วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปข่าวตามจังหวัดวันที่ 6 ก.พ.56



กลุ่มธรรมยาตรายังปักหลักชุมนุมทางขึ้นปราสาทพระวิหาร
เช้านี้ ที่บริเวณด้านหน้าสถานีควบคุมไฟป่า จังหวัดศรีสะเกษ  ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร โดยล่าสุดกลุ่มธรรมยาตราซึ่งนำโดยนาย สมาน ศรีงามพร้อมกับสมาชิกรวม 7 คน ยังคงปักหลักนั่งสมาธิอยู่บนถนนทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้
ด้าน นายกิตติศักดิ์ พ้นภัย ก็ได้เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งเตรียมที่จะเคลื่อนไหวโดยการประสานงานกับกลุ่มอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนการต่อสู้เรื่องเขตแดนต่อไป  ขณะที่บรรยากาศในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารยังคงเป็นปกติดี


ปิดอุทยานเขาพระวิหาร ไม่มีกำหนด
ที่บริเวณด้านหน้าหน่วยป้องกันไฟป่า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับด่านเก็บค่าธรรมเนียม อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ได้มีกลุ่มธรรมยาตรา กอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทย ในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา นำโดย นายสมาน ศรีงาม กับพวกจำนวนประมาณ 7 คน ได้พากันนั่งสมาธิและปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณถนนทางขึ้นเขาพระวิหาร ต่อมา นายสมาน ได้นำสมาชิกกลุ่มธรรมยาตรา จำนวนประมาณ 20 คน พากันเคลื่อนขบวนออกมาจากบ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ทั้งนี้เพื่อที่จะขึ้นไปอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทย นำเอาอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 มาแก้ไขปัญหากรณีเขาพระวิหาร แต่ว่าเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจไม่ยอมให้ผ่านด่านขึ้นไป โดยอ้างว่า นายศักดิ์สิทธิ์ พลทรัพย์ศิริ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้สั่งปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารแล้ว
เนื่องจากเหตุไฟไหม้ป่าข้างทาง เกรงว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับอันตราย จึงได้สั่งปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โดยไม่มีกำหนดและเจ้าหน้าที่ไม่ยอมอนุญาตให้กลุ่มธรรมยาตราขึ้นไปบริเวณผามออีแดงอย่างเด็ดขาด แม้ว่า นายสมาน จะพยายามเจรจากับกลุ่มเจ้าหน้าที่แล้วก็ไม่เป็นผล 



จับสาวใหญ่แหกด่านตำรวจทิ้งยาบ้าข้างทาง
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เอราวัณ จ.เลย พร้อมด้วยตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้ตั้งด่านตรวจอยู่ที่ถนนบ้านวังเลา อ.เอราวัณ หลังสืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาบ้าผ่านเส้นทางดังกล่าว
จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะโตโยต้า สีดำ 4 ประตู ทะเบียน กข.9612 เลย ตรงกับที่ได้รับรายงาน จึงสกัดให้หยุด แต่รถคันดังกล่าวได้ขับแหกด่านหลบหนีเข้ามาเขตอำเภอเมืองเลย จนท.จึงได้ออกติดตาม จนสามารถจับการจับกุมตัวได้ที่ถนนสายระหว่าง บ.หนองหญ้าไซ-บ.แหล่งควาย อ.เมือง เลย ทราบชื่อนายพรรณวิไล อินธิยา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 6 ต.ชมเจริญ อ.ปากชม จ.เลย (คนขับ) และนางปาริชาติ ศรีนนจันทร์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่13 อ.เอราวัณ จ.เลย
ตรวจค้นในรถและร่างกายของคนทั้ง 2 ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่นางปาริชาติรับว่า ได้ทิ้งยาบ้าก่อนลงจากรถ จนท.จึงได้ไปเก็บวัสดุที่ทิ้ง พบยาบ้า 791 เม็ด และยาไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกใส 4 ถุง จึงคุมตัวคนทั้งสองไปดำเนินคดีที่ สภ.อ.เอราวัณ จ.เลย ต่อไป สำหรับนายพรรณวิไฃ อินธิยา เพิ่มออกจากคุกข้อหายาบ้าได้ 6 เดือน 

รวบมือบึ้ม “โรงแรมลีการ์เด้นท์พลาซ่า” หาดใหญ่ คดีติดตัวอื้อ
เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ข่าวลับของ ตชด.43 จับกุม นายเจะหมะ วานิ หรือ มาค่อม หรือ ไคโร ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เด้นท์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ปีที่ผ่านมา
ขณะกบดานอยู่ที่ บ้านเลขที่ 128 ม.5 บ้านป่ากอ ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านเพื่อน โดยเจ้าหน้าที่เตรียมควบคุมตัวไปสอบสวนที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับ นายเจะหมะ เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่รับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา และมีหมายจับติดตัว 9 คดี เช่น ลอบวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ เมื่อปี 48 และวางระเบิด 7 จุด ใน จ.สงขลา เมื่อปี 52 และล่าสุด วางระเบิดที่โรงแรมลีการ์เด้นพลาซ่าซึ่งคดีนี้มีผู้ถูกออกหมายจับ 3 คน คือ นายเจะหมะ วานิ, นายรุสลัน ใบมะ และ นายเสรี แวมามุ 

“ราชทัณฑ์” ยันไม่ได้ให้สิทธิพิเศษ “กำนันเป๊าะ”
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ในวันนี้ทางเรือนจำกลางชลบุรียังไม่ได้รายงานความคืบหน้าอาการป่วยของนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ผู้ต้องขังคดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร และคดีทุจริตเขาไม้แก้วมาให้ทราบ ซึ่งคาดว่านายสมชายยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโดยยังไม่มีการเคลื่อนย้ายกลับเข้ามาในเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนย้ายนายสมชายกลับเข้ามาในเรือนจำนั้นต้องขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ให้การรักษาว่าสามารถย้ายได้หรือไม่ และเรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการเรือนจำที่จะดำเนินการได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรายงานให้ทางกรมราชทัณฑ์ทราบ
ส่วนกรณีที่มีการวิจารณ์ว่ากรมราชทัณฑ์ให้สิทธิพิเศษกับนายสมชายเช่นกรณีไม่ใส่โซ่ตรวนทั้งที่เป็นผู้ต้องขังรายสำคัญนั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้ให้สิทธิพิเศษ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบกรมราชทัณฑ์ทุกประการ แต่การตีตรวนมีข้อยกเว้นกรณีผู้ต้องขังป่วยหรือเป็นผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปห้ามใส่เครื่องพันธนาการทุกชนิด เว้นแต่ว่าผู้ต้องขังรายนั้นมีพฤติการณ์จะหลบหนีการควบคุม
ด้านนายอำนาจ ปรัชญาพันธ์ ผบ.เรือนจำกลางชลบุรี กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานอาการป่วยของนายสมชาย แต่ปกติหากอยู่ในการรักษาของแพทย์เรือนจำก็จะปล่อยให้เป็นดุลยพินิจแพทย์ในการรักษาเต็มที่ ยกเว้นกรณีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการรักษาหรือแจ้งระยะเวลาที่ต้องรักษาที่แน่นอนก็จะแจ้งให้เรือนจำรับทราบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรือนจำมีหน้าที่ในการดูแลผู้ต้องขังทุกคนให้เป็นไปตามระเบียบ แม้จะถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลด้านนอกแต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่เรือนจำเข้าไปดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัย โดยในส่วนของนายสมชายญาติให้ความร่วมมือและไม่ร้องขอสิ่งใดเพิ่มเติม
เมื่อถามถึงการควบคุมนายสมชายหากถูกย้ายออกจากโรงพยาบาลกลับเข้าเรือนจำ ผบ.เรือนจำกลางชลบุรี กล่าวว่า โดยปกติผู้ต้องขังใหม่จะถูกนำตัวไปอยู่ในแดนแรกรับ จากนั้นจะมีคณะกรรมการพิจารณาเพื่อจำแนกให้ไปคุมขังในแดนต่าง ๆ ตามความเหมาะสมซึ่งในส่วนของนายสมชายมีความเป็นไปได้ที่จะถูกจำแนกไปอยู่ได้ใน 2 แดนคือแดนของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย

รวบแท็กซี่ข่มขืนเด็กผู้หญิง 2 ราย

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำ2สองสาวโรงงานทำขนม ในอ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นมารดาของเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 9 เดือนและวัย 2 ขวบเศษ มาชี้ตัวนายเพชรน้ำหนึ่ง หรือ ช้าง โตเอี่ยม อาชีพขับรถแท๊กซี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทร คดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน ที่สภ.บางพลี
นายเพชรน้ำหนึ่ง ถูกจับกุมได้ที่บ้านเลขที่97/17 หมู่บ้านสินเพชร หมู่ 11 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งแม่ของเด็กทั้งสองคนนำมาฝากเลี้ยงไว้กับภรรยาของนายเพชรน้ำหนึ่ง ต่อมาพบว่าลูกสาวได้ตกเป็นเหยื่อของการถูกกระทำชำเรา และทราบจากเพื่อนบ้านว่า เคยมีลูกของคนในละแวกเดียวกันถูกกระทำเช่นเดียวกัน แต่2สามีภรรยาชดใช้เงินปิดปากให้ 6,000 บาท
ด้านนางปวีณา กล่าวว่า แม่ของด็กทั้ง 2 คนเข้าร้องขอความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 29 ม.ค.แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานแน่ชัด จึงเชื่อว่าจะลงโทษได้ตามกฏหมาย
พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีหลักฐานแน่ชัดทั้งผลการตรวจจากแพทย์ การพูดคุยกับเด็กทั้ง2 คนต่อหน้าสหวิชาชีพและนักสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งประวัติเดิมที่นายเพชรน้ำหนึ่งเคยกระทำไว้ จึงเชื่อว่าจะเอาผิดได้ตามกฏหมาย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น