"สมศักดิ์"จ่อยื่นสอบจริยธรรม "ยิ่งลักษณ์-สุรพงษ์"
ผู้ตรวจการแผ่นดิน วันที่ 12 มี.ค.2556 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ได้เข้าพบนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อทวงถามความคืบหน้ากรณีร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบกระทรวงการต่างประเทศที่คืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหนีคดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือเสนอแนะไปยังกระทรวงการต่างประเทศให้ทบทวนการคืนหนังสือเดินทาง แต่กระทรวงต่างประเทศยังคงยืนยันว่าการออกหนังสือเดินทางดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้อง จนผู้ตรวจการแผ่นดินต้องมีหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาของกระทรวงต่างประเทศเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ครบกำหนด 30 วันที่ผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้นายกฯชี้แจงกลับมา จึงอยากทราบว่านายกรัฐมนตรีตอบกลับมาอย่างไร และผู้ตรวจการแผ่นดินจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้านนายรักษ์เกชา ชี้แจงว่าขณะนี้สำนักงานยังไม่ได้รับหนังสือตอบกลับจากนายกรัฐมนตรี คงต้องรอดูว่านายกจะชี้แจงมาอย่างไร หรือจะขอขยายระยะเวลาการชี้แจง แต่เมื่อได้รับแล้วทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะพิจารณาว่าคำชี้แจงดังกล่าวได้มีการสั่งให้กระทรวงต่างประเทศทบทวนการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า การคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง 2548 โดยข้อมูลส่วนบุคคลของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กระทรวงการต่างประเทศใช้เป็นฐานในการคืนหนังสือเดินทางเป็นข้อมูลเก่า ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา และก่อนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะขึ้นบัญชีดำพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ขอให้กระทรวงต่างประเทศเช็คข้อมูลสถานะที่เป็นปัจจุบันของพ.ต.ท.ทักษิณไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่หากไม่มีการ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอไป โดยหลักปฏิบัติแล้วผู้ตรวจการก็จะทำรายงานเสนอต่อรัฐสภา ส่วนจะมีการเสนอเรื่องต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดินหากเห็นว่ามีการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ แต่ทั้งนายสมศักดิ์ ผู้ร้องในคำร้องนี้ก็สามารถไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามนายสมศักดิ์ เห็นว่า การที่รมว.ต่างประเทศอ้างว่าการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง 2548 ถือว่ารมว.ต่างประเทศ กระทำการผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันการที่นายกรัฐมนตรีนิ่งเฉยต่อกรณีนี้ถ้าถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การกระทำของบุคคลทั้ง 2 จึงเข้าข่ายใช้อำนาจไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น ขัดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วผู้ตรวจการแผ่นดินควรจะดำเนินการตรวจสอบและยื่นป.ป.ช.ถอดถอนได้ แต่เมื่อผู้ตรวจฯอ้างว่ากฎหมายระบุให้การสอบสวนเรื่องจริยธรรมต้องมีผู้ร้อง ตนก็จะยื่นคำร้องให้เป็นเรื่องราวในวันพรุ่งนี้ ( 13 มี.ค.) เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรมบุคคลทั้งสองและยื่นถอดถอนไปยังป.ป.ช.ต่อไป
ด้านนายรักษ์เกชา ชี้แจงว่าขณะนี้สำนักงานยังไม่ได้รับหนังสือตอบกลับจากนายกรัฐมนตรี คงต้องรอดูว่านายกจะชี้แจงมาอย่างไร หรือจะขอขยายระยะเวลาการชี้แจง แต่เมื่อได้รับแล้วทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะพิจารณาว่าคำชี้แจงดังกล่าวได้มีการสั่งให้กระทรวงต่างประเทศทบทวนการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า การคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง 2548 โดยข้อมูลส่วนบุคคลของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กระทรวงการต่างประเทศใช้เป็นฐานในการคืนหนังสือเดินทางเป็นข้อมูลเก่า ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา และก่อนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะขึ้นบัญชีดำพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ขอให้กระทรวงต่างประเทศเช็คข้อมูลสถานะที่เป็นปัจจุบันของพ.ต.ท.ทักษิณไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่หากไม่มีการ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอไป โดยหลักปฏิบัติแล้วผู้ตรวจการก็จะทำรายงานเสนอต่อรัฐสภา ส่วนจะมีการเสนอเรื่องต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดินหากเห็นว่ามีการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ แต่ทั้งนายสมศักดิ์ ผู้ร้องในคำร้องนี้ก็สามารถไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามนายสมศักดิ์ เห็นว่า การที่รมว.ต่างประเทศอ้างว่าการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง 2548 ถือว่ารมว.ต่างประเทศ กระทำการผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันการที่นายกรัฐมนตรีนิ่งเฉยต่อกรณีนี้ถ้าถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การกระทำของบุคคลทั้ง 2 จึงเข้าข่ายใช้อำนาจไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น ขัดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วผู้ตรวจการแผ่นดินควรจะดำเนินการตรวจสอบและยื่นป.ป.ช.ถอดถอนได้ แต่เมื่อผู้ตรวจฯอ้างว่ากฎหมายระบุให้การสอบสวนเรื่องจริยธรรมต้องมีผู้ร้อง ตนก็จะยื่นคำร้องให้เป็นเรื่องราวในวันพรุ่งนี้ ( 13 มี.ค.) เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรมบุคคลทั้งสองและยื่นถอดถอนไปยังป.ป.ช.ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น