วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

อุบัติเหตุทางการเมือง จากสนิมเนื้อใน "ยิ่งลักษณ์" เมื่อ 25 มี.ค.56



อุบัติเหตุทางการเมือง จากสนิมเนื้อใน "ยิ่งลักษณ์"


ค่อนข้างน่ากังวลต่ออนาคตของประเทศชาติบ้านเมือง และความสงบเรียบร้อยภายในสังคมไทยในระยะเวลาอันไม่ใกล้ไม่ไกล จากกรณีกระแสข่าวที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้ประกาศในทำนองข่มขู่ว่า จะรวมตัวชุมนุมใหญ่ หากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องลุกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะคำตัดสินวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ  
    ความรักและความปรารถนาดีของคนเสื้อแดงที่มีต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย อันมีทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของตัวจริง จนเป็นเหตุให้ต้องปกป้อง คุ้มครอง เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ผิดกับจงอางหวงไข่นั้น เป็นสถานการณ์ และแนวทางการต่อสู้ทางการเมืองที่สามารถเข้าใจได้ แต่การต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นของ "น้องสาว" ทักษิณ ชินวัตร ตลอดไปจนครบเทอม 4 ปี โดยไม่ใส่ใจต่อกฎกติกามารยาท หรือกฎหมายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะสามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน 
    อย่างน้อยที่สุด ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลักษณะปัญหาการแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน อันน่าสงสัยว่าเป็นเท็จนั้น เคยมีตัวอย่างมาแล้ว และผู้รับผลกระทบต้องหยุดชีวิตทางการเมืองก็ได้ยอมรับผลการตัดสินโดยดุษณีเป็น "ต้นแบบ" ของบุคคลผู้เคารพต่อกฎหมายบ้านเมืองเช่นกัน เหตุที่เกิดขึ้นกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ ป.ป.ช.สงสัยเกี่ยวกับเงินให้กู้ยืม 30 ล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรี มีสถานะเป็น “เจ้าหนี้” ขณะที่ บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรส มีสถานะเป็น “ลูกหนี้” นั้น หากเจ้าหนี้และลูกหนี้แถลงไม่ตรงกัน โดยมีหลักฐานทางการเงินที่แจ้งต่อทางราชการเป็นสิ่งพิสูจน์สำคัญนั้น ความเห็นของ ป.ป.ช.จะเป็นอย่างอื่น หรือเป็นไปตามอำเภอใจของคนเสื้อแดงได้อย่างไร
    ข้อเรียกร้อง หรือ คำข่มขู่อย่างท้าทายของ นปช. ไม่เพียงแต่เป็นการทำให้สถานการณ์ที่ยังไม่ทันสุกงอมเกี่ยวกับกรณีเรื่องเงินให้กู้ยืม 30 ล้านบาท ของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ น่าสนใจต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และมองหากรณีเทียบเคียงกับเหตุที่เกิดกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ล่วงลับไปแล้ว จากการไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับเงินกู้ 45 ล้านบาท เมื่อปี 2540 เท่านั้น แต่ยังสะท้อนความอหังการของวิธีคิดและแนวทางการต่อสู้ ที่หวังใช้มวลชนคนส่วนใหญ่กดดันองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.โดยปราศจากความถูกต้องชอบธรรม ไร้ซึ่งบรรทัดฐานของตัวบทกฎหมายโดยสิ้นเชิง
    กองทัพประชาชนคนเสื้อแดงของ นปช. ภายใต้การสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง จะใช้กำลังแสดงออกซึ่งความต้องการของตนเอง โดยแอบอ้างประชาธิปไตยของคนเสียงข้างมากในประเด็นต่างๆ อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรม และการปรองดอง อาจจะเป็นการเปิดประเด็นในมุมมองต่างๆ ที่ไม่มีคำว่า "ถูก" และ "ผิด" มากำกับเป็นบรรทัดฐาน เพราะเป้าประสงค์ในการเคลื่อนไหวต่างๆ จะมีวาระซ่อนเร้น หรือเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขึ้นอยู่กับจริยธรรม และการมีหิริโอตตัปปะของผู้นำทางการเมือง แต่ในกรณีการแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ นปช.จะใช้กำลังเพื่อเอาชนะเข้าข้างตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเรื่องที่ต้องใช้เอกสารหลักฐานเป็นเครื่องพิสูจน์และต่อสู้ทางคดีตามกระบวนการของกฎหมายที่ชัดเจน สามารถอธิบายได้เป็นรูปธรรมเรื่องความถูกต้องและไม่ถูกต้อง 
    อุบัติเหตุทางการเมืองของผู้นำหญิงคนแรกของประเทศไทย จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ในกรณีการให้กู้เงิน 30 ล้านบาท ต้องพิจารณากันที่ข้อเท็จจริงของปัญหาว่า ครอบครัวชินวัตร มีวิธีการบริหารจัดการกับเงินในกระเป๋าของตัวเองอย่างตรงไปตรงมามากน้อยเพียงใด ประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นซ้ำรอย เพราะระเบียบวิธีในการดำเนินการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอง หรือว่า ป.ป.ช.อยู่เฉยๆ ก็สามารถจะเอาความผิดไปป้ายสี หรือยัดเอกสารไปใส่ในมือของบุคคลใดได้ ดังนั้น แทนที่ นปช.จะคิดเองเออเองว่า เป็นขบวนการจ้องล้มรัฐบาล ลองพินิจพิเคราะห์ให้รอบคอบและเป็นกลางได้หรือไม่ว่า ความไม่ชอบมาพากลจนน่าสงสัยในพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เกิดจากใครกันแน่.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น