วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"เฉลิม" ต้อง "โรดโชว์" พื้นที่ใต้ เปลว สีเงิน 8 February 2556


"เฉลิม" ต้อง "โรดโชว์" พื้นที่ใต้


ปัญหา ๓ จังหวัดใต้ ร.ต.อ.พูดผ่านนักข่าวไปถึง พล.อ.อ.ว่า "ถ้าเก่งจริงก็ไปขอนายกฯ มาทำหน้าที่แทนผม" ร.ต.อ.คือ "เฉลิม อยู่บำรุง" รองนายกฯ ผู้ถูกยิ่งลักษณ์เลือกให้เป็นผู้บัญชาการทัพปราบโจรใต้ ส่วน พล.อ.อ.คือ "สุกำพล สุวรรณทัต" รมว.กห.ผู้ที่นายกฯ ไม่เลือก 
    รองฯ เฉลิมเสนอเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ แต่ รมว.กห.เบรกนิ่มๆ ว่า "ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ต้องฟังมติที่ประชุม" แล้วสิ่งที่ตามมาจากนั้น ก็คือประโยคว่า "เก่งจริงก็ไปขอนายกฯ มาทำหน้าที่แทนผม"!
    ก็คงจบกันแค่นั้น พลอากาศเอกคงไม่กล้าต่อปาก-ต่อคำกับร้อยตำรวจเอกที่ชื่อเฉลิมหรอก ดังนั้น ก็ต้องรอดูที่ประชุม ศปก.กปต. ในวันที่ ๑๕ ก.พ.นี้ก่อนว่า ตกลงแล้ว จะเอากันแบบไหน-อย่างไร?
     จะเอาตามแนวคิดรองฯ เฉลิม หรือตามที่สุกำพลบอก "แล้วแต่มติที่ประชุม" ก็รอดูกัน ทนมาได้ตั้งหลายสิบปี ทนรออีกซักอาทิตย์ มันจะซักกี่ศพกัน...เนอะ
    ความจริง ผมไม่เห็นเป็นสาระอะไร ก็คิด-ก็ทำ-ก็พูด วนอยู่ในรอยตีนเดิมๆ นั่นแหละ ใช้ พ.ร.บ.มั่งคงบ้าง พ.ร.บ.ฉุกเฉินบ้าง เคอร์ฟิวบ้าง ซึ่งเหล่านี้มันเป็น "ชุดปฏิบัติการครอบจักรวาล" เหมือนยาปฏิชีวนะ เป็นฝีก็ชุดนี้ เป็นหนองก็ชุดนี้ อักเสบปัสสาวะขัดก็ชุดนี้
    กินปุ๊บหนองหยุดไหลก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าหาย หนองมันหลบใน รักษายากกว่าเก่าขึ้นไปอีก!
    ประเทศไทยเป็นของทุกคนที่เป็นคนไทย ดังนั้น อะไรที่เห็นว่า ช่วยกันบอก ช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอแนะ เพื่อประโยชน์สุขร่วมกันได้ ก็อย่ารังเกียจเดียดฉันท์ หรือเกี่ยงงอนที่จะช่วยกันเพื่อบ้านเมืองอันเป็นส่วนรวมเลย
    ผมก็อยากเสนอความคิดกับรองฯ เหลิมและกับทุกคนที่เป็น "คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้" (ศปก.กปต.) ว่า ก่อนจะประชุมกลั่นหยดสมองออกมาเป็นมติ-เป็นมาตรการเพื่อปฏิบัติแก้ไขสถานการณ์ใต้นั้น
    ท่านรองฯ เหลิม ในฐานะ ผอ.ศปก.กปต. ยกคณะกรรมการทั้งชุดลงไปสังเกตการณ์ใน "พื้นที่จริง" อย่างน้อย ซัก ๓ วัน ๕ วัน ก่อนดีไหม ตระเวนไปให้ทั่วพื้นที่เป้าหมาย ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี กลางวัน ๑ รอบ กลางคืน ๑ รอบ สามจังหวัดนี้พื้นที่ติดกัน ไม่ไกลหรอก
    ไปเก็บข้อมูล ไปสดับตรับฟังความคิดเห็นชาวบ้าน พ่อค้า นักธุรกิจ ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ไปดูพื้นที่จริง-บรรยากาศจริง ให้เห็นจะจะด้วยตา ให้ซึมซับเป็นความเข้าใจต่อปัญหาในพื้นที่ด้วย "จิตรตระหนักรู้"
    จากนั้น ด้วยความเข้าใจที่เสมอกันบนข้อมูลประจักษ์ จะได้กลั่นมาตรการเป็นแนวปฏิบัติ เหมือนการประกอบยาที่ตรงสมุฏฐานโรคด้วยการเพาะเชื้อ
    ท่านรองฯ เหลิมเห็นคุยประจำว่าเป็นนายตำรวจกองปราบเก่า ชำนิชำนาญด้านการสอบสวน-สืบสวนทำสำนวนคดี ซึ่งก็จริง เพราะผมเคยเห็นท่านมาตลอดตั้งสามยอดจนเหลือยอดเดียว คือ "ยอดทักษิณ" ก็แล้วทำไมท่านจึงไม่นำขั้นตอนพื้นฐานการทำคดีมาประยุกต์ใช้เพื่อการหาแนวทางแก้ปัญหาใต้ล่ะ?
    จะเอาแต่ประชุมห้องแอร์ วิเคราะห์สถานการณ์และเรื่องราวจากเอกสารนำเสนอ แล้วก็สรุปสำนวนสั่งฟ้อง-ไม่สั่งฟ้องเหมือนคดีล่าสัตว์ที่อุทยานฯ แก่งกระจาน อย่างนั้นน่ะ...ทำได้
    แต่มัน...ใช้ไม่ได้!
    การทำคดี ต้องลงไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ้าไม่ไปตรวจ ทำสำนวนอยู่แต่ที่โรงพัก ผู้กล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหาให้การแบบไหน-อย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น สรุปเป็นสำนวนส่งอัยการ ส่งศาลไปดิบๆ อย่างนั้น  
    ฉิบหายหมดซิครับ...ท่าน ทั้งระบบ ทั้งกระบวนการ สุดท้ายก็......ทั้งประเทศ!
    จะเคอร์ฟิว หรือไม่เคอร์ฟิว โนพร็อบเบล็ม ไม่จำเป็นยกมาสรุปก่อนศึกษาปัญหาด้วยการลงไปสัมผัส "พื้นที่จริง-สถานการณ์จริง" ให้เห็นกับตา ได้ยินกับหู และให้ซึมเข้าจิตเป็นความแจ่มแจ้งก่อน
    ปัญหาใต้ มันมีอะไรมากกว่าจะสรุปสาเหตุได้จาก ศพชาวบ้าน-ศพทหาร-ตำรวจ ศพครู-ศพนักเรียน ที่เห็นจากจอสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า "ข่าวโทรทัศน์"
    โจรก่อการร้ายน่ะ...มันมี แต่ใช่โจรตลอดกาลหรือไม่ ต้องลงไปดู เพราะ ๓ จังหวัดใต้นั้น เขาว่ามีประเภท "โจร ๓ นาที" ส่วนอีก ๒๓ ชั่วโมง ๕๗ นาที เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ จริงหรือไม่จริง ท่านต้องทำหน้าที่พิธีกรรายการท้าพิสูจน์ หรือรายการตามไปดู ไปให้เห็นกันกะหู-กะตา
    และที่ว่าโจรก่อการร้ายน่ะ มันเป็นภาพพรางตาของขบวนการค้ายาเสพติดที่ใช้พื้นที่ ๓ จังหวัดใต้เป็น "ศูนย์ส่งออกและศูนย์กระจายสินค้ายาเสพติด" สู่นอกประเทศและในประเทศ โดยมีพี่ๆ น้องๆ ใน-นอกเครื่องแบบเป็นพี่ใหญ่ ใช่หรือไม่ใช่
    นั่นก็ต้องลงไปดู!
    ในพื้นที่ ๓ จังหวัดใต้ วัยรุ่น แค่ ๘-๙ ขวบขึ้นไป ก็ติดยา เกาะกลุ่มหลบสุมทุมพุ่มไม้ พอได้ที่ ทั้งกลางวัน-กลางคืนก็พากันเดินตาขวางไปทั่ว จริงอย่างนั้นหรือไม่
    คณะกรรมการฯ ต้องลงไปดู!
    แต่ละกลุ่ม แต่ละสังคมพื้นที่ ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แต่นานมาแล้ว เขามีกองกำลังกรายๆ คอยสังเกตการณ์ และคุ้มกันชุมชนของเขา มีใครแปลกหน้า-แปลกถิ่นที่เรียกว่าแปลกปลอมเข้าไป ว่าไปดีหรือไปร้าย ทั้งฝ่ายเรา-ฝ่ายเขา ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ มันเป็นแดนสุญญากาศอำนาจปกครองและบริหารของประเทศไทย
    เจ้าหน้าที่ก็เถอะ มีหน้าไหนกล้ากรายเข้าไปล่ะ!?
    ๓ จังหวัดใต้ ภาพโจรเหมือนฉากโรงยี่เก แต่หลังฉากคือ "หลุมดำ" ดีๆ นี่เอง อยู่ภายนอกไม่สามารถมองเห็นใจกลางหลุมดำนั้นได้ว่ามันดูดอะไรเข้าไปไว้บ้าง 
    ผมไม่โทษตำรวจ-ทหาร และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งเป็นระดับปฏิบัติตามนโยบาย ผมเชื่อในศักยภาพตำรวจ-ทหาร ดูอย่างม็อบเสธ.อ้ายซี เมื่อระดับบริหารเอาจริง ฝ่ายกำลังคือตำรวจอันเป็นผู้ปฏิบัติ ก็อัดชาวบ้านมือเปล่าซะมันมือ-มันตีน
    เหมือนไล่เตะหมากลางถนน!
    สรุปก็คือ ปัญหา ๓ จังหวัดใต้ ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง มันมีอะไรมากกว่า "นั่งห้องแอร์แล้วมองเห็น" ฉะนั้น ผมจึงอยากให้ผู้บัญชาการปราบโจรใต้ ยกคณะลงไปสำรวจพื้นที่จริงซักครั้ง เอานายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปด้วย เอาแต่แต่งตัวสวยให้ท่าแขกบ้าน-แขกเมืองถ่ายรูปประจานตัวเอง อย่างนั้นมันแก้ปัญหาใต้ไม่ได้หรอก
    ทุกวันนี้ ๓ จังหวัดใต้ เราเล่นในสนามที่โจรหลุมดำผสมโจรก่อการร้ายเป็นผู้กำหนดเกมและกติกา ดังนั้น จึงเห็นว่าแต่ละมาตรการ แต่ละนโยบายที่รัฐบาลกำหนดให้ทหารนำไปปฏิบัติ มันเป็นมาตรการและนโยบายใต้กรอบโจรจำกัด 
    คือโจรจำกัดทั้งพื้นที่ ทั้งเป้าหมาย ทั้งสถานที่ และทั้งเวลา ให้ตำรวจ-ทหารเป็นฝ่ายต้องเล่นในเกม-ในกติกาของเขาทั้งสิ้น
    อย่างนี้ มีอีกกี่ชาติ ก็แพ้ทุกชาติ!
    แนวคิดเคอร์ฟิว นั่นคือบทพิสูจน์ว่าเราตกอยู่ในเกมที่โจรขีดกรอบ เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเอง ก็อย่างที่เคยคุยกันไป กลางวัน ราชการไทยคุมพื้นที่ แต่ตกกลางคืน ราชการโจรคุมพื้นที่ โจรจึงทำอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการทำ โดยไม่มีใครไปขวางมือ-ขวางตีน 
    ขุดถนนฝังระเบิด ลากสายชนวน ขัดห้างในป่าข้างทาง นอนรอเวลากดบึ้ม สบายแบบเบิร์ดๆ!
    ทุกวันนี้ ตามพื้นที่ต่างอำเภอ กระทั่งบางพื้นที่ในเขตเมือง ชาวบ้านต้องแย่งตะวันชิงพลบ มี-ไม่มีเคอร์ฟิว เขาก็ไม่กล้าออกไปไหน รวมถึงตำรวจ-ทหาร ก็ไม่มีออกตรวจตรา-ลาดตระเวนด้วยเช่นกัน
    เพราะ...กลางคืนเป็นของโจรไง!
    ดังนั้น เคอร์ฟิวก็เท่านั้น อาจดีขึ้นหน่อย เป็นการอำนวยความสะดวกให้โจรออกทำงานเกิดผลตอนกลางวันได้เนื้องานมากขึ้น เพราะไม่ต้องพะวงว่าจะมีรถราชาวบ้านวิ่งมากลางดึกให้เป็นที่รำคาญ 
    และที่เข้าใจว่าเคอร์ฟิวแล้วจะมีหน่วยทหาร-หน่วยตำรวจออกตรวจตราตลอดคืน-ตลอดเส้นทาง เจอใครแสดงว่าเป็นคนร้าย "จัดการได้เลย" นั้น
    นั่นมันฝันติดแอร์!
    ก็จะให้ตำรวจ-ทหารเขาตระเวนกลางคืนได้ไงล่ะ ขนาดกลางวันแท้ๆ มีกองกำลังคุ้มกันเพียบด้วยซ้ำ เคยมี ฯพณฯ ท่านหัวไหน กล้านั่งรถสำรวจตามสายปัตตานี-ยะลา-นราธิวาสทั่วบ้าง เห็นขึ้น ฮ.-ลง ฮ. มุดงุดๆ เข้าค่ายตะพึด
    เพราะเหตุนี้ รัฐบาลนี้ดุๆ เก่งๆ กันทั้งนั้น ผมจึงเสนอให้รองฯ เหลิมยกคณะกรรมการ ศปก.กปต.ไปโรดโชว์ทั้งรอบกลางวันและรอบกลางคืนให้ทั่ว ๓ จังหวัดใต้ก่อน จากนั้นค่อยนำข้อมูลที่ลงตรวจพื้นที่จริงไปเพาะเชื้อ 
    ปรุงเป็นสูตรใช้ปราบ!
    และรัฐบาล ในความเป็นฝ่ายบริหาร ต้องเข้าใจด้วยว่า เมื่อออกมาตรการให้ "แนวหน้า" ใช้ตรึงพื้นที่เป้าหมายแล้ว มีอะไรที่เรียกว่า "พัฒนา" เป็นแผน ๒ ประกบตามหลังทันที-ทันใดบ้างล่ะ ยึดแล้วจะได้แปลงพื้นที่นั้นจากสนามก่อการร้ายให้เป็นสนามก่อการดี ชาวบ้านจะได้มีจิตใจเจิดจ้าสู่ "อนาคตใหม่" โดยไม่ "จมคิด" ติดอยู่ก้นหลุมดำ?
    ปัญหา ๓ จังหวัดใต้ "ต้องปราบ"
    ไม่ใช่ปราบชาวบ้าน หากแต่ปราบขบวนการลูบหน้า-ปะจมูก "ใช้โจรบังหน้า" แล้วค้ายา-ค้าของเถื่อนบังหลังนั่นก่อนอันดับแรก.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น