลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยเฉพาะงวดประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ที่มีผลการออกรางวัลที่ 1 และรางวัลเลขท้าย 2 ตัวคือ 565566 และ 66 เลขดังกล่าว ตรงกับหมายเลข 2 ตัวท้ายของทะเบียนรถยนต์ ขณะลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจในต่างจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่า เลขดังกล่าวทำให้ชาวบ้านถูกรางวัลกันทั้งหมู่บ้าน แต่อีกมุมหนึ่ง กลับมีการตั้งข้อสังเกตุว่า การออกรางวัลครั้งนี้ มีความเที่ยงตรง โปร่งใส มากน้อยเพียงใด เช่นเดียวกับงวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 ผลการออกรางวัลที่ 1 และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว คือ 368257 และ 09 รวมถึงรางวัลเลขท้าย 3 ตัว 657 และ 109 ซึ่งตรงกับอายุและหมายเลขของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย ตัวเลขที่ปรากฎดังกล่าว มีคนจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามว่า สรุปแล้วเป็นความบังเอิญ หรือความตั้งใจกันแน่?
ยิ่งมีข่าวออกเลข 66 ซึ่งตรงกับทะเบียนเลขรถนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ด้วยแล้ว ปัญหาที่ตรวจพบก็คือ เลขที่ออกตรงกับรางวัลสำคัญเป็นไปได้ยากมาก เช่นเดียวกับ เลขที่ตรงกับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย หมายเลข 9 หรือเลขท้าย 2 ตัว 09 รวมถึงเลขท้าย 3 ตัว
อุปกรณ์ออกรางวัลที่มีชื่อว่า "ลาดกระบัง 6" ที่ใช้ในปัจจุบันอาจจะมีปัญหา รศ.ธีระพร บอกว่า จากการตรวจสอบ สิ่งแรกคืออุปกรณ์ลาดกระบัง 6 คนเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก กระบวนการก็คือว่า มีภาชนะใส่เลข 0-9 โดยเจ้าหน้าที่จะใส่เลขแต้มต่ำลงไปก่อน ซึ่งวิธีการนี้ พบว่าเนื้อที่สำหรับบรรจุของอุปกรณ์มีไม่มากนัก และหมุนไม่ดี เลยทำให้เลขไม่คละกัน ส่งผลแต้มสูงมีโอกาสหล่นลงภาชนะรองรับยาก ขณะเดียวกันแต้มต่ำที่ใส่ลงไปก่อน ก็กระจายไปอยู่ริมซ้ายขวา ทำให้แต้มกลางๆ มีโอกาสหล่นลงภาชนะรองรับมากที่สุด ฉะนั้น เมื่อเนื้อที่ใส่อุปกรณ์ไม่ใหญ่พอ ก็จะทำให้เกิดปัญหา
จากการตรวจสอบ การออกรางวัลงวดตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2545 ซึ่งเริ่มใช้เครื่องออกรางวัลชื่อ ลาดกระบัง 6 จนถึงงวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 ทั้งหมด 257 งวด ไม่เที่ยงตรงทั้ง 3 หลัก คือ หลักหมื่น หลักร้อย และหลักหน่วย หรือการออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (ทำอะไรก็ตาม 100 ครั้ง ถูก 95 ครั้ง) พบว่า หมายเลขที่ออกมากที่สุด คือ 1 (43 ครั้ง), 5 (35 ครั้ง) และ 7 (37 ครั้ง) ตามลำดับ กล่าวคือ การออกรางวัลเลขท้ายสามตัว (บน) ของรางวัลที่ 1 ไม่เที่ยงตรง
เช่นเดียวกับ 3 ตัวท้าย เกือบทั้ง 4 ครั้ง ก็เกิดปัญหาที่หลักร้อย แม้การออกทุกครั้งมีการสุ่มหมายเลขเครื่องก็ตาม แต่จุดอ่อนคือ การออกเลขมักจะเรียงจากหลักที่มีตัวเลขต่ำไปหาสูงเสมอ ฉะนั้น อุปกรณ์บางตัวทำงานมาก อาจจะพลาดสูง ส่วนรางวัลเลขท้าย 2 ตัว นั้น เนื่องจากเป็นรางวัลสุดท้าย การจับตาดีขึ้น พบว่า ไม่เที่ยงตรงหลักต้น ที่ระดับความเชื่อมั่น 80% ซึ่งหมายเลขที่ออกมากที่สุดคือ 6 (38 ครั้ง) "เราไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ถามว่าผิดปกติหรือไม่ คือผิดปกติในแง่ของความไม่เที่ยงตรง" รศ.ธีระพร กล่าว ต่อมา ในช่วงที่มีข่าวเกี่ยวกับการออกเลขรางวัลแล้วไปเกี่ยวข้องกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นั้น จากการตรวจสอบ ในงวดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 จนถึงงวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 ทั้งหมด 40 งวด พบว่า หลักหมื่น และหลักร้อย ไม่เที่ยงตรงที่ระดับความเชื่อมั่น 80% ทั้งนี้ หากไม่มีการเจาะจง หรือออกเที่ยงตรงจริงๆ แต่ละหมายเลขตั้งแต่ 0-9 จะออกโดยเฉลี่ย 4 ครั้ง หรือถ้าในทางสถิติแล้ว เลข 0-9 จะออก 1 ใน 10 หรือ 0.1 (โดยเฉลี่ย)
เช่นเดียวกับเลขท้าย 3 ตัว ชุดที่ 1 ไม่เที่ยงตรงที่หลักร้อย เพราะเกิดเลข 0 ถึง 12 ครั้ง ชุดที่ 3 ก็มีปัญหาที่หลักร้อย เพราะออกเลข 5 ถึง 10 ครั้ง ชุดที่ 4 ก็พบที่หลักร้อย โดยหมายเลขที่ออกมากที่สุดคือ 7 ถึง 14 ครั้ง แต่ชุดที่ 2 พบว่าเที่ยงตรง
รางวัลเลขท้าย 2 ตัว พบว่า ไม่เที่ยงตรงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่หลักหน่วย ด้วยระดับความเชื่อมั่น 80% ซึ่งหมายเลขที่ออกมากที่สุดคือ 8 มากถึง 8 ครั้ง สิ่งที่ตรวจสอบอีกอย่างหนึ่ง พบว่า หากกลุ่มคนที่อยู่ในกระบวนการมีความเป็นระมัดระวังพิเศษ หรือกรณีมีการจับกุมได้ ที่มีการพ่นสารเคมีลงในภาชนะออกรางวัล เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2544 ผ่านมา 1 ปี หรือหลังจากนั้น 24 งวด ผลการออกรางวัลมีความเที่ยงตรงทางสถิติมากที่สุด หรือตรงทุกหลัก ซึ่งไม่ได้หมายความระยะหลังจะไม่มีการตรวจสอบ เพียงแต่มีการระมัดระวังมากขึ้น และจากการตรวจสอบให้หลังมา 2 ปี ตั้งแต่เกิดเหตุดังกล่าว ก็ยังพบว่ามีความเที่ยงตรงเช่นกัน รศ.ธีระพร ยังกล่าวอีกว่า บอกว่า กิจการนี้ส่วนหนึ่งมีคนไปใช้ผลประโยชน์ ทำให้กลุ่มหวยใต้ดินไปทำแต้มต่อให้สูงขึ้น เช่น แทง 1 บาท จะได้ 100 บาท ใต้ดินก็ให้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ฉะนั้น ถ้าการกำหนดรางวัลไม่ดีพอ หรือเทียบเคียงรางวัลกับใต้ดินไม่ได้ เขาเลยมาหาผลประโยชน์กับการออกสลากฯ กล่าวคือ ถ้าการออกไม่เที่ยงตรง คนที่ได้ผลประโยชน์ก็คือกลุ่มผู้ประกอบการเกี่ยวกับการออกรางวัล เช่น ช่วงที่มีการทุจริต พบว่า ตัวแทนภาคประชาชนเป็นคนของเขาทั้งหมด เลขที่เกี่ยวกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ 66 ทั้งบนและล่าง เกิดจากความบังเอิญ หรือความน่าจะเป็น? รศ.ธีระพร กล่าวว่า เลข 66 เป็นเลขเฉพาะหรือเลขซ้อน โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก คือ 1 ในร้อย หรือ 4 ปี จำนวน 96 งวด ถูกได้ครั้งเดียว และกรณีที่ออกทั้งบนและล่าง ทางวิชาสถิติแล้ว จะเกิดได้ 1 ในหมื่น หรือ 420 ปีโดยประมาณ จะเกิดได้ครั้งเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบผลการออกจริงๆ ใน 257 งวด เลขซ้อนกันทั้งท้ายบนและล่างออกไปแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งเหลือเชื่อมาก ยิ่งไปตรงกับเลขรถนายกฯ ยิ่งลักษณ์ 66 ด้วยแล้ว จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ควรตรวจสอบ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอุปกรณ์ หรือเครื่องมืออื่นก็เป็นได้ ถ้าสมมติว่า หมายเลขรถนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ 66 เช่น 99 โอกาสเกิดจะเป็นอย่างไร? รศ.ธีระพร มั่นใจว่า เกิดได้น้อยมาก เพราะใน 257 งวด ควรเกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ 66 เกิดมาแล้ว 6 ครั้ง ในเลขท้าย 2 ตัว ทั้งที่ควรเกิดแค่ 2-3 ครั้ง สิ่งที่แปลกแต่จริงก็คือ จากการตรวจสอบเลขซ้ำ 00-99 เกิดมาแล้ว 31 ครั้ง ซึ่งตรงนี้บ่งชี้ได้ว่ากระบวนการออกไม่เกิดการสุ่มอย่างเพียงพอ แล้วงวดที่ตรงกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ผ่านๆ มา 7 ครั้ง ถือเป็นเรื่องบังเอิญด้วยหรือไม่? รศ.ธีระพร เชื่อว่า ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากอุปกรณ์และกระบวนการออกเลข แต่ส่วนหนึ่งเราไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าในแง่การประชาสัมพันธ์ก็ถือว่าดี ซึ่งดีในที่นี้ก็คือว่า นายกฯ ไปไหนมาไหนแล้วมีคนรู้ หรืออาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ถ้าบังเอิญควรจะเป็นเลขเฉลี่ยมากๆ ถ้างวดที่ผ่านๆ มา หรือเลขนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เลขแต้มกลางๆ ตามสถิติแล้วจะไม่ออกเลยหรือไม่นั้น รศ.ธีระพร บอกว่า โอกาสอาจจะเกิดน้อย เช่น รางวัลเลขท้าย 2 ตัว หรือรางวัลที่ 1 ทั้งนี้ ถ้าเลขออกซ้ำๆ กันใกล้เคียงกับแต้มค่ากลางๆ (55) ก็พบว่า 77 ออก 10 ครั้ง 66 ออก 6 ครั้ง และ 00 ออก 6 ครั้ง แต่โดยรวมแล้ว 257 งวด ออกเลขซ้อนกันมาแล้ว 40 กว่าครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเหมือนกัน แต่นี่เป็นเพียงข้อสังเกตุ ส่วนข้อสันนิษฐานแล้วเป็นจริงคือ เลขซ้อน 99 ไม่ออกเลย ที่ผ่านมา เลขที่ออกตรงกับเลขนายกฯ ยิ่งลักษณ์ บอกอะไร หรือวงดวันที่ 16 ก.พ. 2556 นี้ ความน่าจะเป็นควรจะเป็นเลขอะไร? รศ.ธีระพร กล่าวว่า คนออกรางวัลจะระวังมากขึ้น ซึ่งผมเคยเสนอไปแล้วว่า การหมุนวงล้อควรคละเคล้าให้มากขึ้น ฉะนั้น โอกาสเลขที่ยังไม่เคยออกควรจะออกบ้าง หรือเลขซ้ำอาจจะน้อยลง "สิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องระวังคือ ควรคำนึงว่า เคยมีปรากฎการณ์ทุจริตเกิดขึ้นมาแล้ว แต่จะไม่ให้เลขเจาะจงออกเลยก็พูดไม่ได้ จะบอกว่าไม่มีการล็อคเลขเลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่จากข่าวที่ปรากฎว่ามีการจับกุม คนก็เลยเอือมที่จะเชื่อ"รศ.ธีระพร กล่าวย้ำ
แนะเพิ่มจำนวนรางวัลและเงินรางวัล
รศ.ธีระพร กล่าวว่า ข้อเสนอแนะของนักวิชาการคือ การที่เราตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เที่ยงตรงนั้น ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมีการตรวจสอบเป็นระยะๆ ถ้าเป็นข่าวก็อาจจะเสียชื่อเสียงได้ คนที่ได้ประโยชน์ก็อาจจะเกี่ยวกับกลุ่มหวยใต้ดิน แต่คนที่เสียแน่ๆ คือ คนที่เสียเงิน เพราะเขาคาดหวังว่าจะได้ในสิ่งที่เสียเงินไปแล้วตามความน่าจะเป็น ซึ่งเป็นเรื่องของจิตใจ
นอกจากนี้ รศ.ธีระพร อยากจะเสนอว่า ควรให้มีการเพิ่มจำนวนรางวัล สำหรับรางวัลที่เป็นไปได้มาก เช่น รางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว กล่าวคือ ขณะนี้เลขท้าย 2 ตัวเราเสีย 100 บาท (ราคาปกติ) เราได้คืน 2 พันบาท แต้มต่อคือ 1 ใน 20 เมื่อเทียบกับใต้ดินที่จ่ายแค่ 60-70 บาท ตรงนี้หากเพิ่มแต้มต่อเพื่อความยุติธรรม หรือให้มีความหวังมากกว่านี้ ควรเพิ่มเงินรางวัลเป็น 3-4 พันบาท หรือเพิ่มจำนวนรางวัลเป็น 3-4 รางวัล เหมือนเลขท้าย 3 ตัว ก็จะเพิ่มโอกาสถูกรางวัลได้มากขึ้น ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นการจูงใจให้คนซื้อเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่า เลขท้าย 2 ตัว ถ้าซื้อเลขเดียวมาโดยตลอด ต้องถูกภายใน 5 เดือน ถึงจะได้กำไร (หากออกรางวัลอย่างเที่ยงตรง) เพราะเฉลี่ยแล้ว 4 ปี จะถูก 1 ครั้ง ฉะนั้น หากจะได้กำไรจากกิจการนี้ ถ้าไม่ใช่บุญเก่าแล้ว แทบจะไม่มีโอกาสที่จะได้กำไรเลย ส่วนการจับโกงจากอุปกรณ์ลาดกระบัง 6 นั้น หากมีการใส่ใจในการตรวจสอบก็อาจเป็นไปได้ที่จะพบการทุจริต แต่ถ้าดูจากสถิติแล้ว ยืนยันได้ชัดเจนว่า การออกเลขบางช่วงเวลามีปัญหา อย่างไรก็ตาม สำหรับความเชื่อใจแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกรางวัล ต้องพยายามทบทวนขั้นตอน เพราะอะไรที่ทำนานๆ อาจจะมีการพลิกแพลงได้ แต่ข้อสำคัญคือ คนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด ก็จะทำให้มีปัญหาน้อยที่สุด เพราะการออกสลากฯ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ขณะเดียวกัน ระบบอัติโนมัติก็ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุด แต่เป็นการลดความเสี่ยงได้มากกว่าเท่านั้น เช่น การพ่นลูกปิงปองร้อยลูกขึ้นไป แล้วใช้การจับขึ้นมา ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อลดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ หรือเพิ่มความเชื่อมั่นต่อองค์กร |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น