วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

แม่เด็ก ป.1 ต่อยเด็ก 5 ขวบ เผยข่าวทำลูกซึมเศร้า ขอความเป็นธรรม เมื่อ 15 มี.ค.56



แม่เด็ก ป.1 ต่อยเด็ก 5 ขวบ เผยข่าวทำลูกซึมเศร้า ขอความเป็นธรรม
 
 แม่เด็ก ป.1 มือต่อยเด็ก 5 ขวบ วอนขอความเป็นธรรมให้ลูกชายด้วย หลังจากข่าวที่ออกมาทำลูกชายซึมเศร้า เผยตลอดเวลาพูดคุยกับญาติผู้เสียหายในเรื่องค่ารักษาตลอด ด้านญาติเด็ก 5 ขวบ ร้องหาความจริง สงสัยทำไมหลานโคม่า หากต่อยกันแค่ 2 คน พร้อมบอกขอให้เห็นใจ เพราะหลานก็เจ็บปางตาย

            
จาก กรณีที่ยายของ น้องนนท์ เด็กชายวัย 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.สุพรรณบุรี เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า หลานชายถูกเด็กนักเรียนชั้น ป.1 รุ่นพี่ที่โรงเรียนทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนหัก ช้ำใน และติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งขณะนี้ น้องนนท์ ถูกนำตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม เนื่องจากอาการยังโคม่าอยู่ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
            ล่าสุด เมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ ฟูเจริญ ผอ.สพท.เขต 1 สุพรรณบุรี และนายฉัฐชาย ภู่แสงวงษ์ ผอ.โรงเรียนที่เกิดเหตุ ได้เข้าเยี่ยมอาการของน้องนนท์ที่ห้องไอซียู

            ทั้ง นี้ นายฉัฐชาย ผอ.โรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ปกติแล้วนักเรียนจะมีครูเวรที่คอยดูแลเด็ก อีกทั้งยังมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ แต่บริเวณที่เกิดเหตุไม่ได้ติดไว้ ส่วนเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก และเด็กก็แยกย้ายกลับบ้านไป เท่าที่ตนทราบก็เป็นแค่การกอดรัดฟัดเหวี่ยง ตามธรรมชาติของเด็กผู้ชายเล่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องทะเลาะกัน หรือมีการรุมทำร้ายอย่างที่ข่าวออกไป เนื่องจากหลังจากที่เกิดเรื่อง น้องนนท์ไม่ได้ร้องไห้ และกลับเข้าไปเรียนหนังสือตามปกติ ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าน้องนนท์ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งเป็นเด็กเล็กขนาดนั้น หากถูกทำร้ายร่างกาย เด็กก็น่าจะไปฟ้องครูแล้ว แต่ทั้งนี้ เมื่อเด็กกลับบ้านไปก็เกิดอาการปวดไหล่ ซึ่งตนได้สอบถามจากโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ที่รักษาน้องนนท์ในเบื้องต้น ทราบว่า น้องนนท์กระดูกร้าว และที่อาการทรุดลงนั้น เพราะติดเชื้อในกระแสเลือด

            ผอ.โรงเรียน กล่าวต่อว่า สำหรับสภาพจิตใจของเด็ก ป.1 คู่กรณีในขณะนี้แย่มาก ตนไม่อยากให้สังคมตัดสิน หรือพิพากษาเด็ก ป.1 โดยไม่ทราบข้อเท็จจริง และตอนนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอม ซึ่งเด็ก ป.1 คนดังกล่าว มีอาการซึมเศร้า เก็บตัวอยู่ในบ้าน ส่วน ทางสื่อมวลชนก็พยายามที่จะเข้าไปสัมภาษณ์ แต่ทางบ้านไม่อนุญาต จนช่วงหลังต้องให้สื่อมวลชนเข้ามาดูว่า เด็ก ป.1 นั้น ไม่ได้ตัวโตจนลงมือทำร้ายใครได้ อีกทั้งสภาพจิตใจของผู้ปกครอง เด็ก ป.1 ก็แย่ไปด้วยเช่นกัน เพราะถูกสังคมพิพากษาว่าเด็กเป็นฝ่ายกระทำความรุนแรงไปแล้ว

            สำหรับเรื่องเยียวยานั้น นายฉัฐชาย กล่าวว่า ต้องได้รับการเยียวยาทั้งสองฝ่าย แต่ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลน้องนนท์ ในเบื้องต้นทราบว่าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหลังจากย้ายมาอยู่ที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ ทางโรงเรียนได้ช่วยเหลือในส่วนของค่าเดินทางของผู้ปกครองในจำนวน 5 พันบาท และโรงเรียนก็ยังประสานไปทางประกันชีวิตที่น้องนนท์ทำไว้ แต่ทั้งนี้ต้องรอใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลก่อนถึงจะเบิกได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น