วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ฤดูม็อบกำลังจะมาถึง ท่านขุนน้อย 21 March 2556


ฤดูม็อบกำลังจะมาถึง





ในแง่ของ การข่าว เท่าที่ได้รับรู้ รับทราบ มาจาก เจ้ากรมข่าวลือ จนถึง ณ ขณะนี้ ก็ยังมิอาจสรุปได้ว่า บรรดา ม็อบ ต่างๆ ซึ่งคาดกันว่าจะ มาแน่ ในระหว่างช่วงเดือนเมษาฯ เป็นต้นไป ดังที่ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านได้มอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติราชการ ให้บรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหลาย ง้างตีนรอ เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ แต่มาถึง ณ ขณะนี้ ก็ยังคงไม่อาจพิสูจน์ทราบ และระบุได้ชัดเจนว่า...น่าจะเป็นม็อบไหน หรือม็อบประเภทใดกันแน่!!!
                            ----------------------------------------------------
    จะเป็นม็อบแก้รัฐธรรมนูญ ม็อบนิรโทษกรรม ม็อบน้ำ ม็อบทวงคืนดินแดนปราสาทพระวิหาร หรือจะเป็นม็อบต้านอบายมุข กาสิโน ฯลฯ ว่าไปแล้ว....ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มันคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวม็อบเท่านั้น แต่ย่อมเกี่ยวพันไปถึงท่าทีของรัฐบาล อย่างมิอาจแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด คือมันเป็นไดอะเล็กติก หรือเป็นปฏิสัมพัทธ์ พูดง่ายๆ ว่า...ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลคิดจะหยิบเรื่องใด เรื่องหนึ่ง เอามาเป็นเรื่อง หรือเอามาสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ก่อนหรือหลังนั่นเอง การ แอคชั่น ในแต่ละเรื่อง มันถึงจะกลายเป็นการสร้างกระบวนการ รีแอคชั่น สร้างปฏิกิริยาตอบโต้ สร้างม็อบต่างๆ ให้ไหลมาเข้าทางตีนของ คนเหล็กภาค 2 หรือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เตรียมตัวจะเปิดกล้องหนังแอคชั่นเรื่องใหม่ อย่างชนิดกระเหี้ยน กระหือรือ อยู่ในทุกวันนี้...
                             ----------------------------------------------------
    ยกตัวอย่างเช่น...การที่รัฐบาลโดยกรมการค้าภายใน ได้ตัดสินใจออกแอคชั่นในเรื่องการจำนำข้าว จากที่เคยงัดเอาประชานิยม ออกมาสาดใส่บรรดาชาวนาทั้งหลาย ชนิดออร์กัสซั่มกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง พร้อมที่จะเปิดรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ทุกสายพันธุ์ โดยไม่คิดจะสนใจแหล่งที่มาของข้าวแต่ละเม็ด แต่ละเกวียน แต่ละตัน เอาเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากทุนหาย กำไรหด หมดเม็ดเงินงบประมาณ ไปปีละเป็นแสนๆ ล้าน เล่นเอากระทรวง ทบวง กรม หรือบรรดาผู้เกี่ยวข้องแต่ละฝ่าย ต้องหันมาหายใจทางเหงือก ไปด้วยกันทั้งสิ้น ความพยายามที่จะผ่อนคลายแรงกระตุ้น ยับยั้งการผลิตข้าวของชาวนา ไม่ให้ต้องกลายมาเป็นภาระ ที่รัฐบาลต้องแบกเอาไว้ซะจนไหล่ลู่ มีสิทธิ์โดนกระสอบข้าวล้มทับตายเอาง่ายๆ จึงเริ่มนำมาสู่การออกแอคชั่น ในหลายต่อ หลายกรณี ด้วยกัน...
                            ------------------------------------------------------
    ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่แนวคิด ที่จะให้ลดราคาจำนำข้าว จากตันละ 15,000-20,000 เหลือตันละ 13,000-14,000 ด้วยเหตุผล ข้ออ้าง ว่าชาวนาทั้งหลายต่างลืมตา อ้าปาก ใช้หนี้ ใช้สิน กันไปได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวเลขจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพิ่งสรุปไปหมาดๆ ว่า ปริมาณหนี้สินของชาวนา ตลอดช่วงปีสองปีของฤดูกาลจำนำข้าว เท่าที่ผ่านมานั้น มีแต่เพิ่มกับเพิ่ม เพราะรายได้ที่สูงขึ้น นำไปสู่รายจ่ายที่สูงขึ้น ตามแรงกระตุ้นโดยแนวทางประชานิยมของรัฐบาลมาโดยตลอด และเมื่อเห็นชาวนาทำท่าว่าจะ รีแอคชั่น หรือเตรียมที่จะต่อต้านแนวคิดดังกล่าวขึ้นมาจริงๆ รัฐบาลเลยตัดสินใจที่จะ ขี่หลังเสือ ต่อไป พร้อมที่จะรับจำนำข้าวแต่ละเม็ด แต่ละเกวียน ในราคาคงเดิม แม้ว่าจะเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดไม่ต่ำกว่า 100 เหรียญต่อตัน เป็นอย่างน้อย...
                       ---------------------------------------------------------
    แต่เนื่องมาจากอาการ ถังแตก และ ฝีแตก ดังที่คุณหมอ วรงค์ เดชวิกรม ส.ส.พิษณุโลก แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เกาะติดเรื่องข้าวมาโดยตลอด ได้ตั้งข้อสมมติฐานและวินิจฉัยโรค เอาไว้โดยละเอียด เช่น 1.เงินงบประมาณเท่าที่เหลืออยู่ไม่พอจะรับจำนำข้าวในปีต่อไป 2.โกดังเก็บข้าวเต็ม 3.ข้าวที่ถูกระบายออกไปแทนที่จะไหลไปสู่ตลาดกลับไหลเวียนย้อนมาสู่โครงการรับจำนำอีกเป็นรอบๆ แถมอาจมีข้าวเขมรติดมาเป็นกระสอบๆ อีกด้วยต่างหาก 4.ราคาส่วนต่างระหว่างราคาจำนำกับราคาขายในตลาดยังสูงกว่ากันนับเป็นร้อยๆ เหรียญ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้กรมการค้าภายใน เลี่ยงไม่พ้นที่จะออกแอคชั่นในเรื่องข้าว ด้วยการหันมา กระตุก แทนที่จะเป็นการ กระตุ้น ชาวนาเหมือนอย่างเคย นั่นก็คือการปฏิเสธที่จะรับจำนำข้าว ซึ่งมีอายุน้อยกว่า 110 วัน จำนวน 18 สายพันธุ์ อันเป็นข้าวที่บรรดาชาวนาทั้งหลาย ต่างทุ่มเทกันปลูก เพื่อที่จะเอามาจำนำให้ได้เร็วๆ ได้เงินไปใช้จ่าย หรือใช้หนี้เร็วๆ นั่นเอง...
                      --------------------------------------------------------
    ในเมื่อกำลังออร์กัสซั่มอยู่เพลินๆ จู่ๆ ดันมาโดนกระตุกชนิดหัวทิ่ม หัวตำ เช่นนี้...บรรดาชาวนาทั้งหลาย จึงหนีไม่พ้นต้องแสดงปฏิกิริยา หรือต้องออก รีแอคชั่น ขึ้นมาโดยทันที นอกจากเตรียมเข้ายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีพาณิชย์ และรัฐมนตรีเกษตรฯ ภายในวันสองวันนี้ ในต้นเดือน หรือกลางเดือนหน้า แนวโน้มที่รีแอคชั่นที่ว่า จะกลายสภาพมาเป็น ม็อบ อีกหนึ่งม็อบ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่ยากนัก และถ้าหากม็อบชาวนา ดันไหลมารวมกับม็อบกระเทียม ม็อบมันสำปะหลัง ม็อบปาล์มน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งกำลังเผชิญภาวะ ที่ไม่ถึงกับแตกต่างไปจากกันซักเท่าไหร่นัก แถมยังมีม็อบปราสาทพระวิหาร ม็อบรัฐธรรมนูญ ม็อบนิรโทษกรรม ม็อบอบายมุข ฯลฯ เข้ามาผสมโรง ร่วมด้วยช่วยกันซะอีกล่วย งานนี้...ถึงคนเหล็กระดับ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ มาเอง ก็คงลำบากมิใช่น้อย...
                          -----------------------------------------------------------
    ชัยชนะที่เคยได้รับ จากการไล่เตะ ไล่ถีบ ไล่ทุบ ไล่กระทืบ เด็ก สตรี และคนชรา ในครั้ง ม็อบเสธ.อ้าย นั้น ว่าไปแล้วมันก็แค่ ชัยชนะชั่วครั้งชั่วคราว เท่านั้นเอง เพราะตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไขที่สาเหตุ ไม่ได้ขจัดเงื่อนไข อันเป็นเหตุปัจจัย ให้เกิดม็อบแต่ละม็อบ ต่อให้ถีบกันชนิดหมดเรี่ยว หมดแรง ยังไงๆ มันคงไม่สามารถจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง ได้ง่ายๆ ดีไม่ดี...อาจนำไปสู่การขยายเหตุปัจจัย ให้ลุกลาม บานปลาย ยิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งในตลอดช่วงระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลผ่านมาปีกว่าๆ แนวโน้มที่เหตุปัจจัยต่างๆ ทำท่าว่าจะยกระดับไปถึงขั้นที่สามารถทำให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ไหลมารวมกันด้วยอารมณ์ความรู้สึกเดียวกัน มันชักจะมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นทุกที ถึงจังหวะนั้น...ถ้าหากยังมัวแต่เน้น หนังแอคชั่น อยู่ล่ะก็ มีสิทธิ์เตลิดเปิดเปิง ถึงขั้นไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ด้วยประการทั้งพวง และทั้งยวง เอาเลยก็ไม่แน่!!!
                         ----------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก คัมภีร์เหลาจื๊อ...คิดจะปกครองบ้านเมือง แต่กระทำด้วยกำลังอำนาจ ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่สำเร็จแน่ๆ ด้วยบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นของเทพเจ้า ไม่อาจเข้าครอบครองได้ด้วยกำลัง ไม่อาจยึดถือเป็นของส่วนตัวได้ ผู้ที่ใช้กำลังเข้าครองจะต้องพ่ายแพ้ ผู้ที่ยึดถือเป็นส่วนตัวจะต้องสูญเสีย..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น