วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าวสำคัญ ประจำวันที่ 13 มี.ค.56




สรุปข่าวสำคัญ ประจำวันที่ 13 มี.ค.56
ทักษิณคาดโทษส.ส.กทม.เพื่อไทยไม่ควักงบช่วยจูดี้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า จากกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์เข้ามาพูดคุยกับส.ส.พรรคเพื่อไทย ในระหว่างการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยช่วงหนึ่งพ.ต.ท.ทักษิณระบุถึงผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และไม่พอใจกับผลคะแนนในหลายเขตพื้นที่ได้น้อยกว่าฐานคะแนนเดิม พร้อมกับคาดโทษส.ส.และสมาชิกพรรคในบางเขตที่ช่วยงานไม่เต็มที่ อาจไม่พิจารณาส่งลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยอมรับว่ามีปัจจัยเรื่องงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้องส่วนหนึ่งซึ่งส.ส.บางเขตไม่นำงบประมาณที่พรรคให้ไปช่วยสนับสนุนพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอดีตผู้สมัครส.ส.ที่เป็นคนหน้าใหม่ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการคาดโทษ แต่ส.ส.เดิมที่อยู่ในพื้นที่มานานคงไม่ถูกเปลี่ยนตัวบุคคลอย่างที่มี
ชินวัฒน์หนุนโหวตแก้รธน.วาระ3แม้แม้วสั่งแก้รายมาตรา
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์มาในที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งระบุว่าจะมีส.ส.และส.ว.ไปยื่นเพื่อขอเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราว่า ตนทราบตามข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยากให้มีการแก้ไขเป็นรายมาตรา แต่พรรคยังไม่ได้สรุปว่าจะเลือกแนวทางใด ทั้งนี้ ความเห็นส่วนตัวนั้น หากจะแก้ไขก็ควรโหวตวาระ 3 ไปเลย เพราะผ่านการพิจารณาและโหวตมาแล้วในวาระ 1-2 การโหวตวาระ 3 ไปเลยจึงง่ายกว่า ถ้าไปแก้เป็นรายมาตรานั้น แค่ยกบางมาตราที่จะแก้มาฝ่ายที่ไม่อยากให้แก้ก็จะค้านกันไปมาไม่จบ ยังไม่นับรวมขั้นตอนการทำประชามติอีก แต่ถ้าโหวตวาระ 3 ก็เหมือนเราเดินตามหลักการที่มีเกราะคุ้มกัน ซึ่งดีกว่า ถ้าไม่ผ่านก็เอาใหม่ในสมัยหน้า นอกจากนี้ ประชาชนที่รอฟังแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าเราโหวตวาระ 3 แล้วไม่ผ่านเขาก็เข้าใจดี เพราะเราทำแล้วแต่ไม่ผ่าน แต่ถ้ายังคาราคาซังอยู่กลัวว่าพี่น้องประชาชนจะสงสัยว่าเราจะเอาอย่างไรกันแน่
สำหรับกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าเหมือนถูกลอยคอกลางมหาสมุทรนั้น นายชินวัฒน์กล่าวว่า เท่าที่ฟังตามข่าว คล้ายๆ ว่าท่านพูดแบบนั้น ซึ่งคงเป็นเพราะการเสนอแนวทางนิรโทษกรรมที่มีทั้งรูปแบบของพ.ร.ก.และพ.ร.บ. เรื่องนี้น่าเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ ร่างบางฉบับยังยกเว้นแกนนำผู้สั่งการซึ่งมันยังไม่สะเด็ดน้ำ เขาเหล่านี้ก็ยังต้องมาต่อสู้คดีอีก ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่า ถ้าจะทำก็ควรนิรโทษกันให้หมดเลย ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพ.ต.ท.ทักษิณ ล้างบางกันไปเลย เราเลิกกันได้หรือไม่ เมื่อนิรโทษกรรมกันแล้วก็ล้างๆ กันไปซะ ที่ท่านเปรียบเหมือนยังลอยคอกลางมหาสมุทรนั้น ท่านพูดทำนองว่า มีคนรักท่านแต่ยังไม่อยากให้กลับ คล้ายๆ กับอารมณ์น้อยใจ ถ้าเป็นตนก็คงน้อยใจเหมือนกัน ไปอยู่ต่างบ้านมานานยังไม่ได้กลับเสียที ดังนั้นการที่จะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบพ.ร.ก.หรือพ.ร.บ.จึงไม่ควรไปยกเว้นคนนั้นคนนี้ เมื่อจะเดินก็เดินลุยกันไปเลย ล้างบางกันไปเลย
เชื่อ42สส.พท.พร้อมยกมือหนุนวรชัยเลื่อนพรบ.นิรโทษ
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับการนิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าให้ทำเลย จะทำเป็นพ.ร.บ.หรือพ.ร.ก.ก็ได้ ให้ไปคุยกัน และก็ยังพูดชัดเจนว่า ให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ส่วนกรณีที่ตนพร้อมทั้งส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมกับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น เนื่องจากพวกเรามีความคิดตรงกันและไม่ต้องการให้เห็นเป็นภาพคนเสื้อแดงอย่างเดียว ซึ่งคนในพรรคก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องการบรรจุเป็นวาระการประชุมนั้นเป็นเรื่องของประธานรัฐสภา ทั้งนี้ หากครบกำหนด 7-10 วันตามที่ประธานรัฐสภารับปากแล้ว พวกเราจะทวงถามความคืบหน้าอย่างแน่นอน และเมื่อมีการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมแล้ว พวกเราจะขอให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนทันที แม้ว่าพรรคจะยังไม่มีท่าทีชัดเจนก็ตาม เพราะพ.ต.ท.ทักษิณส่งสัญญาณชัด ดังนั้น หากนายวรชัยใช้เอกสิทธิ์ส.ส.เสนอเลื่อนวาระขึ้นมาพิจารณาตนก็พร้อมยกมือสนับสนุน และเชื่อว่าเพื่อนส.ส.ทั้งหมด 42 คนก็พร้อมที่จะร่วมยกมือสนับสนุนด้วยเช่นกัน
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า วันนี้ถ้าไม่ทำมันก็เสียของ ไม่ทำก็เสียมวลชน เรากลัวไม่ได้ ไม่ต้องไปกลัว ความกลัวทำให้เสื่อม ยืนยันว่าเราไม่ได้ท้าทาย ลึกๆ ฝั่งตรงข้ามก็คงอยากได้เหมือนกัน ลองไปถามดู ทั้งแกนนำใหญ่ แกนนำเล็ก ทุกคนอยากได้อานิสงส์แต่เอ่ยปากไม่ได้ ส่วนการออกเป็นพ.ร.ก.นั้นก็ยังมีแกนนำคนเสื้อแดงสนับสนุนอยู่ อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนพ.เหวง โตจิราการ แต่ตนเชื่อว่า เรื่องการนิรโทษกรรมนั้น หากออกเป็นพ.ร.บ.จะเป็นผลดีกว่าการออกเป็นพ.ร.ก.อย่างแน่นอน เพราะการออกเป็นพ.ร.บ.นั้นรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ เป็นเรื่องของสภาฯ แต่ถ้าเป็นพ.ร.ก.รัฐบาลรับไปเนื้อๆ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงอย่างสูงที่จะถูกยื่นตีความจากกลุ่ม 40 ส.ว.ด้วย อย่างไรก็ตาม ในที่สุดแล้วหากพรรคเพื่อไทย เห็นว่าควรออกเป็นพ.ร.ก.ตนก็พร้อมสนับสนุน
กกต.กทม.รับส่ง2เรื่องที่มีมูลส่งกกต.กลางตัดสิน
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานกกต.กทม.กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยเเลนด์ เอฟเอ็ม 97 เมกะเฮิร์ทซ์ กรณีกกต.กทม.ส่งคำร้องผลการพิจารณาม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.หลังโดนร้องเรียนหลายเรื่อง ว่า กกต.กทม.พิจารณา 2 คำร้องเเล้ว โดยลงมติตั้งเเต่สัปดาห์ที่เเล้วเเละนำมาดูถ้อยคำก่อนส่งกกต. จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามตนใน 2 เรื่องนี้ คือ 1.ภาพตัดต่อที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตัดต่อภาพเเกนนำพรรคเพื่อไทย เเกนนำนปช.เเละพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคเพื่อไทยมาร่วมกับภาพการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 เเละ 2.การโพสต์ในเนื้อหาที่นายเสรี วงศ์มณฑา โพสต์ว่า หากไม่ต้องการประเทศโดนยึด ควรให้เลือกเบอร์ 16 ไม่ควรเลือกเบอร์ 9 กกต.กทม.มีความเห็นว่ามีมูลเเละผู้สื่อข่าวสอบถามตนในสองเรื่องนี้ ตนจึงตอบในข้อกฎหมายเเละผู้สื่อข่าวนำไปตีความ เเต่ความเห็นของกกต.กทม.นั้น ไม่สามารถบอกได้เเม้มีจะมีกระเเสข่าวว่ากกต.กทม.มีมติ 3 ต่อ 2 ให้ใบเหลืองนั้นคงไม่เป็นเเบบนั้น เพราะผู้สื่อข่าวตีความไปเอง เนื่องจาก กกต.กทม.มีหน้าที่รับคำร้อง ตรวจสอบเเละวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนจะส่งกกต.กลางวินิจฉัยอีกชั้นหนึ่ง เพราะอำนาจเด็ดขาดอยู่ที่กกต.กทม. กรณีนี้เว้นเเต่กกต.กทม.จะไม่รับคำร้องหากมองว่าคำร้องนั้นๆไม่มีมูล เเละที่ผ่านมาการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้กกต.กทม.ยกคำร้องที่ไม่มีมูล 5 เรื่องไปเเล้ว เเละกกต.กทม.กำลังพิจารณาสองเรื่องตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหาร้องเรียนกรณีเเกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคนหาเสียงใส่ร้ายผู้สมัครคนอื่นเเละการที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เเถลงข่าวตั้งที่ปรึกษาเเละผู้เชี่ยวชาญประจำตัวผู้ว่าฯกทม. 31 คนซึ่งเกินจำนวนกฎหมายกำหนด
สดศรีอัดกกต.กทม.กรณีเผยให้ใบเหลือง"คุณชายหมู"
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยเเลนด์ เอฟเอ็ม 97 เมกะเฮิร์ทซ์ กรณีกกต.กทม.จะส่งคำร้องไปให้กกต.กลางในวันที่ 14 มี.ค.วินิจฉัย โดยทราบว่ากกต.กทม.จะส่งเรื่องที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตัดต่อภาพเเกนนำพรรคเพื่อไทย เเกนนำนปช.เเละพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคเพื่อไทยมาร่วมกับภาพการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 เเละ 2.การโพสต์ในเนื้อหาที่นายเสรี วงศ์มณฑา โพสต์ว่า หากไม่ต้องการประเทศโดนยึด ควรให้เลือกเบอร์ 16 ไม่ควรเลือกเบอร์ 9 โดยกกต.กทม.มีมติ 3 ต่อ 2 ให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์ให้กกต.กลางตัดสินว่า ขอตำหนิกกต.กทม.เพราะเรื่องนี้เป็นความลับเเละไม่ยุติที่กกต.กทม. เเละกกต.กลางเคยส่งคำเตือนไปยังกกต.จังหวัดต่างๆเเล้วว่าเรื่องใดที่ยังไม่ยุติกกต.จังหวัดไม่ควรเปิดเผยเพราะทำให้เกิดความกดดันกับกกต.กลางเเละเรื่องเหล่านี้เป็นความลับทางราชการ กรณีนี้กกต.กทม.อาจเข้าใจบทบาทที่ผิดไป ส่วนสองเรื่องนี้สำนวนยังไม่มาถึงกกต.กลางเเละหากสองสำนวนนี้มาถึงเเล้วต้องมอบเลขาธิการกกต.พิจารณาว่าจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ จากนั้นต้องส่งความเห็นขึ้นมายังกกต. 5 คน โดยหากมีมูลเเละต้องสอบสวนเพิ่มเติมต้องมอบอนุกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมดำเนินการก่อนเสนอกลับมายังกกต.กลางภายในเวลา 30 วัน หากดำเนินการไม่เเล้วเสร็จต้องรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนเเละสอยภายหลังใน 1 ปีโดยเสนอให้ศาลตัดสินเเทน ย้ำว่าอำนาจตัดสินภายใน 30 วันในการให้ใบเหลือง ใบเเดง เเละใบขาวนั้นต้องใช้เสียง 4 ใน 5 ของกกต.กลาง
ปธ.วุฒิระบุเป็นสิทธิสส.พท.เสนอร่างพรบ.นิรโทษฯ
นายนิคม ไวยรัชพาณิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ซึ่งเสนอเป็น พ.ร.บ. ดีกว่าเป็น พ.ร.ก. เพราะจะทำให้ขั้นตอนการพิจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบ แต่มีความกังวลบางมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 3 และ 4 ที่มีเนื้อหากว้าง ให้อำนาจ ทั้งตำรวจและอัยการมากเกินไปในการใช้ดุลยพินิจ เกรงว่าจะมีกลุ่มอื่นได้รับประโยชน์ด้วย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องรอบคอบ และการเดินหน้าขับเคลื่อนจะต้องแสดงความจริงใจต่อกัน
ทั้งนี้ควรระบุกลุ่มที่ได้ประโยชน์ให้ชัดเจน เพื่อให้ฝ่ายที่เห็นต่างเข้ามาร่วมมือด้วย อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณในความพยายามของนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่นัดกลุ่มผู้ขัดแย้งทางการเมืองเข้าหารือสร้างความเข้าใจและหาทางออกเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ส่วนกลุ่มที่ไม่ยอมเข้าร่วม โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะเกิดจากความไม่ไว้วางใจ เพราะกรอบยังไม่มีความชัดเจน
มวลชนพลังธรรมาธิปไตย เคลื่อนไหวกรณีพระวิหาร
รายงานข่าวจากจังหวัดศรีสะเกษ แจ้งว่า เวลา 11.00 น. วันที่ 13 มี.ค.2556 นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ในระบบดาวเทียม 13 สยามไท ได้นำมวลชนในนามของกลุ่มพลังธรรมาธิปไตย กว่า 500 คน มารวมตัวกัน ที่บริเวณพื้นที่ด้านหลังของปั๊มน้ำมัน สุบนบริการ บ้านกุดนาแก้ว ต.ภูฝ้าย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ติดถนนสายโชคชัยเดชอุดมทางหลวงหมายเลขที่ 24 ช่วงกิโลเมตรที่ 261 ทั้งนี้กลุ่มพลังมวลชน "กลุ่มพลังธรรมาธิปไตย" ประกอบด้วย สภาเกษตรไทยแห่งชาติ, สมาพันธ์เกษตรไทยรักชาติ,แนวร่วมคนไทยรักษาแผ่นดิน,ภาคีภาคประชาชนโดยมวลชนเหล่านี้ มี นายทองดี นามแสงโคตร หรือ สหายพิชิต อดีตกรรมการจังหวัดเขตงาน 555 (ดงสวน) จ.หนองบัวลำภูในฐานะคณะกรรมการกลุ่มกองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย(ทปท.) พร้อมด้วย นายใบ สีใส หรือ สหายชีพ และคณะอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)บางส่วนได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว เพื่อทำภารกิจ "เดินทางไกล กอบกู้ ราชอาณาจักรไทย" ทั้งนี้มีพุทธสถานศรีษะอโศก บ้านศรีษะอโศก ต.กระแซง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ตามที่ศาลโลกจะมีคำพิพากษาในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ในส่วนภาคประชาชนรู้สึกห่วงใย เพราะไทยเสี่ยงต่อการที่จะเสียเขตแดนให้กับทางฝ่ายกัมพูชา อันเนื่องมาจากท่าทีของรัฐบาลที่เป็นไปในลักษณะที่เอื้อต่อกัมพูชา ทางภาคประชาชนจึงเห็นควรให้ร่วมกันรณรงค์เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เริ่มอย่างเป็นทางการในวันนี้ "ตั้งแต่วันนี้เราจะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง นี่คือการเดินทางไกลกอบกู้ราชอาณาจักรไทย ส่วนเส้นทางที่เราจะเคลื่อนไหวก็จะใช้เส้นทางเลาะชายแดนเริ่มจากจุดนี้ ซึ่งถือว่าใกล้ปราสาทพระวิหารมากที่สุด การเดินทางไกลในครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเข้าใจกับคนไทยให้เข้าถึงเรื่องนี้ ว่ามีความไม่ชอบมาพากลว่าไทยกำลังจะเสียดินแดน" นายไชยวัฒน์ กล่าว
"อภิสิทธิ์"ไม่กังวลกรณียื่นกกต.สอบโพสต์ภาพเผาเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง กทม. (กกต.กทม.) ส่งคำร้องเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กรณีการโพสต์ภาพเผาบ้านเผาเมือง และข้อความในโซเซียลไปยังกกกต.กลางให้พิจารณาว่า ไม่กังวลในกรณีที่กกต.กทม. สรุปคำร้องไปให้กกต.กลาง เพราะเป็นการทำตามขั้นตอนของกฏหมาย ไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะกกต.กทม.ทำตามหน้าที่ แต่อำนาจวินิจฉัยเป็นอำนาจของ กกต.กลางว่า จะเห็นด้วยหรือไม่ จึงต้องรอดูว่าวันที่ 14 มี.ค.กกต.กลางจะพิจารณาอย่างไร ส่วนตัวยังมั่นใจว่าข้อร้องเรียนที่พูดถึงไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีส่วนไหนที่เข้าข่ายกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 57(5) ว่ามีใครไปขู่เข็ญ บังคับหลอกลวง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ตนเห็นว่า มีความพยายามจากคนที่แพ้หรือไม่พอใจปั่นกระแสเรื่องใบเหลือง-ใบแดง จึงอยากขอให้กกต.ทำงานโดยปราศจากแรงกดดัน ว่าไปตามข้อเท็จจริงและกฏหมาย
ส่วนกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุฟันธงว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.จะได้ใบเหลืองหรือใบแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะเคยฟันธงว่าพ.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทยจะชนะมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตนเห็นว่า ร.ต.อ. เฉลิมคงไม่รู้กฎหมายว่ากรณีใบแดงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากข้อร้องเรียนไม่ได้เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร แค่นี้ก็เห็นชัดว่าไม่รู้กฎหมาย คงเป็นความพยายามจะปลุกกระแสผู้สนับสนุนตัวเอง เพราะทำอย่างนี้มาตลอด แต่สังคมและผู้รับผิดชอบต้องเข้มแข็งทำอย่างตรงไปตรงมาหวังว่าหลังการตัดสินกกต.ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะทุกคนต้องเคารพกติกา
" ข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ผมหวั่นไหว แต่ยอมรับว่าผู้สนับสนุนมีความกังวล และเมื่ออ่านข่าวก็ตกใจว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ จึงอยากฝากไปยังกกต.ว่าทุกครั้งที่มีการตัดสินย่อมมีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ แต่สิ่งที่จะคุ้มครองกกต.ได้ดีที่สุดคือการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ว่าไปตามเนื้อผ้า และข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย รวมทั้งต้องอธิบายคำตัดสินของตัวเองด้วยว่าเหตุผลคืออะไร"นายอภิสิทธิ์กล่าว
กกต.กทม.ปัดข่าวแจกใบเหลืองสุขุมพันธ์ ชี้อำนาจกกต.กลาง
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ปธ.กกต.กทม.) กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากกต.กทม.มีมติสั่งให้ใบเหลืองกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะอำนาจหน้าที่ในการที่จะชี้ขาดให้ใบเหลือง หรือใบแดงกับผู้ใดนั้น ต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของกกต.กลางไม่ใช้อำนาจหน้าที่ของกกต.กทม.ส่วนมติที่กกต.กทม.เตรียมเสนอความเห็นไปยังกกต.กลางในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค. )นั้น เป็นเพียงความเห็นและข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมถึงหลักฐานประกอบความคิดเห็นเท่านั้น โดยกกต.กทม.ยังไม่ได้เซ็นต์ลงนามมติดังกล่าว เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบถ้อยคำให้ถูกต้องอีกครั้ง ซึ่งกกต.กทม.จะมีการประชุมและเซ็นต์ลงนามในมติดังกล่าวในการประชุมวันพรุ่งนี้ (14มี.ค.)เวลา13.00น.ก่อนที่จะเสนอให้กกต.กลางพิจารณาต่อไป
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับวาระการประชุมของกกต.กทม.จะมีการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ค้างการพิจารณาอยู่ โดยจะเป็นคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องขอให้กกต.กทม.ตรวจสอบนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ปราศรัยหาเสียงในลักษณะใส่ร้าย ป้ายสี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคเพื่อไทย และคำร้องที่ขอให้ตรวจสอบการปราศรัยของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่จะมีการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ จำนวน31คนเนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ไม่เกิน9คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.กทม.ต้องมีการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาชี้แจงก่อนที่จะลงมติให้ใบเหลืองหรือไม่ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า ในกระบวนการตรวจสอบของกกต.กทม. เบื้องต้นยังไม่มีการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เนื่องจากตนเห็นว่าการเชิญใครมาชี้แจงข้อมูล หรือสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงถึงตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มากกว่านี้ ดังนั้นเรื่องของการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาชี้แจง คงให้เป็นดุลยพินิจของกกต.กลาง
ดีเอสไอเตรียมพร้อมแจ้งข้อหาสุขุมพันธุ์พรุ่งนี้
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการสอบสวนคดีการจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคการเมืองให้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยวิธีการให้สภาผู้แทนราษฎรหักเงินเดือน ส.ส.เข้าบัญชีพรรค ซึ่งดีเอสไอได้ออกหมายเรียกให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยนั้น ล่าลุดได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่แล้วว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 มาตรา 57 วรรค 2 ซึ่งระบุว่า การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป จะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือเช็คขีดคร่อมด้วยตนเองในวันพรุ่งนี้(14 มี.ค.) เวลา 09.30 น. โดยเบื้องต้นมีผู้เข้าข่ายถูกแจ้งข้อหาจำนวน 48 คน รวมถึงนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับทราบข้อหาไปแล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็นรายที่ 2 ที่เรียกรับทราบข้อกล่าวหา ส่วนอีก 46 คนที่เหลือต้องรอปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 20 เม.ย. ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าคดีดังกล่าวไม่ใช่การเป็นอาชญากรร้ายแรงแต่เมื่อมีข้อกฎหมายกำหนดชัดก็ต้องทำให้ถูกต้อง เพื่อให้มีที่มาที่ไป เรื่องนี้อาจเป็นความผิดที่เรียกว่าด้านเทคนิคโดยตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
"การหักบัญชีเงินเดือนเข้าพรรคครั้งนี้ดีเอสไอเห็นวาสไม่ถูกต้องและสมควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้พิสูจน์ถูกผิดโดยศาล การด่วนตัดสินเป็นการตัดตอนยุติธรรม ดีเอสไอไม่ได้หาเรื่องใคร แต่เมื่อมีการร้องเรียนก็ต้องทำหน้าที่เพื่อส่งอัยการตรวจสอบถ่วงดุลชี้ผิดถูกหากไม่ผิดก็ให้ยุติเรื่องไป"นายธาริตกล่าว
พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า บุคคลที่เข้าข่ายต้องเรียกเข้าแจ้งข้อหาในคดีดังกล่าวส่วนใหญ่คือส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้ได้รวมถึงนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วยังพบว่าพรรคภูมิใจไทยก็ใช้วิธีหักเงินเดือนส.ส.เข้าพรรคเช่นกัน แต่ไม่เข้าข่ายเป็นความผิดพ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะเป็นการหักเงินไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับโทษในกรณีดังกล่าวมีตั้งแต่จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ที่ให้แก่พรรคการเมืองหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปีด้วย
สดศรีคาดกกต.กลางพิจารณาปมร้องเรียนเลือกตั้งกทม.สัปดาห์หน้า
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกระแสข่าวกกต.กทม.มีมติเสนอกกต.กลางให้สั่งเลือกตั้งใหม่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ได้รับการเลือกตั้ง ว่า ทราบจากผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานครเพียงว่ามีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เข้ามา 20 เรื่อง สั่งไม่รับ 3 เรื่อง และเป็นเรื่องที่ร้องม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ 9 เรื่อง โดยจะส่งมาให้กกต.กลางพิจารณา 2 เรื่อง ซึ่งขณะนี้กกต.กลางยังไม่ได้รับ หากได้รับแล้วที่ประชุมกกต. ก็ต้องพิจารณาก่อนว่าพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ จะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือถ้าทางกกต.กทม.มีการสอบถ้อยคำของฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมกกต.ก็จะพิจารณาเพื่อมีมติต่อไป ซึ่งก็คงจะไม่ทันเข้าที่ประชุมกกต.ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งกกต.กลางไม่มีประชุมแล้วดังนั้นที่ประชุมกกต.คงจะได้มีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
นางสดศรี ยังกล่าวอีกว่า กกต.กลางได้เคยมีหนังสือแจ้งไปยังกกต.จังหวัดทุกจังหวัดแล้วว่าเมื่อมีมติว่าจะเสนอกกต.กลางอย่างไร จะเปิดเผยไม่ได้ ถือเป็นความลับทางราชการ สำนวนต่าง ๆ ไม่ควรมีการพูดว่าจะเสนอให้ใบแดง ใบเหลือง เพราะถ้าไปบอกเช่นนั้น คนที่จะถูกกดดันก็คือกกต.กลางที่จะต้องเป็นผู้วินิจฉัยขั้นตอนสุดท้าย
"เมื่อถึงเวลากกต.กลางพิจารณาก็จะถูกจับจ้องว่าจะวินิจฉัยไปเข้าข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ ก็อยากเรียกร้องไปยังกกต.จังหวัดให้ปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบ ไม่ใช่กกต.จังหวัดเป็นศาลต้น แล้วกกต.กลางเป็นศาลอุทธรณ์ เพราะอำนาจของกกต.จังหวัดแค่พิจารณาว่าควรจะรับเป็นคำร้องหรือไม่เท่านั้นเอง ซึ่งที่ผ่านมามีมากที่กกต.กลางไม่เห็นด้วยกับมติที่กกต.จังหวัดเสนอมา และมีมากถึงร้อยละ 60 ที่เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้วศาลยกคำร้องไม่เห็นตามกกต. ฉะนั้นคำตอบต่างๆ จึงต้องรอฟังศาลเว้นแต่จะสอยก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง และถ้าทำเช่นนั้นการจะให้ใบเหลือง ใบแดง ก็ต้องใช้เสียงของที่ประชุมกกต.ถึง 4 ใน 5 ซึ่งมากกว่ากรณีปกติ"นางสดศรี กล่าว
ผบ.ทร.ยันทหารเรือไม่ได้ฆ่าโรฮิงญา มีแต่ช่วยเหลือ
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่องค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน หรือฮิวแมนไรท์ วอทช์ ระบุว่ามีทหารเรือจับชาวโรฮิงญาไปสังหารในน่านน้ำไทย บริเวณ จ.พังงา ว่าเป็นไปไม่ได้และไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น หากลองคิดตามหลักความเป็นจริง ถ้าเราจะสังหารใครแล้วมีคนเห็นมากมายมาเป็นพยานเราจะกล้าทำหรือไม่ และทหารไทยที่ไหนจะทำได้ โดยเฉพาะทหารเรือไม่มีวันทำแบบนั้น แต่ตรงกันข้ามเพราะจะมีแต่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตนยืนยันว่าไม่มีทหารเรือคนไหนจะทำแบบนั้นได้ลงคอ
อย่างไรก็ตามตนได้ให้นโยบายกับกองทัพเรือภาค 3 และฐานทัพเรือพังงาคือเมื่อพบเรือชาวโรฮิงญาจะเข้าฝั่งก็ต้องนำอาหาร น้ำ ยารักษาโรค และที่สำคัญเติมน้ำมัน ก่อนที่จะนำเรือออกทะเล ให้ไปยังเป้าหมายที่เขาต้องการ เพราะประเทศไทยเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น โดยไม่มีนโยบายในการสร้างศูนย์ หรือรับไว้ดูแลซึ่งมีแต่ผลักดันออกอย่างเดียวแต่ต้องมีมนุษยธรรมด้วย
"ผมยืนยันว่าทหารเรือ ไม่มีเหตุผลหรือสาเหตุที่จะสังหารชาวโรฮิงญา เพราะเขาไม่ใช่ศัตรู แค่ผลักดันออกไป ก็น่าสงสารมากแล้ว แต่เมื่อนโยบายคือการผลักดันออก เราก็ให้การช่วยเหลือมนุษยธรรม ให้อาหาร น้ำดื่มที่พอเพียง ยารักษาโรค และ เติมน้ำมัน ไปให้ด้วย ก่อนที่จะให้เขาออกเดินทางต่อไป เรามีแต่ช่วยเหลือ และซ่อมเรือให้ด้วยซ้ำ เมื่อซ่อมเสร็จแล้วก็ผลักดันให้กลับออกไปในทิศทางที่เขาต้องการจะไป" ผบ.ทร. กล่าว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น