วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปข่าวที่น่าสนใจจาก นสพ.เมื่อ 8 ก.พ.56




สรุปข่าวที่น่าสนใจ
“อธิบดีอาญา” โต้ม็อบกดดันศาลเท่ากับกดดันประเทศ
นายทวี  ประจวบลาภ   อธิบดีศาลอาญา  กล่าวว่า ที่ผ่านมามีมีกลุ่มมวลชนมาแสดงออกแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับศาลอาญาที่หน้าศาล ไม่ว่าจะมีผู้สนับสนุนหรือถือหางหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์หรือตรงๆก็ตาม ตนไม่ต้องการให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ แม้ผู้พิพากษาหลายคนต้องการให้ตนใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด แต่ก็พยายามใช้กฎหมายรุนแรงกลับไป  จะเข้าทางกับพวกที่ต้องการเอาสถานการณ์เป็นที่แสวงประโยชน์ การแสดงออกด้วยการวิจารณ์การทำงานของตนเป็นเรื่องแสดงความเห็นแตกต่าง แต่ตนทนไม่ได้ถ้าเป็นการแสดงความเห็นโดยปราศจากข้อเท็จจริง บางทีการชักนำสื่อจากต่างประเทศ องค์กรต่างประเทศ เข้ามากดดันศาล  ตนทนไม่ได้ ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่า  อธิบดีศาลอาญาควบคุมคำพิพากษาได้หรือไม่นั้น  ขอชี้แจงว่า  ผู้พิพากษาศาลอาญาทั้ง 91 คน มีอิสระในการไม่ถูกแทรกแซง แต่หากมีการร่างคำพิพากษาออกมามีอะไรที่ส่งผลกระทบไปในทางลบ ศาลจะช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้น ผู้พิพากษาเป็นมนุษย์ปุถุชน อาจมีรักชอบโกรธหลงกลุ่มใดสีใดก็อาจเป็นไปได้ แต่ผู้พิพากษาทั่วประเทศมีความเหมือนกันอยู่อย่าง คือ มาจากเบ้าหลอมเดียวกัน ร้อยปีเป็น  อย่างไรนั้น แม้บางคนออกนอกลู่นอกทางบ้าง แต่ต้องอยู่ในกติกา ส่วนคำพิพากษาก่อนจะออกไปต้องมีการตรวจสอบภายใน คดีที่มีอัตราโทษสูง คดีเกี่ยวกับความมั่นคงความสงบ คดีการเมืองหรือบุคคลสำคัญ ต้องมีอธิบดีหรือรองอธิบดี หรือผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ คอยให้คำแนะนำตรวจสอบ เพื่อหาทางยุติที่ถูกต้องก่อนอ่าน เราทำแบบนี้สืบทอดมาหลายรุ่น อีกทั้งมีการอุทธรณ์ฎีกา คำพิพากษาได้อีก
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  08/02/2013
ลวงขายเฟอร์บี้ 30 ล.
ผู้สื่อข่าวรายงาน  เมื่อวันที่  7  ก.พ. ที่กองปราบปราม นายมนัสวิน  มลิวงศ์  อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย  44 ราย เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ปรีชา  ศรีอุดม  พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. กรณีถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อสั่งซื้อตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby  แต่ไม่ได้รับสินค้า มูลค่าเสียหายรวมทั้งหมดประมาณ 4 ล้านบาท
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  08/02/2013
รถติดแก๊สบึม!สาหัส 2 อู่ตึกแถวพังเละ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  7 ก.พ. ร.ต.ท.เอกพจน์  บุญล้อม พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ศูนย์ติดตั้งแก๊สรถยนต์ บจก.พีอาร์  ซุปเปอร์แก๊ส ปากซ.บรมราชชนนี28  แขวงและเขตตลิ่งชัน  จึงไปตรวจสอบพร้อมผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง  4  ชั้นครึ่ง  ปลูกติดกัน 3 คูหา ชั้นล่างเปิดบริการเป็นศูนย์ติดตั้งและซ่อมแซมอุปกรณ์แก๊สแอลพีจีสำหรับรถยนต์ พบไฟกำลังลุกไหม้รถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ รุ่น C220 สีบรอนซ์เงิน  จอดรอซ่อมอยู่หน้าอาคาร ก่อนลุกลามติดรถลูกค้าที่จอดใกล้ๆเสียหายไปอีก 3 คัน นอกจากนี้ เพลิงยังลุกลามไปทั่วพื้นที่ปฏิบัติงานบริเวณชั้นล่างจนเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ช่วยกันฉีดน้ำสกัด ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพลิงจึงสงบ
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  08/02/2013
เซ็น 396 สภ.โบ้ยตร.ชง “สุเทพ” แจงธาริตไม่กลัว – โดนฟ้องแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมเรียกเข้าชี้แจง ในคดีฮั้วการประมูลโครงการก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศ และอาคารที่พัก ว่า ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าทุจริตออกคำสั่งให้มีการประมูลจัดจ้างในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว และกีดกันเอกชนรายอื่น อาจเข้าข่ายความผิดฮั้วประมูล เป็นข้อกล่าวหาที่นักการเมืองพรรคเพื่อไทย รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาใส่ร้ายป้ายสี และในเช้าวันเดียวกันนี้ (7 กุมภาพันธ์) ได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นฟ้องนายธาริตต่อศาลอาญา ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อเป็นการปกป้องศักดิ์ศรี มีกระบวนการแบ่งหน้าที่กันทำทั้งนักการเมือง และข้าราชการประจำ ร่วมกันทำลายภาพลักษณ์ของตน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.   สาเหตุที่ออกมาชี้แจงล่าช้า เพราะอยู่ในช่วงการรวบรวมเอกสารหลักฐาน และหลังจากรวบรวมข้อมูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพแถลงข่าวใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง ระหว่างแถลงข่าวนาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย มายืนรอแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวต่อจากนายสุเทพ ร่วมฟังพร้อมทั้งจดประเด็นการแถลงข่าวของนายสุเทพด้วย
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทว่า คงต้องรอดูรายละเอียดในคำฟ้องอีกครั้ง แต่เข้าใจได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะกลายเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดร้ายแรงเช่นนี้ จะไม่พอใจการทำงานของดีเอสไอ โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองกลุ่มที่มีอำนาจในประเทศ มองข้าราชการประจำเป็นลูกไล่ และรู้สึกว่าจะต้องไม่อาจเอื้อมมากระทบกับพวกนักการเมือง การปฏิบัติต่อข้าราชการประจำ ในฐานะลูกไล่เช่นนี้เป็นมาโดยตลอด แต่ก็ดีใจที่นายสุเทพไม่ได้ฟ้องพนักงานสอบสวนคนอื่นด้วย เพราะจะทำให้พวกเขาเสียกำลังใจ และหวาดกลัวกับฝ่ายการเมือง ขอยืนยันว่าสิ่งที่ดำเนินการไปเป็นตามพยานหลักฐาน ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยเฉพาะเป็นพยานเอกสารทั้งสิ้น นายสุเทพจะอ้างว่าเป็นเพียงผู้อนุมัติ ต้องเชื่อตามผู้เสนอได้อย่างไร กฎหมายต้องการให้ฝ่ายการเมืองที่มีหน้าที่อนุมัติ ต้องรอบคอบและทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองโดยเฉพาะที่เป็นงบประมาณจากภาษีประชาชน ไม่ใช่เป็นผู้สร้างปัญหาเสียเอง  การฟ้องร้องครั้งนี้ หนึ่งในจุดมุ่งหมาย น่าจะเพื่อต้องการสกัดกั้นการดำเนินคดีของดีเอสไอด้วยส่วนหนึ่ง แต่ขอยืนยันว่าจะไม่ได้เป็นผลเช่นนั้น เพราะสิ่งที่ปฏิบัติเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ถ้าหน่วยบังคับใช้กฎหมายไม่ทำหน้าที่ กลัวฝ่ายการเมืองก็จะต้องสร้างความยุ่งยากให้กับบ้านเมืองเป็นการใหญ่
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน วันที่  08/02/2013
มติ 3 องค์กรครูมัธยมแยกพ้นสพฐ.
นายวัชรินทร์  ศรีบุรินทร์  นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) กล่าวว่า มติที่ประชุมร่วมเสนอแนวทางเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพการจัดการศึกษาของประเทศ ดังนี้  จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการมัธยมศึกษา ในกระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มเป็นส่วนราชการ แยกออกมาต่างหาก  เช่นเดียวกับ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) มีฐานะเป็นนิติบุคคล  ส่วนการจัดการประถมศึกษาคงอยู่ใน สพฐ. และจัดตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาให้ครบทุกจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่พิเศษมี 2 เขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งสิ้น 78 เขต นี่คือข้อเสนอกึ่งร้องขอต่อผู้มีอำนาจ  หรือกระทรวงศึกษาธิการ  ถ้าเห็นพ้องหรือยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ ทั้ง 3 องค์กรก็จะมีข้อมูลนำเสนอเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไปตามลำดับ
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า  จะรับข้อเสนอของ ส.บ.ม.ท.ไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) โดยเร็วที่สุด  ตอนนี้ยังให้ความเห็นไม่ได้ว่มีความเป็นไปได้แค่ไหนกับข้อเสนอดังกล่าว เพราะเรื่องนี้ต้องหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อยุติที่ดีที่สุด
ด้านนายชินภัทร  ภูมิรัตน  เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)  กล่าวว่า ไม่รู้องค์กรครูออกมาเคลื่อนไหวทำไม  ทั้งที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ บอกแล้วว่าจะไม่ปรับโครงสร้างใหญ่น่าจะเอาเวลาไปมุ่งมั่นในการทำงานมากกว่า
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน วันที่  08/02/2013 
ย้ำ “พงศพัศ” ยังนำอีก 2 โพลคะแนนทิ้งทั้ง 3 โซน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 7 ก.พ. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความเห็นของคนกรุงเทพฯที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จำนวน 3,410 คน กระจายทั้ง 50 เขต วันที่ 2-6 ก.พ. กรณีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในสายตาคนกรุงเทพฯ(ครั้งที่2) พบว่าร้อยละ 42.59 ระบุจะเลือกพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ร้อยละ 34.31 เลือกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะที่ร้อยละ 15.04 ยังไม่ตัดสินใจ
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ  กล่าวถึงผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง ปัญหาจราจร ปัญหาสิ่งแวดล้อม กับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ใครเลือกใคร ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 2,518 ตัวอย่าง วันที่ 31 ม.ค.-6 ก.พ. พบว่าปัจจัยที่ทำให้รถติดมากที่สุด ร้อยละ 38.6 ระบุนิสัยของผู้ขับขี่และความไม่เข้มงวดของตำรวจ ร้อยละ 32.8 ระบุนโยบายรถคันแรก และร้อยละ 28.6 ระบุสภาพถนนและสัญญาณจราจร  ส่วนนโยบายสิ่งแวดล้อมที่อยากให้ผู้ว่าฯกทม.ช่วยดำเนินการ พบว่าร้อยละ 44.1 ระบุสภาพแวดล้อมทางอากาศ เช่น ฝุ่น ควัน ท่อไอเสีย ร้อยละ 41.1 การจัดการขยะเน่าเหม็น ร้อยละ 40.4 แม่น้ำลำคลอง ร้อยละ 35.7 สิ่งแวดล้อมตามท้องถนน ร้อยละ 28.1 สภาพแวดล้อมของพื้นที่สาธารณะต่างๆ เช่น ป้ายรถเมล์ สนามกีฬา ร้อยละ 19.9 สภาพแวดล้อมของระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถไฟ และร้อยละ 10.3 อื่นๆ เช่น การเผาขยะ คุณภาพของดิน  ทั้งนี้ ร้อยละ 63.5 ระบุตั้งใจจะไปเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ร้อยละ 36.5 ไม่ไป เมื่อถามถึงจะเลือกผู้สมัครคนใด ร้อยละ 42.0 พล.ต.อ. พงศพัศ ร้อยละ 33.5 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร้อยละ 15.9 ผู้สมัครอิสระอื่นๆ
เมื่อจำแนกตามสภาพที่พักอาศัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างอพาร์ตเมนต์คอนโดฯ ร้อยละ 48.0 เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ขณะที่ร้อยละ 32.3 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และร้อยละ 11.9 เลือกผู้สมัครคนอื่นๆ ในส่วนของทาวน์เฮาส์ พบว่าร้อยละ 40.1 เลือกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร้อยละ 39.9 เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ร้อยละ 9.2 ผู้สมัครคนอื่นๆ ส่วนบ้านเดี่ยว พบว่าร้อยละ 40.5 เลือกพล.ต.อ.พงศพัศ ร้อยละ 34.8 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ขณะที่ตัวอย่างในชุมชนแออัด ร้อยละ 43.1 ระบุ พล.ต.อ.พงศพัศ ร้อยละ 30.6 ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ หากจำแนกตามพื้นที่เขตชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก พบว่าพื้นที่ชั้นในร้อยละ 43.0 ระบุพล.ต.อ.พงศพัศ ร้อยละ 34.4 ม.ร.ว.สุขมพันธุ์ พื้นที่ชั้นกลาง ร้อยละ 39.8 พล.ต.อ.พงศพัศ ร้อยละ 36.7 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ส่วนพื้นที่ชั้นนอก ร้อยละ 42.7 พล.ต.อ.พงศพัศ ร้อยละ 30.6 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  08/02/2013
“เหลิม” เหน็บ “บิ๊กโอ๋” เก่งจริงมาทำแทน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ออกมาระบุว่าทหารไม่เห็นด้วยกับการประกาศเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ยังไม่ได้มีการปรึกษากัน แต่ได้บอกแล้วว่าเป็นแนวคิดที่จะขอคำปรึกษาหารือ พวกที่ออกมาพูดก็ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง เรื่องนี้ได้ถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แล้วว่าพื้นที่ไหนเกิดเหตุซ้ำซาก ก็จะทำเป็นช่วงเวลาและต้องให้เหมาะสมกับพื้นที่ เรื่องนี้คิดได้ ที่ผ่านมาก็ได้ฝากให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบกช่วยคิด ไม่เห็นว่าท่านจะพูดอะไรเลย  เมื่อถามว่า พล.อ.อ.สุกำพล ระบุว่ามาตรการที่มีอยู่ยังใช้ไม่ครบถ้วน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เช่นอะไรบ้าง แต่กำลังคิดว่าสำหรับพื้นที่สีเขียวให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตรงไหนยังอันตรายอยู่ให้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และหากอันตรายมากให้ใช้เคอร์ฟิว ไม่ทราบว่าพล.อ.อ.สุกำพลได้เป็นคณะกรรมการ กปต.หรือไม่ แต่ตนเป็นผู้อำนวยการ ศปก.กปต. ถ้าแต่งตั้งมาแล้วไม่ให้คิดแล้วจะทำอย่างไร การประกาศเคอร์ฟิวไม่ได้ประกาศทั้งวันทั้งคืน แล้วพล.อ.อ.สุกำพลไปประชุมเมื่อไหร่ถึงบอกทหารไม่เห็นด้วย  เมื่อถามว่า มั่นใจว่าการประกาศเคอร์ฟิวจะช่วยลดสถิติการเสียชีวิตในพื้นที่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า  “ลองดู หากไม่ลดก็ยกเลิกจะยากอะไร ไม่ใช่สงครามอิรักที่จะเลิกไม่ได้ และฝากบอก รมว.กลาโหมด้วย ถ้าเก่งจริงก็ไปขอนายกฯมาทำหน้าที่แทนผม จะกราบงามๆ 3 ที”  เมื่อถามต่อว่า พูดในลักษณะนี้แปลว่าโกรธพล.อ.อ.สุกำพลที่คัดค้านใช่หรือไม่  ร.ต.อ.เฉลิม  ตอบว่า “ผมไม่ได้โกรธ แต่เรื่องแบบนี้ต้องมาคุยกัน เพราะผมมีหน้าที่แต่คุณไม่มีหน้าที่ คุณก็มาของานไป”   เมื่อถามว่า จะมีเคลียร์ใจกับพล.อ.อ.สุกำพลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม  กล่าวว่า “ไม่มี ผมไม่ได้ใส่ใจจะไปเคลียร์ทำไม อยู่พรรคเดียวกัน พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้ยินแล้ว”
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้พิจารณา ว่า  พื้นที่ที่เกิดเหตุก่อนว่ามีความถี่หรือการใช้ความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เมื่อถามว่าพล.อ.อ.สุกำพลมีความเห็นขัดแย้งกับร.ต.อ.เฉลิม   น.ส.ยิ่งลักษณ์  กล่าวว่า คงต้องไปพูดคุยกันให้ชัดเจนในระดับพื้นที่ สิ่งที่เราควรจะทำมากขึ้นคือการเริ่มวิเคราะห์และติดตามแต่ละปัญหาว่าเกิดจากอะไร
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์   วันที่  08/02/2013
“แดง – เหลือง” หนุนนิรโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจริญ  จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ได้เชิญผู้แทนบุคคลจากสามฝ่าย ประกอบด้วย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย  ในฐานะตัวแทนของแดงนิติราษฎร์  นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  และนายปานเทพ  พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เพื่อหารือถึงแนวทางการนิรโทษกรรมผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง รวมถึงแนวทางที่จะนำไปสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  08/02/2013
จับตา “หนี้ค้างชำระ” พุ่ง
นายอานุภาพ  คูวินิชกุล  ผู้อำนวยการอาวุโส  ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงินสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  กล่าวว่า  สินเชื่อ 2 ประเภท ที่ ธปท. ติดตามดูอย่างใกล้ชิด คือ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ กับสินเชื่อเพื่อซื้ออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) เนื่องจากขยายตัวสูง การเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2555 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 39% ขณะที่สินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมเติบโตที่ 24.4%
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  08/02/2013
คลังอุ้ม 2 แบงก์
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า  รัฐบาลจะดูแลเงินฝากของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย  (ไอแบงก์) อย่างเต็มที่หากมีปัญหาจากหนี้เสียที่เกิดขึ้นจำนวนมากในขณะนี้ จึงไม่ต้องการให้ผู้ฝากเงินตื่นตระหนก
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่  08/02/2013
บี้ กม.ห้ามฉกข้อมูล
นายศักดิ์  เสกขุนทด  ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.)  กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)  กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Law) ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง  เพราะจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะป้องกันไม่ให้ฐานข้อมูลของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตถูกเผยแพร่ไปยังตัวแทนขายบัตรเครดิตและประกันชีวิตให้โทรเข้ามารบกวนโดยตรงได้ นอกจากนี้ สรอ. ได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงาน จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรระบบความปลอดภัยบนระบบประมวลผลขนาดใหญ่ (คลาวด์) ให้ไทยและกลุ่มอาเซียน เพื่อจัดทำร่างกฎระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยบนคลาวด์โดยเฉพาะการสร้างและพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในเรื่องของคลาวด์มากที่สุดตั้งเป้าผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางคลาวด์ของอาเซียน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่  08/02/2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น