นรข.จับ2ผู้ต้องหาขนสุนัขข้ามโขง ของกลาง 280 ตัว
เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 23 มีนาคม พล.ร.ต.รังสรรค์ โตอรุณ ผบ.หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงหรือ นรข.นครนพม ร่วมกับ นายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รอง ผวจ.บึงกาฬ สืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำสุนัขอออกไปขายยังต่างประเทศ บริเวณริมโขงบ้านโนนยาง ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงสั่งการให้ นาวาเอกดุสิต จันทร์ราช ผบ. นรข.เขตหนองคาย เรือเอกคำพันธ์ พวงไธสง หน.สน.เรือบึงกาฬ สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่กับ พ.ต.อ.ชาญเดช ศรีสังฃ์ ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.ท.สุชาติ บุปปาจันโท ผบ.ร้อย ตชด.244 บึงกาฬ พ.ต.อ.ศรายุธ ชื่นพิชัย ผกก.สภ.หอคำ พ.ต.ท.อัศรายุทธ ทองลอง สว.ตำรวจน้ำบึงกาฬ พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ นพโพธิพงศ์ ผกก.3 ผบก.ปทส.บึงกาฬ นายสา แสงสว่าง ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติฯ บึงกาฬ นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรบึงกาฬ นายณรงค์ สุทธิสังข์ ปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ และนายสมชาย อนันตจารุตระกูล ปศุสัตว์อำเภอเมืองบึงกาฬ ร่วมกันวางแผนจับกุม
เวลาดังกล่าวพบเรือเพลายาวติดเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ แล่นจากฝั่ง สปป.ลาว ข้ามน้ำโขงมายังฝั่งไทยตรงกับบริเวณที่เจ้าหน้าที่ซุ่มรออยู่ จากนั้นได้มีรถยนต์ปิกอัพ จำนวน 3 คัน วิ่งเข้ามาจอดริมฝั่งแม่น้ำโขง ประกอบด้วยรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักษ์ไทเกอร์ สีขาว ทะเบียน บพ 4683 สกลนคร คันที่ 2 เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าไฮลักษ์ สีเทา ทะเบียน บต 1826 มหาสารคาม และคันที่ 3 เป็นรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ๊กซ์ สีเขียว ทะเบียน บท 3023 มหาสารคาม โดยรถทั้ง 3 คัน มีสุนัขขังอยู่ในกรงจำนวนมาก โดยมีสแลนดำคลุมพรางเอาไว้ จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 8-10 คน เดินขึ้นจากเรือมายกกรงสุนัขลงเรือที่จอดรออยู่ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ได้ผู้ต้องหาได้ 2 คนคือ นายอุทัย ภาสงค์ อายุ 39 ปีและ นายลาวี แสนสุริวงค์ อายุ 48 ปีส่วนที่เหลือวิ่งหลบหนีลงเรือไปพร้อมสุนัขอยู่ในกรงจำนวนหนึ่ง ยึดกรงสุนัขที่มีสุนัขอยู่ในกรงๆ ลำ 10 ตัวได้ 28 กรงสุนัข 280 ตัว และกรงเปล่าไว้สับเปลี่ยนกองอยู่อีก 30 กรง จึงยึดไว้เป็นของกลาง
สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจาก "องค์หนั่ง " ชายชาวเวียดนาม ให้ลำเลียงสุนัขของกลางจากพื้นที่ อ.โกสุมพิสัย และ อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ให้มาส่งกับกลุ่มพ่อค้าสุนัขบริเวณริมน้ำโขง โดย ได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 7.500 บาท จึงถูกแจ้งข้อหาร่วมกันนำสินค้า(สุนัข)ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร และทำการอันเป็นการทารุณต่อสัตว์ ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หอคำ ดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายเลอเกียรติ รอง ผวจ.บึงกาฬ กล่าวว่า สุนัขที่ถูกจับมาในครั้งนี้ สังเกตได้ว่ามีลักษณะตัวเล็กกว่าทุกครั้ง เป็นไปได้ว่าสุนัขเริ่มจะหายากมากขึ้น ตัวเล็กกว่าขนย้ายสะดวกมากกว่าและไปเลี้ยงหรือขุนต่อเพื่อขายในราคาที่สูงขึ้น และสุนัขชุดนี้ดูจะยังสดชื่นสุขภาพดีคาดว่าคงนำมาพักไว้ก่อนถึงขนย้ายต่อ จึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งต้นทาง กลางทางช่วยกันดูแลเข้มงวดรถขนสุนัขด้วย นึกว่าช่วยเหลือสัตว์ร่วมโลกเราก็แล้วกัน
เวลาดังกล่าวพบเรือเพลายาวติดเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ แล่นจากฝั่ง สปป.ลาว ข้ามน้ำโขงมายังฝั่งไทยตรงกับบริเวณที่เจ้าหน้าที่ซุ่มรออยู่ จากนั้นได้มีรถยนต์ปิกอัพ จำนวน 3 คัน วิ่งเข้ามาจอดริมฝั่งแม่น้ำโขง ประกอบด้วยรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักษ์ไทเกอร์ สีขาว ทะเบียน บพ 4683 สกลนคร คันที่ 2 เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าไฮลักษ์ สีเทา ทะเบียน บต 1826 มหาสารคาม และคันที่ 3 เป็นรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ๊กซ์ สีเขียว ทะเบียน บท 3023 มหาสารคาม โดยรถทั้ง 3 คัน มีสุนัขขังอยู่ในกรงจำนวนมาก โดยมีสแลนดำคลุมพรางเอาไว้ จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 8-10 คน เดินขึ้นจากเรือมายกกรงสุนัขลงเรือที่จอดรออยู่ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ได้ผู้ต้องหาได้ 2 คนคือ นายอุทัย ภาสงค์ อายุ 39 ปีและ นายลาวี แสนสุริวงค์ อายุ 48 ปีส่วนที่เหลือวิ่งหลบหนีลงเรือไปพร้อมสุนัขอยู่ในกรงจำนวนหนึ่ง ยึดกรงสุนัขที่มีสุนัขอยู่ในกรงๆ ลำ 10 ตัวได้ 28 กรงสุนัข 280 ตัว และกรงเปล่าไว้สับเปลี่ยนกองอยู่อีก 30 กรง จึงยึดไว้เป็นของกลาง
สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจาก "องค์หนั่ง " ชายชาวเวียดนาม ให้ลำเลียงสุนัขของกลางจากพื้นที่ อ.โกสุมพิสัย และ อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ให้มาส่งกับกลุ่มพ่อค้าสุนัขบริเวณริมน้ำโขง โดย ได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 7.500 บาท จึงถูกแจ้งข้อหาร่วมกันนำสินค้า(สุนัข)ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร และทำการอันเป็นการทารุณต่อสัตว์ ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หอคำ ดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายเลอเกียรติ รอง ผวจ.บึงกาฬ กล่าวว่า สุนัขที่ถูกจับมาในครั้งนี้ สังเกตได้ว่ามีลักษณะตัวเล็กกว่าทุกครั้ง เป็นไปได้ว่าสุนัขเริ่มจะหายากมากขึ้น ตัวเล็กกว่าขนย้ายสะดวกมากกว่าและไปเลี้ยงหรือขุนต่อเพื่อขายในราคาที่สูงขึ้น และสุนัขชุดนี้ดูจะยังสดชื่นสุขภาพดีคาดว่าคงนำมาพักไว้ก่อนถึงขนย้ายต่อ จึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งต้นทาง กลางทางช่วยกันดูแลเข้มงวดรถขนสุนัขด้วย นึกว่าช่วยเหลือสัตว์ร่วมโลกเราก็แล้วกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น