วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"อุกฤษ"ลุยพรบ.นิรโทษ ล็อควันคลอด 19 เมษา 56 ข่าวเมื่อ 6 ก.พ.56



"อุกฤษ"ลุยพรบ.นิรโทษ ล็อควันคลอด19เมษา



          เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่อาคารนาวินคอร์ท ถนนสุขุมวิท นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ(คอ.นธ.) แถลงเดินหน้าที่จะยื่นร่างพรบ.นิรโทษกรรมแก่ประชาชนที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยอันเนื่องมาจากการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมาต่อรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากหลังจากคอ.นธ.เสนอความเห็นไปได้รับการสนับสนุบจากหลายฝ่าย
          อ้างเสนอเป็นพรบ.เป็นหลักสากล
          “แนวทางการตราพรบ.นิรกรรมของคอ.นธ.นั้น ถือว่าเป็นหลักสากลที่สุดเพราะหลักของการตรากฏหมายทั่วไป และมีผลต่อความสงบ เรียบร้อยของบ้านเมืองจึงควรได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบจากสมาชิกรัฐสภา อีกทั้งยังเป็นการลดความหวาดระแวง และความสงสัยแก่สังคมว่าการตรากฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้ จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองได้อีกด้วย”นายอุกฤษ กล่าว
          ฟันธงข้อเสนอนิติราษฎร์เกิดยาก
          และว่าส่วนการเสนอให้ออกเป็นพรก.นิรโทษกรรมและคณะกรรมการขจัดความขัดแย้งตามแนวทางของกลุ่มนิติราษฎร์นั้น ตนคิดว่าจะสำเร็จได้ยากมาก เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมเป็นเรื่องใหญ่มาก แนวทางการตราพ.ร.ก.นิรโทษกรรม ถือเป็นการหักดิบและปิดหูปิดตาสมาชิกรัฐสภาโดยฝ่ายบริหารเกินไป ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะนำไปสู่ทางตันและเป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคมไทยอย่างไม่จบสิ้น
          เตรียมจี้นายกฯออกพรบ.นิรโทษ
          “เพื่อหาทางออกต่อเรื่องนี้จึงควรริเริ่มเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภา หรือให้มาจาก ส.ส.หรือ ครม.ซึ่งผมจะใช้ช่องทางเสนอผ่าน ครม.โดยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งครม.มีคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความกฎหมายฉบับนี้ ก็จะทำให้กระบวนการเดินไปได้เร็วยิ่งขึ้นและไม่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องตีความเหมือนการออกเป็น พ.ร.ก.”ประธานคอ.นธ. กล่าว
          ให้แกนนำลงชื่อไม่รับอานิสงฆ์
          นอกจากนี้นายอุกฤษ ยังระบุว่า ในการพิจารณาพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของเนื้อหาหรือขอบเขตของการนิรโทษกรรมว่าจะครอบคลุมถึงบุคคลใดบ้าง ซึ่งเนื้อหาของร่างพรบ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ ไม่รวมถึงบรรดาแกนนำผู้ ซึ่งมีอำนาจการตัดสินใจหรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองและไม่รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจตามกฎหมายรักษาความสงบ หรือยุติเหตุการณ์ที่จะนิรโทษกรรมนั้นแล้ว
          ทั้งนี้ เพื่อลดความหวาดระแวงเอื้อประโยชน์นักการเมือง จึงเห็นว่านักการเมืองหรือบรรดาแกนนำไม่ว่าฝ่ายใดควรแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการปฏิญาณตนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและให้คำมั่นสัญญาแก่ประชาชนว่าจะสละสิทธิ์ที่จะได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมและไม่ประสงค์ที่จะรับการนิรโทษกรรมในครั้งนี้ และยินยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติโดยการลงชื่อในหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ขอรับการนิรโทษกรรมให้ปรากฏต่อสาธารณชนทั่วไป
          กางปฎิทินประกาศใช้ภาย19เม.ย.
          “เชื่อว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะสามารถดำเนินการได้โดยเร็ว เมื่อทุกฝ่ายเห็นด้วย หรือยอมรับเนื้อหาหรือขอบเขตดังกล่าวแล้ว การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวในวาระที่2ของทั้งส.ส.และส.ว.อาจกระทำโดยกรรมาธิการเต็มสภา หรือให้มีการพิจารณา3วาระรวดโดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ30-45วันซึ่งจะเสร็จและประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ภายในสมัยประชุมสภานิติบัญญัติที่จะสิ้นสุดในวันที่19เม.ย.นี้”
          ครม.ไม่ได้ถกพรบ.นิรโทษฉบับอุกฤษ
          ด้านนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการกล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการหยิบยก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายอุกฤษ มาหารือในที่ประชุมแต่อย่างใด คาดว่า เมื่อนายกฯรับข้อเสนอของนายอุกฤษแล้วก็ต้องนำส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาไปศึกษาต่อไป
          เหวงหนุนให้แกนนำลงชื่อไม่รับนิรโทษ
          นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวเห็นด้วย ที่นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคอ.นธ. เสนอให้แกนนำมวลชน ควรลงนามแนบท้าย ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ขอรับการนิรโทษกรรม ซึ่งตนเห็นด้วยยินดีว่าประชาชนที่มาชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองนับตั้งแต่เหตุการณ์หลังรัฐประหารจนถึงช่วงปี 2554และที่ถูกคุมขังได้รับโทษ สมควรได้รับการปล่อยตัวไปและให้ลงโทษเฉพาะแกนนำเท่านั้นอย่างไรก็ตามตนยังเห็นว่าควรเสนอออกเป็นพรก.เพราะสามารถทำได้ทันที
          ปชป.ออกโรงค้านข้อเสนออุกฤษ
          ส่วนนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายอุกฤษเพราะเนื้อหาพรบ.นิรโทษกรรม ยังไม่ชัดเจนต้องบอกว่าจะนิรโทษกรรมให้ใครบ้าง ให้พวกคอรัปชั่น พวกปั่นบ้านป่วนเมืองด้วยหรือเปล่า ทั้งที่เคยอยู่ในสภาแต่กลับคิดแบบ ฝันเฟื่อง คิดแบบลวกๆง่ายๆโดยไม่เข้าใจว่ากระบวนการปรองดองที่แท้จริง
          เย้ยมีปัญญาบังคับแม้วลงชื่อรึเปล่า
          “ข้อเสนอให้แกนนำมาลงนามร่วมเพื่อจะไม่รับผลพวงการนิรโทษกรรมนั้น ก็ขอถามว่าใครจะมาลงนาม แล้วนายอุกฤษมีปัญญาหรือไปมีอำนาจเหนือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาเซ็นต์ลงนามไม่ยอมรับผลพวงนิรโทษกรรมหรือ แต่การที่นายอุกฤษเสนอวิธีการนี้มา2-3ครั้งแล้วรัฐบาลก็ยังไม่เอาไปใช้ แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณรู้ทันเลยชิ่ง เขาเลยไม่กล้า จึงขอแนะนำให้ นายอุกฤษ ควรกลับบ้านไปเลี้ยงหลานจะดีกว่า
          “ปู”รับได้ชื่อรมต.ชทพ.ปัดข่าวเด้ง‘โต้ง’
          สำหรับความคืบหน้าของการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ล่าสุดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้ส่งรายชื่อปรับครม.ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว ในส่วนพรรคเพื่อไทยจะยังไม่ปรับครม.ขอปรับของพรรคร่วมรัฐบาลก่อน พร้อมปฏิเสธข่าวการปรับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง โดยยืนยันว่านายกิตติรัตน์ยังอยู่ที่เดิม
          ส่งอดีตผู้ว่าสุพรรณฯนั่งแทน'ชุมพล'
          แหล่งข่าวจากพรรคชาติไทยพัฒนาแจ้งว่า นายบรรหารได้ส่งชื่อของนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ อดีตผู้ว่าฯสุพรรณบุรี เป็นรมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแทนนายชุมพล ศิปลอาชา ที่เสียชีวิต เนื่องจากเคยทำงานใกล้ชิดจนได้รับความไว้วางใจจากนายบรรหารเป็นอย่างดี ส่วนรองนายกรัฐมนตรี มอบให้ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ควบอีกตำแหน่ง
          ด้านนายสมศักย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม ก็เป็นข้าราชการมาตลอดชีวิต แม้เกษียณอายุราชการแล้วแต่ก็ยังทำงานกับนายบรรหาร อยู่ทุกวัน ส่วนตัวพร้อมรับตำแหน่งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่จะพิจารณาตามความเหมาะสม
          “ประเวศ”ยุติบทบาทสมัชชาฯ
          วันเดียวกันที่สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย จัดสัมมนาระดมความคิดเห็น “บทบาทสื่อมวลชนต่อการปฏิรูปประเทศไทย” (ระยะที่ 2 ) ที่โรงแรมเดอะสุโกศล (สยามซิตี้) โดยมีตัวแทนองค์กรวิชาชีพจากหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ เคเบิ้ลทีวี และสื่ออินเทอร์เนต เข้าร่วม เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้จากการสัมมนาครั้งนี้ นำเสนอต่อคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) ซึ่งจะหมดวาระการทำงานในวันที่ 30 มิถุนายน 2556
          ในโอกาสนี้ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธาน คสป. ได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อว่า คสป.เกิดขึ้นโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี มีอายุ 3 ปี และจะหมดอายุการทำงานในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ คสป.ก็ จะยุติบทบาท แต่ที่อยากฝากไว้คือ สื่อมวลชนไม่จำเป็นต้องติดใจกับชื่อเดิมเพราะมีศัตรู เนื่องจากมีคนที่ไม่ชอบรัฐบาลที่แล้ว ทำให้ไม่ชอบชื่อนี้ แต่เขาไม่ควรจะเป็นศัตรูกับการสร้างความเป็นธรรม กับลดความเหลื่อมล้ำ จึงอยากให้สื่อมวลชนจับเรื่องสังคมที่ขาดความเป็นธรรม และไม่มีความเหลื่อมล้ำ ให้ถือหลักสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เพราะการจะเขยื้อนเรื่องที่ยากๆ ต้องเชื่อมโยง3 เรื่อง คือ ความรู้ สังคม และการเมืองจึงจะทำได้สำเร็จ
          เตรียมเดินสายปลูกฝังนศ.ช่วยปฏิรูป
          ขณะที่นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานคณะกรรมการสื่อสารเพื่อการปฏิรูป กล่าวกำลังคิดกันว่า จะเดินสายไปคุยกับมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด เพื่อจัดอบรมให้นักศึกษาตระหนักในเรื่องจริยธรรม ซึ่งเป็นงานที่กำลังจะทำ และเป็นงานใหญ่ โดยจะร่วมมือกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สถาบันพัฒนาการเมือง และศูนย์คุณธรรม
          “หมอสมศักดิ์”ยันเดินหน้าต่อ
          ด้าน นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ คณะทำงานวิชาการ คสป.กล่าว ถึงการทำงานที่ผ่านมาว่า การทำงานส่วนของวิชาการ เราทำงานโดยมีความเชื่อว่า ถ้าเรามีข้อมูล มีความรู้ที่ดีแล้วสื่อในสังคม จะทำให้เกิดความสมดุล เกิดความรู้ และความเข้าใจในหลากมุมมอง เราหวังให้ข้อมูลที่สร้างมาเกิดการเสริมพลังกัน โดยไม่หวังหรือรอเพียงกลไกสมัชชาปฏิรูปเท่านั้น เพราะฉะนั้นมติของสมัชชาฯ ทุกครั้งที่ผ่านมา เราพยายามหาข้อมูล และความรู้ที่หาได้จำนวนหนึ่ง เพื่อที่สื่อได้สามารถนำไปหยิบใช้ได้ และแม้คณะทำงานวิชาการ คสป.จะหมดวาระ ก็ยังคงที่จะหาทางทำบทบาทนี้ต่อไป
          ที่มา: http://www.naewna.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น