วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ฟองสบู่แตกปลายปีนี้! "โกร่ง" ฟันธงรุนแรงกว่าปี 40 จี้ธปท.เร่งลดดอกเบี้ย วันที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 09:55:04 น.


ฟองสบู่แตกปลายปีนี้! "โกร่ง" ฟันธงรุนแรงกว่าปี 40 จี้ธปท.เร่งลดดอกเบี้ย

วันที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 09:55:04 น.


เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวตอนหนึ่งในการอบรมหลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูงŽ รุ่นที่ 17 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ในหัวข้อ การวางแผนเศรษฐกิจของชาติŽ ณ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.75% อาจก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่อย่างช้าในปลายปีนี้ หรือ 12 เดือนข้างหน้า เพราะการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง ขณะที่ประเทศอื่นๆ ผ่อนคลายนโยบายการเงิน จะยิ่งทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นอีก โดยเฉพาะการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (คิวอี 3) ของสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้จำกัดปริมาณเงินที่จะอัดฉีดเข้าระบบ ซึ่งต่างจากการดำเนินการในครั้ง 1 และ 2 ที่ระบุจำนวนเงินที่ชัดเจน

นายวีรพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเกิดฟองสบู่แล้วจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาก ทั้งที่ผลการดำเนินงานและปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย และตราบใดที่ส่วนต่างดอกเบี้ยยังคงสูงอยู่เช่นนี้จะมีเงินไหลเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนปี 2538-2540 และมาพังในปี 2540 ซึ่งความรุนแรงครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เกิดฟองสบู่ในสินทรัพย์สถาบันการเงินแล้ว ยังทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก จะกระทบต่อภาคส่งออกที่เป็นสัดส่วนสูงของไทย ซึ่งที่สุดจะกระทบต่อภาคการผลิตจริง ถือเป็นผลกระทบ 2 ด้าน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความไม่เข้าใจของ ธปท.ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ที่น่าตกใจคือ ผู้ว่าการ ธปท.ออกมาบอกว่าดอกเบี้ยเงินดอลลาร์ ก็สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐ ดอกเบี้ยยูโรสะท้อนเศรษฐกิจยุโรป ดอกเบี้ยเยนสะท้อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น ดอกเบี้ยเงินบาทสะท้อนเศรษฐกิจไทย การกล่าวแบบนี้ทำให้ตกใจว่าท่านคิดได้อย่างไร เป็นการไม่เข้าใจปัญหา คิดว่าเป็นเรื่องของใครของมันนั้นน่ากังวล ควรที่จะตระหนักว่า

การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดจะสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับเศรษฐกิจŽ นายวีรพงษ์กล่าว และว่า หากเนรมิตได้ อยากให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยลดลงและไม่ต่างจากสหรัฐมากนัก เพื่อหยุดการไหลของเงินและหาเครื่องมือที่เป็นต้นทุนทางการเงินอื่นๆ แทน

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้การแข็งค่าของเงินบาทได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาอย่างชัดเจน และการส่งออกในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้เริ่มไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ กับการแข็งค่าของเงินบาท และการขาดดุลของ ธปท.

การออกมาพูดตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นผมเป็นทุกข์ และทุกฝ่ายก็เป็นทุกข์ เพราะไม่ได้ต้องการมาสาวไส้ให้คนอื่นดู เพราะที่ผ่านมาพยายามพูดหลายอย่าง ทั้งพูดเบา พูดเฉียด พูดอ้อมมาตลอดเวลา แต่ไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากการขาดทุนของ ธปท.ติดลบแบบทรงตัวก็ยังเบาใจ แต่ขณะนี้ทิศทางการลบเริ่มทวีความรุนแรงมากอย่างเห็นได้ชัด จึงต้องออกมาให้ความเห็นตามหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายและในฐานะที่ได้รับการคาดหวังภารกิจบริหารเศรษฐกิจŽ นายกิตติรัตน์กล่าว

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทุกหน่วยงานต้องช่วยเหลือกันเพื่อประคองสถานการณ์โดย ธปท. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กระทรวงการคลัง สำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (รสก.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกรมสรรพากร ต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อผลักดันมาตรการต่างๆ เช่น การชำระหนี้รัฐวิสาหกิจก่อนกำหนด เพื่อลดสัดส่วนหนี้ต่างประเทศ การออกมาตรการจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนและนำเข้าเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้ง สบน.ได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินกู้เงินจากภายในประเทศในโครงการลงทุนต่างๆ เพื่อช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาท

ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำหนังสือถึง ธปท.จะนำไปสู่การปลดผู้ว่าการ ธปท. หรือไม่ นายกิตติรัตน์กล่าวว่า การส่งหนังสือก็นำไปสู่การปลดรัฐมนตรีคลังได้เช่นกัน หากปรากฏชัดว่ารัฐมนตรีคลังไม่มีความเข้าใจ สร้างเรื่องให้เป็นเท็จ เป็นเหตุให้รัฐบาลไม่มีความน่าเชื่อถือ หากผมเป็นนายกรัฐมนตรีก็มีสิทธิคิดปลดได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ได้ดำเนินการไปนั้นทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และยินดีรับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่Ž

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ไม่เคยหยิบยกเรื่องการปลดผู้ว่าการ ธปท.ขึ้นมาพูด เพราะการจะปลดผู้ว่าการ ธปท.ได้หรือไม่นั้น มีกฎหมายระบุไว้ว่า บอร์ด ธปท.จะต้องเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากนั้นจะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งบอร์ดจะเสนอมาหรือไม่นั้นเป็นการตัดสินใจของบอร์ด และ ครม.ต้องพิจารณาอีกว่า การกระทำของผู้ว่าการ ธปท.มีความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือไม่ บางคนบอกว่าการขาดทุนนั้นเสียหายแล้ว บางคนบอกว่ายังไม่เสียหาย

ผมไม่ได้ปรักปรำมากมาย เพียงแต่ให้ข้อมูลว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2555 งบดุล ธปท.ติดลบแล้ว 530,000 ล้านบาท กับส่วนต่างดอกเบี้ยปีที่แล้วปีเดียวอยู่ที่ 100,0000 ล้านบาท หากต่อไปมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วไม่ได้ตักเตือน ผมคงเสียใจ ที่ทำจดหมายถึงประธานคณะกรรมการ ธปท.เพียงแจ้งว่า ให้ช่วยจับตาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นและทำไปตามหน้าที่Ž นายกิตติรัตน์กล่าว

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงพาณิชย์จะหารือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ถึงผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท โดยกระทรวงพาณิชย์จะรายงานสถานการณ์การค้าและแนวทางส่งเสริมการส่งออก ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายขยายตัว 8-9%

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ประเด็นที่หอการค้าไทยเตรียมหารือกระทรวงพาณิชย์ จะเน้นในเรื่องการลดอุปสรรคการส่งออก และสนับสนุนการลดภาระค่าใช้จ่ายการส่งออกสินค้าไทยหรือเข้าร่วมงานแสดงสินค้า โดยในกลุ่มข้าวจะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ทบทวนการออกมาตรฐานส่งออกข้าวขาวฉบับใหม่ไปก่อน 1 ปี จากเดิมที่กระทรวงพาณิชย์จะประกาศเดือนเมษายนนี้ ซึ่งได้มีการส่งหนังสือให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทบทวนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

หน้า 1 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 9 ก.พ. 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น