นิรโทษกรรมฉบับ'อุกฤษ'มาแล้ว!
| |
นิรโทษกรรม ฉบับ'อุกฤษ'มาแล้ว! : ขยายปมร้อน โดยสมถวิล เทพสวัสดิ์ ปัญหาความขัดแย้งภายในของ "กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ" (นปช.) หรือ "คนเสื้อแดง" กับ "แนวร่วมกลุ่ม 29 มกราฯปลดปล่อยนักโทษทางการเมือง" หรือ นปช.กับรัฐบาลเพื่อไทย นับวันจะขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการช่วยเหลือ "คนเสื้อแดง" ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ มีการตั้งข้อสังเกตปัญหาประกันตัวทำไมแกนนำนปช.ได้รับการประกันตัวและยังเหลือมวลชนอยู่ในห้องขัง ประมาณ 20 คน หรือแม้กระทั่งการกล่าวหาว่าแกนนำนปช.กีดกันขัดขวางแกนนำของกลุ่มอื่นๆ ไม่ให้นำมวลชน หรือขัดขวางการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ล่าสุดที่ทำให้ "คนเสื้อแดง" เห็นแย้งกันมากที่สุดคือกฎหมาย "นิรโทษกรรม" โดยมี "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" เป็นผู้รับเผือกร้อนไปเต็มๆ เพราะข้อเสนอเกี่ยวกับกฎหมาย "นิรโทษกรรม" จุดเริ่มต้นมาจากฝ่ายรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีอยู่จำนวน 3 ร่าง ประกอบด้วย - "ร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้ง" ตามแนวความคิดของคณะนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นข้อเสนอของ "กลุ่ม 29 มกราฯ ปลดปล่อยนักโทษทางการเมือง" หรือ "กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล" ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนที่กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายหลังการยึดอำนาจ วันที่ 19 กันยายน 2549 และให้จัดตั้งคณะกรรมการขจัดความขัดแย้ง แต่ผู้ที่ไม่ได้รับการนิรโทษคือ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ปฏิบัติตามคำสั่ง - "ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 พ.ศ. ..." ซึ่งเสนอโดย "อุกฤษ มงคลนาวิน" ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) สำหรับ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ ประกอบด้วย 6 มาตรา เนื้อหาจะเน้นนิรโทษกรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะ มาตรา 3 ระบุไว้ชัดเจนว่า "การกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าฝืนที่ห้ามการชุมนุม การกล่าววาจา หรือโฆษณาด้วยวิธีการใดๆ เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการประท้วงด้วยวิธีใดๆ อันเป็นการกระทบต่อร่างกายหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่น หรือการแสดงออกทางการเมือง ไม่เป็นความผิดต่อไป ให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมการกระทำใดๆ ของบรรดาผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการ ให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงเวลาดังกล่าว และไม่รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการให้อำนาจหรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงเวลาดังกล่าว และไม่รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจตามกฎหมาย ในการรักษาความสงบหรือยุติเหตุการณ์นั้น" เนื้อหาสำคัญโดยสรุปก็คือจะเน้นการนิรโทษประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง แต่ไม่รวมถึงแกนนำ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง และไม่รวมเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจตามกฎหมายในการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเวลาดังกล่าว - "พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) นิรโทษกรรม" ที่เสนอโดย "กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ" (นปช.) เขียนไว้ 4 มาตรา เนื้อหาจะเน้นนิรโทษการเมืองทุกสีเสื้อทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงม็อบสนามม้านางเลิ้ง บรรดาผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ไม่ว่าจะได้รับโทษจำคุกจากคำพิพากษาอันถึงที่สุด หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี แต่ไม่รวมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อดีตนายกรัฐมนตรี และ "สุเทพ เทือกสุบวรรณ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี นิรโทษกรรมทั้ง 3 ร่าง ถือเป็นเผือกร้อนให้ "รัฐบาล" ไม่ว่าจะเป็น "ร่างพ.ร.บ." ที่ต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภา หรือ "พ.ร.ก." ที่ผ่านความเห็นชอบจาก "คณะรัฐมนตรี" จึงเป็นธรรมดาที่จะฝ่าด่านไปได้ง่าย ดังนั้น การยื้อพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมน่าจะเป็นทางรอดของรัฐบาลให้อยู่นานที่สุด สำหรับ 3 ร่างที่ดูจะเข้าตารัฐบาลมากที่สุดน่าจะเป็นร่างของ "อุกฤษ มงคลนาวิน" ซึ่งขณะนี้ที่ประชุม "วิปรัฐบาล" ได้มีมติให้กฤษฎีกาช่วยดูรายละเอียดว่าข้อเสนอมีประเด็นใหม่อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะใน 2516 เคยมีการเดินขบวนของกลุ่มนักศึกษา ก็เคยออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเช่นนี้มาก่อน จึงขอให้ดูรายละเอียดเพื่อเปรียบเทียบ ส่วนอีก 2 ร่างฟังจาก "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รมช.พาณิชย์ ที่บอกผ่านไปยัง "คนเสื้อแดง" ว่า "ได้เข้าพบนายกฯ เพื่อนำเรียนแนวคิด จุดยืน และความคืบหน้าในการดำเนินการเสนอ ร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ฉบับ นปช. แล้ว แต่ไม่ได้ยื่นเป็นเอกสารเพียงเข้าไปเรียนต่อนายกฯ ว่า พ.ร.ก.นิรโทษกรรมฉบับ นปช. มี 4 มาตรา อย่างไรก็ตามจะมีการยื่นอย่างเป็นทางการถึงนายกฯ เพื่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาต่อไป" แสดงว่า ร่างนิรโทษกรรม ฉบับ นปช. คงยาว เพราะต้องส่งต่อให้กฤษฎีกาพิจารณาด้วยเช่นกัน ! หากฟังเสียงจากสุ้มเสียงของ "อุกฤษ" ที่แถลงเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ "อุกฤษ" จะไม่ล่าช้า เพราะทางอุกฤษ เตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นเจ้าภาพในการนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของรัฐสภาเป็นวาระเร่งด่วน โดยพิจารณา 3 วาระรวด พร้อมกำหนดระยะเวลาในการแปรญัตติ โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 30-45 วัน ก็น่าจะประกาศใช้พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าว ได้ภายในวันที่ 14-15 เมษายน ก่อนปิดสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติในวันที่ 19 เมษายนนี้ด้วยซ้ำ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ว.หรือแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของ "อุกฤษ" จะสอดคล้องหรือนำแนวคิดของใครหรือไม่คงต้องติดตามดูว่าเป้าหมายใครจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากร่างฉบับนี้ ระยะหลังไม่ว่า "อุกฤษ" จะเสนอแนวคิดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือพ.ร.บ.นิรโทษกรรม มักได้รับเสียงตอบรับจากรัฐบาล ทำนองมีคนคิด "อุกฤษ"ทำ "รัฐบาล" ขับเคลื่อน แต่สุดท้ายก็ต้องฟังเสียงเตือนจากรอบข้างที่เป็นห่วงว่า หากเร่งรัดเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เข้าสภาช่วงนี้ จะยิ่งเป็นชนวนเสริมความขัดแย้งมากขึ้น ! ........... (หมายเหตุ : นิรโทษกรรม ฉบับ'อุกฤษ'มาแล้ว! : ขยายปมร้อน โดยสมถวิล เทพสวัสดิ์) ที่มา: http://www.komchadluek.net |
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
นิรโทษกรรมฉบับ'อุกฤษ'มาแล้ว เมื่อ 6 ก.พ.56
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น