วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

ขบวนการสร้างภาพจนใหญ่โตเอิกเกริกทั้งรัฐบาลไทยและมาเลเซียจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก วันเสาร์ ที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2556, 02.00 น




วันเสาร์ ที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2556, 02.00 น.

ขบวนการสร้างภาพจนใหญ่โตเอิกเกริกทั้งรัฐบาลไทยและมาเลเซียจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกราวกับว่าไฟก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 10 ปี กำลังจะดับแล้วจากที่มีการลงนามในสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการระหว่างตัวแทนฝ่ายรัฐบาลไทยและแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต โดยมีรัฐบาลมาเลเซียเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวก ท่ามกลางข้อเคลือบแคลงมากมายจากหลายฝ่าย ซึ่งแม้แต่สื่อต่างประเทศต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นของจริงหรือของปลอม และไฟใต้ในไทยจะดับลงจริงหรือ
ข้อน่าสังเกตประการแรกก็คือการจัดฉากสร้างภาพแถลงข่าวการเจรจาระหว่างฝ่ายไทยกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นฯอย่างครึกโครมในโรงแรมหรูกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี นายนาจิบ ราซัค นายกฯมาเลเซีย กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ของไทยร่วมเป็นสักขีพยาน โดยตัวแทนฝ่ายไทยที่ลงนามร่วมกับแกนนำบีอาร์เอ็นฯเพื่อเริ่มกระบวนการสันติภาพก็คือ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ส่วนตัวแทนฝ่ายโจรใต้คือ นายฮัสซันตอยิบ รองเลขาธิการกลุ่มบีอาร์เอ็นฯ โดยการสร้างข่าวใหญ่ครั้งนี้มีขึ้นขณะที่ไทยกำลังจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. 3 มี.ค.นี้ ส่วนมาเลเซียกำลังจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนเม.ย.นี้ท่ามกลางเสถียรภาพที่สั่นคลอนของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายนาจิบ ดังนั้นทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายมาเลเซียต่างก็ต้องการสร้างบทบาทเรียกคะแนนนิยมในช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง
ข้อสังเกตประการที่สอง พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ส่งสัญญาณชัดเจนว่าการไปจับมือกับกลุ่มบีอาร์เอ็นฯครั้งนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับกองทัพ
ข้อสังเกตประการที่สาม นายกฯมาเลเซีย เปิดเผยว่าผู้อยู่เบื้องหลังการเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็นฯกลุ่มนี้ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล นั่นเท่ากับสะท้อนนัยทางการเมืองสองประการคือ
หนึ่ง เป็นการตอกย้ำความจริงที่ว่า ไทยปกครองด้วยระบบ 1 ประเทศ 2 นายกฯ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้นำตัวจริงที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นแค่นายกฯหุ่นเชิด สอง แกนนำบีอาร์เอ็นฯที่ร่วมลงนามในสัญญาสันติภาพครั้งนี้ส่อเค้าว่าจะเป็นพวก 18 มงกุฎที่มาร่วมแสดงปาหี่ลวงโลกสร้างภาพ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ เคยบินมาพบปะเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็นฯกลุ่มนี้ที่มาเลเซียมาแล้วโดยมีตัวแทนหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยร่วมหารือด้วย ซึ่งครั้งนั้นก็มีการปล่อยข่าวออกมาเพื่อสร้างภาพว่าไฟใต้กำลังจะดับลงแล้ว แต่หลังการพบปะระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับแกนนำบีอาร์เอ็นกลุ่มนี้ปรากฏว่า ไฟก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกลับยิ่งลุกโชนโหมกระพือรุนแรงมากขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นฯที่เจรจาด้วยเป็นของปลอมที่ไม่มีอำนาจบทบาทอย่างแท้จริงในการสั่งการให้กลุ่มโจรก่อการร้ายในชายแดนภาคใต้ของไทยที่มีอยู่หลายกลุ่มยุติปฏิบัติการก่อการร้ายได้อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้อดีตผู้บริหารหน่วยงานด้านความมั่นคงตลอดจนนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาไฟใต้หลายคน อาทิ นายภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งข้อสังเกตว่าการแถลงในสัญญาสันติภาพระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์กับแกนนำบีอาร์เอ็นฯครั้งนี้อาจเป็นแค่ปาหี่เพื่อสร้างภาพทางการเมือง และแกนนำบีอาร์เอ็นฯที่ร่วมลงนามน่าสงสัยว่าจะไม่ใช่ตัวจริง
ข้อสังเกตประการที่สี่ ในการแถลงข่าวตอบข้อซักถามสื่อมวลชนหลังการลงนามสัญญาสันติภาพระหว่างเลขาธิการสมช.กับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นฯ นายกฯยิ่งลักษณ์เองดูเหมือนจะยอมรับด้วยซ้ำว่า หนทางที่จะดับไฟใต้ยังอีกไกลเพราะเป็นแค่การเริ่มต้นพูดคุยไม่ใช่การเจรจาและยังไม่กล้ารับรองว่าหลังจากการลงนามสัญญาสันติภาพครั้งนี้แล้วจะดับไฟใต้ได้อย่างแท้จริง
ล่าสุดโจรใต้ลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์กลางเมืองนราธิวาสทำให้ทหารและประชาชนบาดเจ็บหลายคนคล้อยหลังไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังการลงนามจับมือกันระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นฯ ซึ่งถือเป็นการตบหน้าและน่าจะเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่าสัญญาสันติภาพระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์กับโจรใต้เป็นของจริงหรือแค่ขบวนการปาหี่สร้างภาพลวงโลก
ทีมข่าวการเมือง
- See more at: http://www.naewna.com/creative/43392#sthash.RwuFiE9h.dpuf

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น