วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปข่าวสำคัญวันที่ 6 ก.พ.56




ทบ.ยันทวงถามผลสอบปืนทราโว่หายช่วงเสื้อแดง ไม่เคยได้คำตอบ
06/02/2013 , 10:10  
Filed under breakingnewsการเมือง
กรณีชาวบ้านใน จ.กาญจนบุรี พบอาวุธปืนทราโว ทาร์ 21 จำนวน 10 กระบอก ถูกทิ้งไว้ที่ริมถนนสายท่าเรือ-พระแท่น อ.ท่ามะกา เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2555 ก่อนการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประเสริฐ หรือเสธ.อ้าย แกนนำกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม (อพส.)
ซึ่งต่อมากองทัพบก (ทบ.)ได้มอบให้พล.ร.9 และกรมสรรพาวุธทหารบก เข้าประสานกับสภ.ท่าเรือ และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) ร่วมตรวจสอบ และยืนยันว่าหมายเลขกำกับตรงกับอาวุธปืนทราโว่ ทาร์ 21 ของกองทัพบกที่หายไปช่วงปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช. เมื่อเดือนเม.ย.2553 บริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า
ภายหลังจากที่ สน.บางยี่ขัน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ร่วมสอบสวน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ได้เปิดเผยถึงการร่วมตรวจสอบกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ว่าขณะนี้ขั้นตอนได้เสร็จสิ้นแล้ว และจะนำอาวุธปืนทั้ง 10 กระบอกส่งคืนให้กับกองทัพบกต่อไป
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว ยืนยันว่าขั้นตอนในการตรวจสอบอาวุธปืนทั้ง 10 กระบอกของทางดีเอสไอนั้นเสร็จสิ้นหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเปิดเผยต่อไป
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ทบ. กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบอาวุธปืนทราโว่ ทาร์ 21 ของตำรวจและดีเอสไอว่า ตั้งแต่ปืนของกองทัพหายไปได้มีการทวงถาม ด้วยเอกสารและช่องทางต่างๆไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและดีเอสไอ มาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ
“ก็เพิ่งจะทราบจากโพสต์ทูเดย์ว่ามีดีเอสไอตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว เบื้องต้นปืนทราโว่ ทาร์21 ของกองทัพบกที่หายไปนั้นเป็นอาวุธสงคราม การที่จะนำไปครอบครองหรือใช้นั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว”
โฆษก ทบ. ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า กรณีที่มีแกนนำเสื้อแดงนำอาวุธปืน ทราโว่ ทาร์ 21 ขึ้นไปบนเวทีแล้วประกาศว่าเป็นปืนที่ยึดมาจากทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ขั้นตอนจากนี้จะมีการดำเนินคดีอย่างไร
“มี 3 ประเด็น 1.ได้รับทราบจากโพสต์ทูเดย์ว่าการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งมายังกองทัพบก ทั้งๆที่เราพยายามติดตามว่าคดีเป็นอย่างไรถึงไหนแล้ว 2.ตั้งแต่ปืนหายไปในช่วงปฏิบัติงาน ศอฉ. เราทวงถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ดีเอสไอและในกรรมาธิการของรัฐสภา ก็ไม่ได้รับคำตอบ ก็รู้สึกดีใจ ที่ในที่สุดกองทัพก็ได้อาวุธปืนคืน และปืนดังกล่าวนั้นไม่ได้ถูกตกไปอยู่ในมือใครไปก่อเหตุนำไปสร้างความวุ่นวาย 3.ตั้งข้อสังเกตว่าตอนที่ปืนทราโวหายนั้น ชัดเจนว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมนำปืนขึ้นไปประกาศชี้แจงบนเวทีให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่าเป็นปืนที่ยึดมาได้จากทหาร และคาดว่าเป็นปืนกลุ่มเดียวกันกับที่หายไป แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับแจ้งจากดีเอสไอว่าจะนำปืนทั้ง 10 กระบอกมาคืนกองทัพ” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
โฆษก ทบ. กล่าวว่า หลังจากที่ปืนทราโว่ของกองทัพบกหายไป ต่อมาได้มีแกนนำนปช.นำปืนขึ้นไปบนประกอบการปราศรัยบนเวที ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่เมื่อเดือน พ.ย.กลับมีข่าวคนว่าชาวบ้านไปพบปืน 10 กระบอกนี้ถูกทิ้งที่ จ.กาญจนบุรี
“ตกลงใครเป็นเอาปืนไป ดีเอสไอตรวจสอบเสร็จ จบแล้วใช่ไหม เรื่องจบเลยอย่างนั้นหรือเปล่า รู้กันว่าใครเป็นคนเอาไป แล้วคนที่เอาปืนมาคืนทิ้งไว้ไม่รู้เป็นใคร หรือปืนหายก็ได้คืนแล้วไงจบๆกันไปอย่างนั้นหรือ” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว 
ปชป.จี้นายกฯเยียวยาเหยื่อไฟใต้เท่าคนเสื้อแดง
06/02/2013 , 17:53 

นายสาธิต ปิตุเตชะ สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่าวันที่(7 ก.พ.) เวลา10.30น. จะเดินทางไปพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้นายกเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ไม่สงบในภาคใต้จากกรณีที่มีพ่อค้าจังหวัดระยอง
รวมถึงครูชาวนาจังหวัดสิงห์บุรีที่ถูกยิงเสียชีวิตที่จังหวัดยะลา ให้เท่าเทียมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อที่จะได้เป็นหลักประกันให้กับราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ โดยขณะนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังไม่ได้รับการเยียวยามากเท่าไหร่ ไม่ใช่เพียงส่งแต่ปลัดอาวุโสไปร่วมงานศพ ซึ่งเป็นการสะท้อนนโยบายที่ไม่ชัดเจนของภาครัฐ

ส.ว.จ่อเข้าพบ “บัวแก้ว” หารือคดีปราสาทพระวิหาร 14 ก.พ.
06/02/2013 , 18:19  
Filed under breakingnewsการเมือง
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธุ์ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.)และประธานกมธ.กิตติมศักดิ์ กมธ.ตรวจสอบการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เปิดเผยว่าหลังจากที่กมธ. ได้ทำหนังสือขอเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือและเสนอความเห็นต่อการดำเนินงานเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือยืนยันว่าจะให้ กมธ.เข้าพบและหารือผ่านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
โดยในเบื้องต้น กมธ.จะหารือในส่วนการต่อสู้ในคดีปราสาทพระวิหาร โดยได้มอบหมายให้นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธานกมธ.คนที่ 1 เป็นผู้รวบรวมประเด็นที่จะนำไปเสนอ
ด้านนายคำนูณ เปิดเผยว่า ประเด็นที่จะนำไปหารือและเสนอแนะนั้น โดยหลักจะเป็นในส่วนของการเผยแพร่เอกสาร “50 ปี 50 ประเด็น ปราสาทพระวิหาร” ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่พบว่ายังมีความผิดพลาดและเสี่ยงที่จะถูกประเทศกัมพูชานำไปเป็นประเด็นต่อสู้ในศาลโลก และกลายเป็นความได้เปรียบในการต่อสู้คดี
นอกจากนั้นแล้วจะเป็นประเด็นที่ทางกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ชี้แจงข้อมูล ในประเด็นการรับเขตอำนาจศาลโลก และ การตีความตามคำพิพากษาของศาลโลก เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมาว่าทำได้หรือไม่ และหากศาลโลกปัจจุบันพิจารณาในประเด็นที่ต่างไปจากคำพิพากษาเมื่อ 50 ปีก่อน ประเทศไทยจะต้องยอมรับหรือไม่ รวมถึงข้อมูลที่อาจนำไปประกอบการต่อสู้ในคดีปราสาทพระวิหาร ที่จะมีขึ้นช่วงเดือนเมษายน

“พงศ์เทพ” บินอังกฤษหารือสู้คดีปราสาทพระวิหาร
06/02/2013 , 18:28  
Filed under breakingnewsnewsheadlineการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 6 ก.พ. 2556 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้ดูแลการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร พร้อมทีมกฎหมายจากกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุดและคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังประเทศอังกฤษ เพื่อหารือกับที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างชาติ เพื่อต่อสู้คดีกรณีปราสาทพระวิหาร
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ส่งข้อมูลเอกสารจำนวนมากยื่นต่อศาลโลกไปแล้ว การไปครั้งนี้จะหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นที่ไทยจะใช้แถลงต่อสู้คดีด้วยวาจาในเดือนเมษายนนี้ เพื่อย้ำความน่าเชื่อถือและโน้มน้าวตุลาการศาลโลก โดยจะลงลึกในรายละเอียดของเอกสารในแต่ละประเด็น ซึ่งคณะทำงานกฎหมายทุกคนตั้งใจทำงาน และจะทำอย่างดีที่สุด ส่วนผลการตัดสินคดีขึ้นอยู่กับดุลพินิจการตัดสินของตุลาการ ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของฝ่ายไทย
“ส่วนตัวไม่หนักใจในการทำหน้าที่ เพราะทุกคนทำเต็มที่แล้ว ส่วนการต่อสู้เรื่องขอบเขตอำนาจศาลโลกที่ไม่สามารถตัดสินเรื่องเขตแดนได้นั้น คณะทำงานพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะและจะนำทุกความเห็นไปพิจารณาต่อสู้ แต่รายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะหากข้อมูลถูกเปิดเผยและฝ่ายตรงข้ามรู้ จะไม่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี และไม่จำเป็นต้องเจรจาไกล่เกลี่ยกับกัมพูชา เนื่องจากเรื่องได้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้ว ดังนั้นแต่ละฝ่ายต่างต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายพงศ์เทพกล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น