วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดีเอสไอลุยค้นบ้าน-บริษัทต่างชาติ ต่อเรือไม่ได้มาตรฐาน เมื่อ 20 ก.พ.56




ดีเอสไอลุยค้นบ้าน-บริษัทต่างชาติ ต่อเรือไม่ได้มาตรฐาน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายประวิทย์ ไชยบัวแดง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคตะวันออก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วย ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล พ.ต.ท.กฤชณัท จันทร์เขียว พนักงานสอบสวนพิเศษ 8 หัวหน้าชุดปฏิบัติการ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอภาคตะวันออก นำหมายค้นจากศาลจังหวัดพัทยา เข้าตรวจค้นบริษัท อาร์บี พาวเวอร์ แอนด์ เชลลิ่ง จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 255/3 ริมถนนสุขุมวิท หมู่ 9 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายรายว่าบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีนายเบรนเชสตี้ ราอูล (Mr.Biancheiit Raoul) อายุ 44 ปี สัญชาติอิตาลี ต่อเรือยอร์ชไม่ได้มาตรฐานและโฆษณาเกินจริงเข้าข่ายหลอกลวง

จากการตรวจสอบพบ น.ส.กัญชนก ชุมมงคล อายุ 27 ปี ผู้จัดการ นั่งทำงานอยู่ในบริษัท เจ้าหน้าที่จึงทำการสอบปากคำพร้อมกับยึดเอกสารสำคัญ รวมถึงบัญชีเส้นทางการเงิน และคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ไว้เป็นหลักฐาน ส่วนกำลังอีกชุดนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 123/29-30 หมู่บ้านสินธารา หมู่ 8 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบนายเบรนเชสตี้ ราอูล นั่งอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายและทำการตรวจค้นอย่างละเอียด พร้อมกับยึดเอกสารสำคัญบางส่วนและคอมพิวเตอร์ ไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 123/35 และโกดัง เลขที่ 123/290 ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน และเป็นของนายเบรนเชสตี้ ที่ซื้อไว้ แต่ไม่พบหลักฐานอื่นเพิ่มเติม

พ.ต.ท.กฤชณัท จันทร์เขียว หัวหน้าชุดปฏิบัติการ เปิดเผยว่า คดีนี้ทางดีเอสไอได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวต่างชาตินับ 10 ราย ว่าบริษัท อาร์บี พาวเวอร์ แอนด์ เชลลิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับต่อเรือยอร์ช ที่มีนายเบรนเชสตี้ ราอูล เป็นเจ้าของ ได้ทำการต่อเรือให้กับลูกค้าโดยไม่ได้มาตรฐาน และไม่ตรงไปตามที่ได้โฆษณาไว้ในเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น กรณีมีลูกค้าสั่งต่อเรือตามแบบและราคาที่โฆษณาไว้ ทางบริษัทฯ ก็จะนำวัสดุที่ไม่ตรงตามสเปกมาต่อเรือ เมื่อลูกค้าทักท้วงก็จะบ่ายเบี่ยงและบอกว่าหากอยากได้ตามที่สั่งไว้ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ทำให้ผู้เสียหายนับ 10 รายไม่ได้รับความเป็นธรรม และนำเรื่องเข้าร้องต่อดีเอสไอ ส่วนมูลค่าความเสียหายรวมแล้วนับ 100 ล้านบาท

พ.ต.ท.กฤชณัท เผยอีกว่า นอกจากนี้ทางดีเอสไอ ยังจะได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะแนวทางการสืบสวนทราบว่าของบริษัทดังกล่าว มีการหลบเลี่ยงภาษีและใช้นอมินีที่เป็นคนไทยมาทำการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งจากการตรวจค้นในครั้งนี้มีเป้าหมายทั้งหมด 6 จุด โดยคดีนี้ดีเอสไอ ได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 36/2556 ถือเป็นความผิดบัญชีท้ายของพระราชบัญญัติฯ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่ได้ทำการจับกุมหรือแจ้งข้อหาใดๆ กับนายเบรนเชสตี้ ซึ่งต้องรอตรวจสอบเอกสารหลักฐานพร้อมทั้งสอบสวนพยานเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น