วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตร.จีนมือจับหน่อคำ เดินทางเข้าพบตร.-อัยการไทย ผุดแผนดูแลแม่น้ำโขงป้องกันเหตุซ้ำรอย วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23:48:03 น.




ตร.จีนมือจับหน่อคำ เดินทางเข้าพบตร.-อัยการไทย ผุดแผนดูแลแม่น้ำโขงป้องกันเหตุซ้ำรอย

วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23:48:03 น.
  


จากกรณีนายหน่อคำ ราชายาเสพติดชาวพม่า วัย 43 ปี หัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดและกองกำลังติดอาวุธแถบลุ่มแม่น้ำโขง บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ถูกศาลเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ตัดสินประหารชีวิตพร้อมลูกสมุนอีก 3 คน เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา ข้อหาร่วมกันปล้นฆ่าลูกเรือขนสินค้าชาวจีนเสียชีวิต 13 ราย เหตุเกิดขณะที่เรือสินค้าจีน 2 ลำกำลังแล่นผ่านแม่น้ำโขงในเขต อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อเดือนต.ค. 2554 ซึ่งหลังการประหารชีวิตแก๊งหน่อคำ ตำรวจไทยก็ยังยืนยันเดินหน้ายึดทรัพย์เครือข่ายยาบ้าแก๊งนี้ ตามที่เสนอไปนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายหลี จิ้นโปว รองผู้บัญชาการตำรวจเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เดินทางเข้าพบพล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พ.ต.อ.วิเชียร ชุ่มชิด ผกก.อก.ภ.เชียงราย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจ จ.เชียงราย กับตำรวจจีนตอนใต้ ซึ่งมีอาณาเขตห่างกันเพียงประมาณ 250 กิโลเมตร 

โดยนายหลีได้เข้ายื่นร่างเอกสารข้อตกลงความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและจีนตอนใต้ เกี่ยวกับดูแลความสงบเรียบร้อยร่วมกัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขง ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาณาเขตเชื่อมโยงถึงกัน และเคยเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญด้วยการปล้นเรือสินค้าจีน 2 ลำ และฆ่าลูกเรือ 13 ศพ ซึ่งหลังการเข้าพบตำรวจเชียงราย นายหลีได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับคณะอัยการ จ.เชียงราย ซึ่งดูแลด้านการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ กรณีคดีทหารไทยจำนวน 9 นาย ถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นศพกรณีฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพ โดยได้รับทราบข้อมูลจากทางอัยการว่าขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการสูงสุด และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเป็นพนักงานสอบสวนขึ้นมาสรุปสำนวนคดี รวมทั้งผ่านพ้นขั้นตอนการไต่สวนชันสูตรพลิกศพที่ศาล จ.เชียงราย และศาลได้มีคำสั่งออกมาแล้ว ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นสรุปสำนวนคดีว่าจะฟ้องต่อหรือไม่ 

จากนั้นคณะนายหลีเดินทางไปยังชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้านอ.เชียงแสน เพื่อดูสภาพเรือสินค้าหยู ชิง ปา เห่า และเรือหัวปิง ซึ่งถูกปล้น โดยปัจจุบันจอดอยู่ที่ท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 ใกล้กับศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) 

นายหลีกล่าวว่า เนื่องจาก จ.เชียงราย ตั้งอยู่ใกล้กับประเทศจีนมากที่สุด ดังนั้นจึงได้เสนอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งที่จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และตชด.ของไทย กับเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา อย่างไรก็ตามข้อตกลงดังกล่าว เป็นเพียงร่างซึ่งจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยให้เรียบร้อย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยก็คงต้องนำเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาไปตามลำดับขั้น ดังนั้นทางจีนคาดหวังว่าหากทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทย เห็นชอบด้วย ก็จะมีการลงนามในข้อตกลงนี้ และคาดหวังว่าจะแล้วเสร็จหลังเทศกาลสงกรานต์หรือกลางเม.ย.ปีนี้ เพื่อที่ทางประเทศจีนจะได้ปล่อยเรือสินค้าให้กลับลงมาขนส่งสินค้าในแม่น้ำโขงได้ตามปกติ

นายหลีกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปล้นเรือจีนทั้ง 2 ลำ ตนได้นำกำลังออกติดตามจับกุมนายหน่อคำ โดยไปพักอยู่ในเขตสปป.ลาว ติดต่อกันหลายเดือน กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ ขณะหลบหนีอยู่ที่เมืองต้นผึ้ง ค่อนไปทางเมืองมอม แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันข้าม อ.เชียงแสน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่านายหน่อคำพร้อมพวกจะถูกประหารชีวิตไปแล้ว แต่พบว่ายังมีกลุ่มอื่นๆ ที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ โดยพบมีกลุ่มค้ายาเสพติดบางกลุ่มยังเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศพม่า ดังนั้น จึงต้องมีความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงคือไทย พม่า สปป.ลาว และจีน เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยร่วมกันต่อไป

ด้านนายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 กล่าวว่า แม้ว่าแม้นายหน่อคำจะถูกประหารชีวิตไปแล้ว แต่พบว่าลุ่มแม่น้ำโขงยังมีกลุ่มติดอาวุธกลุ่มใหม่ที่เข้ามาแทนที่ และมีพฤติกรรมเหมือนกัน คือเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากเรือสินค้าในแม่น้ำโขง โดยการข่าวพบว่ากลุ่มนี้นำโดยนายจะสีโป เป็นอาสาสมัครชาวเผ่ามูเซอ เคลื่อนไหวอยู่พื้นที่เดิมกับนายหน่อคำ แถวบ้านสามพู เมืองป๊อก ไปทางทิศเหนือประมาณ 7-8 กิโลเมตร มีกองกำลังประมาณ 40-50 คน เจ้าหน้าที่กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น