วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

ประชาธิปไตย 2 นิ้ว! “รสนา” แฉวิปรัฐบาลส่งซิกสั่ง ส.ส.โหวตตามสั่ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2556 17:08 น.

ประชาธิปไตย 2 นิ้ว! “รสนา” แฉวิปรัฐบาลส่งซิกสั่ง ส.ส.โหวตตามสั่ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์12 มีนาคม 2556 17:08 น.


ASTVผู้จัดการ - “ส.ว.รสนา” เผยภาพพร้อมแฉวิปรัฐบาลตระบัดสัตย์ ไม่ยอมให้วุฒิสภาอภิปรายวาระรัฐบาลบริหารครบ 1 ปี ทั้งๆ ที่เคยขอร้องให้เลื่อนมาหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ส.ส.รัฐบาลอ้างประชาธิปไตยต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่เวลาลงคะแนนวิปรัฐบาลกลับใช้วิธีส่งซิก “ชู 2 นิ้ว-ชู 3 นิ้ว” สั่ง ส.ส.ซ้ายหัน-ขวาหันได้ตามใจชอบ
       
       ช่วงบ่ายวันนี้ (12 มี.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความ และภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุถึงเหตุการณ์ในการประชุมร่วม 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาวันนี้ โดยระบุว่ามีเรื่องที่น่าจดจำว่า “สัญญาสุภาพบุรุษเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสภาแห่งนี้” 
       
       ส.ว.กรุงเทพฯ ที่ในการเลือกตั้งปี 2551 เคยได้คะแนนเสียงกว่า 740,000 เสียง ระบุว่า ก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 3 มี.ค. 2556 วิปรัฐบาลเคยเจรจากับวิปวุฒิสภาขอให้เลื่อนวาระการพิจารณารายงานของกรรมาธิการ และการพิจารณาญัตติขอตั้งกรรมาธิการวิสามัญในสมัยนิติบัญญัติ ซึ่งค้างมาตั้งแต่สมัยทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีวาระที่รัฐบาลต้องแถลงผลงานครบ 1 ปีอยู่ด้วย โดยอยากให้เลื่อนไปหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งทางวิปวุฒิสภาก็ยินยอมด้วยดี ทว่า ในวันนี้ทาง ส.ส.รัฐบาลกลับไม่ยินยอมให้มีการอภิปรายเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการผิดข้อตกลง ผิดสัญญาสุภาพบุรุษ
       
       “วิปรัฐบาลมาเจรจากับวิปวุฒิสภาว่าขอให้เลื่อนวาระพิจารณานี้ไปก่อนจนกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสร็จสิ้นไป เพราะรัฐบาลยังไม่ต้องการรายงานผลงาน 1 ปีของรัฐบาลก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันได้ วุฒิสภายินดีให้ความร่วมมือการเจรจากันนี้ควรถือได้หรือไม่ว่า เป็นสัญญาสุภาพบุรุษ ที่แม้ไม่ได้เซ็นไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ควรเป็นเรื่องที่ต้องรักษาข้อตกลงกันไว้
       
       “มาถึงวันนี้ ส.ส.ของพรรครัฐบาลพากันอภิปรายไม่เห็นด้วย โดยอ้างรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ทั้งที่เป็นรัฐธรรมนูญที่เขาก็ไม่ได้ให้ความเคารพกันสักเท่าไหร่ แม้รัฐธรรมนูญมีข้อยกเว้นให้พิจารณาเรื่องอื่นๆ ในสมัยนิติบัญญัติได้เมื่อรัฐสภาอนุมัติ ก็พากันอภิปรายไม่เห็นด้วยที่จะให้วุฒิสภาพิจารณารายงาน และเรื่องอื่นๆ ทั้งที่เวลานี้ก็ไม่มีกฎหมายให้พิจารณามากนัก เพราะรัฐบาลและสภาไปใช้เวลากับเรื่องจะออก พ.ร.ก.ปรองดอง ทั้งที่ก็อยู่ในสมัยนิติบัญญัติ จะออกเป็น พ.ร.บ.ก็กลัวเสียเวลา คิดจะหักดิบออกเป็น พ.ร.ก.เสียเลยเพราะเป็นกฎหมายของฝ่ายบริหาร”
       
       นอกจากนี้ น.ส.รสนายังกล่าวต่อด้วยว่า เมื่อสมาชิกวุฒิสภาลุกขึ้นแสดงความไม่พอใจและต่อว่ากรณีทางรัฐบาลไม่รักษาสัญญากลับมี ส.ส.รัฐบาลลุกขึ้นมาตอบโต้โดยอ้างว่าหลักประชาธิปไตยต้องฟังเสียงข้างมาก เพราะทุกคนมีอิสระในการตัดสินใจ ทว่า ในการลงมติต่างๆ วิปรัฐบาลกลับใช้วิธีการชูนิ้วคอยสั่งให้สมาชิกสภาโหวตตามที่ตัวเองสั่ง โดยการ “ชู 2 นิ้ว” หรือ “ชู 3 นิ้ว” ซึ่ง การชู 2 นิ้ว แปลว่าให้กด “เห็นด้วย” ส่วนการ ชู 3 นิ้ว แปลว่าให้กด “ไม่เห็นด้วย”
       
       “หลักการประชาธิปไตยอาศัยเสียงข้างมากก็จริงอยู่ แต่เป็นเสียงข้างมากที่ได้ใช้วิจารณญาณอย่างอิสระคงจะไม่จริง และเป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะในการลงมติแต่ละครั้ง ไม่มีใครลงอิสระได้ วิปรัฐบาลจะคอยชูนิ้วให้สมาชิกโหวตตามคำสั่ง … ที่ต้องชู 2 นิ้วหรือ 3 นิ้ว ก็ไม่ใช่อะไร ปุ่มกดลงคะแนน ช่องที่ 1 คือกดแสดงตน ปุ่มที่ 2 คือกดเห็นด้วย ส่วนปุ่มที่ 3 คือกดไม่เห็นด้วย
       
       ประชาธิปไตยเสียงข้างมากแบบง่ายๆ มีเท่านี้เอง ไม่ต้องใช้สมอง ใช้ไม่เกิน 3 นิ้วมือ ที่กำกับการบริหารบ้านเมือง การกู้เงินเป็นแสนล้าน หรือล้านล้านก็ยังได้ รวมทั้งออกกฎหมายไว้บังคับใช้กับประชาชนทั้งประเทศ จะไปตกลงเจรจาทำสัญญากับใคร เช่น เจรจาทวิภาคีไทย-อียู จะได้ฟังเสียงประชาชนหรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะในสภานิติบัญญัติ เรามีแค่ 2นิ้ว ก็ควบคุมประชาธิปไตยเสียงข้างมากได้แล้วค่ะ
       
       เห็นไหมคะ ประชาธิปไตยเป็นเรื่อง ง้ายยยง่าย เป็นนวัตกรรมใหม่ของการเมืองไทย ‘ประชาธิปไตย 2 นิ้ว’ ” ส.ว.รสนาระบุทิ้งท้าย
       
       สำหรับรายละเอียดของข้อความที่ ส.ว.รสนา โตสิตระกูลโพสต์ลงเฟซบุ๊กฉบับเต็มมีดังนี้
        …………………………………
       “การประชุมร่วมสองสภาในวันนี้ วันที่ 12 มีนาคม 2556 มีเหตุการณ์ที่ควรจดจำสำหรับวุฒิสภาว่า สัญญาสุภาพบุรุษเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสภาแห่งนี้ เมื่อเสียงข้างมากได้ในสิ่งที่เขาปรารถนาแล้ว สัญญาที่ให้ไว้ ก็อย่าหวังว่าเขาจะรักษา นี่เป็นครั้งที่ 2 ของเหตุการณ์ทำนองนี้
      
       “เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า วันนี้มีวาระการประชุมที่วุฒิสภาจะขออนุมัติรัฐสภาให้อนุมัติให้วุฒิสภาสามารถพิจารณาเรื่องรายงานของกรรมาธิการ และการพิจารณาญัตติขอตั้งกรรมาธิการวิสามัญในสมัยนิติบัญญัติ ซึ่งค้างมาตั้งแต่สมัยทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว
      
       “เป็นวาระพิจารณาที่ถูกเลื่อนมาจากการพิจารณาครั้งก่อน ด้วยเหตุผลว่าในญัตติของวุฒิสภาดันมีเรื่องของการที่รัฐบาลต้องแถลงผลงาน 1 ปีของรัฐบาลรวมอยู่ด้วย
      
       “วิปรัฐบาลมาเจรจากับวิปวุฒิสภาว่าขอให้เลื่อนวาระพิจารณานี้ไปก่อนจนกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสร็จสิ้นไป เพราะรัฐบาลยังไม่ต้องการรายงานผลงาน 1 ปีของรัฐบาลก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันได้ วุฒิสภายินดีให้ความร่วมมือการเจรจากันนี้ควรถือได้หรือไม่ว่า เป็นสัญญาสุภาพบุรุษ ที่แม้ไม่ได้เซ็นไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ควรเป็นเรื่องที่ต้องรักษาข้อตกลงกันไว้
      
       “มาถึงวันนี้ ส.ส.ของพรรครัฐบาลพากันอภิปรายไม่เห็นด้วย โดยอ้างรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ทั้งที่เป็นรัฐธรรมนูญที่เขาก็ไม่ได้ให้ความเคารพกันสักเท่าไหร่ แม้รัฐธรรมนูญมีข้อยกเว้นให้พิจารณาเรื่องอื่นๆ ในสมัยนิติบัญญัติได้เมื่อรัฐสภาอนุมัติ ก็พากันอภิปรายไม่เห็นด้วยที่จะให้วุฒิสภาพิจารณารายงาน และเรื่องอื่นๆ ทั้งที่เวลานี้ก็ไม่มีกฎหมายให้พิจารณามากนัก เพราะรัฐบาลและสภาไปใช้เวลากับเรื่องจะออก พ.ร.ก. ปรองดอง ทั้งที่ก็อยู่ในสมัยนิติบัญญัติ จะออกเป็น พ.ร.บ. ก็กลัวเสียเวลา คิดจะหักดิบออกเป็น พ.ร.ก. เสียเลยเพราะเป็นกฎหมายของฝ่ายบริหาร
      
       “การประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ วาระหมดตั้งแต่บ่าย 2 โมง
      
       “เมื่อเสียงข้างมากโหวตไม่อนุมัติให้วุฒิสภาพิจารณารายงานการประชุม และเรื่องอื่นๆ ทำให้สมาชิกวุฒิสภาไม่พอใจ และต่อว่าเรื่องไม่รักษาสัญญา ก็มี ส.ส พรรครัฐบาลลุกขึ้นมาตอบโต้ โดยอ้างเรื่องหลักการประชาธิปไตยว่าทุกคนมีอิสระในการตัดสินใจ และวุฒิสภาก็ต้องยอมรับมติของเสียงข้างมาก
      
       “หลักการประชาธิปไตยอาศัยเสียงข้างมากก็จริงอยู่ แต่เป็นเสียงข้างมากที่ได้ใช้วิจารณญาณอย่างอิสระคงจะไม่จริง และเป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะในการลงมติแต่ละครั้ง ไม่มีใครลงอิสระได้ วิปรัฐบาลจะคอยชูนิ้วให้สมาชิกโหวตตามคำสั่ง

       
       ชู 2 นิ้ว แปลว่าให้กด "เห็นด้วย "
       ชู 3 นิ้ว แปลว่าให้กด" ไม่เห็นด้วย"
      
       ที่ต้องชู 2 นิ้วหรือ 3 นิ้ว ก็ไม่ใช่อะไร ปุ่มกดลงคะแนน ช่องที่ 1 คือกดแสดงตน ปุ่มที่ 2 คือกดเห็นด้วย ส่วนปุ่มที่ 3 คือกดไม่เห็นด้วย

       
       ประชาธิปไตยเสียงข้างมากแบบง่ายๆมีเท่านี้เอง ไม่ต้องใช้สมอง ใช้ไม่เกิน 3 นิ้วมือ ที่กำกับการบริหารบ้านเมือง การกู้เงินเป็นแสนล้าน หรือล้านล้านก็ยังได้ รวมทั้งออกกฎหมายไว้บังคับใช้กับประชาชนทั้งประเทศ จะไปตกลงเจรจาทำสัญญากับใคร เช่น เจรจาทวิภาคีไทย- อียู จะได้ฟังเสียงประชาชนหรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะในสภานิติบัญญัติ เรามีแค่ 2นิ้ว ก็ควบคุมประชาธิปไตยเสียงข้างมากได้แล้วค่ะ
      
       เห็นไหมคะ ประชาธิปไตยเป็นเรื่อง ง้ายยยง่าย เป็นนวัตกรรมใหม่ของการเมืองไทย"ประชาธิปไตย 2 นิ้ว"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น