วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปข่าวสำคัญจาก เนชั่น วันที่ 20 ก.พ.56




รวบแม่เล้าลวงเด็กสาวค้าประเวณี

เมื่อเวลา 00.10 น.วันที่ 20 ก.พ. 56 พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 สั่งการให้ พล.ต.ต.โกศล พัวเวช รอง ผบช.ภ.2 พ.ต.อ.สายเพชร สีสังข์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.รณชัย จินดามุข ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ พดส.ภ.2 ภายใต้อำนวยการโดย พ.ต.ท.กมล ทวีศรี ทำการวางแผนล่อซื้อการค้าประเวณีภายในร้านคาราโอเกะ ตลาดเอกธานี กม.10 ม.1 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีการนำเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาขายบริการทางเพศให้กับนักท่องราตรี จากการวางแผนล่อซื้อการค้าประเวณี เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดต่อผ่าน นางอำไพ เดซิลวา อายุ 38 ปี เพื่อติดต่อขอซื้อบริการเด็กสาวในร้าน ทางแม่เล้าได้ยื่นเสนอราคาเป็นเงิน 1,300 บาท พร้อมนำ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี สาวหน้าตาดี ชาวจังหวัดจันทบุรี มาให้ทางเจ้าหน้าที่ดูตัว เมื่อเห็นว่าเป็นเป้าหมายตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้ตกลงจ่ายเงินกันเป็นที่เรียบร้อย ก่อนแสดงตัวเข้าจับกุม 
สอบสวน นางอำไพ เดซิลวา เจ้าของร้าน ให้การว่า น.ส.เอ เป็นเด็กที่พึ่งมาทำงานอยู่ในร้านได้เพียง 2 วัน เริ่มจากการเป็นเด็กเสิร์ฟนั่งดริ้ง แต่ด้วยความที่เห็นเด็กมีความต้องการใช้เงิน เพื่อส่งกลับบ้านเกิด จึงยื่นข้อเสนอวิธีหาเงินแบบง่าย ด้วยการขายบริการทางเพศ โดยตั้งค่าตัวเด็กไว้ที่ราคา 1,300 บาท ต่อเที่ยว ทางร้านจะหักเงิน 300 บาท เข้าร้าน ส่วนที่เหลือเด็กจะได้เป็นค่าตอบแทน 
พ.ต.ท.กมล ทวีศรี กล่าวว่า ทางศูนย์ได้รับการร้องเรียนผ่านทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีการล่อลวงหญิงสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี มาทำการค้าประเวณี จึงได้วางแผนล่อซื้อ ก่อนสามารถจับกุมแม่เล้า ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน พร้อมควบคุมตัวหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อไว้ได้ 1 ราย เบื้องต้น ได้ส่งมอบเด็กให้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและสตรี ก่อนติดต่อผู้ปกครองมารับตัว ส่วน นางอำไพ เดซิลวา เจ้าของร้าน ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ดำเนินคดีในข้อหา เปิดสถานบริหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด ให้เพื่อบุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

บึ้มริมถนนเมืองยะลา จนท.เจ็บ 2 นาย


เวลา 07.25 น. ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ อส.เมืองยะลา ที่บนถนนในหมู่บ้านบริเวณ รอย ต่อ ม.1 และ ม.6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้แจ้ง ร.ต.อ.รุสดี กะโด ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อส. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตดุระเบิดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ อส.สุเทพ จันทร์วรรณโณ อายุ 30 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะ และอส.ภิญโญ คงทน อายุ 39 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำตัว ส่ง รพ.ยะลา แล้ว ส่วนในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบที่เกิดเหตุระเบิดอยู่บริเวณริมถนนเส้นทางบ่อเจ็ดลูก-ยุโป ซึ่งเป็นกองอิฐและกองทราย โดยเศษอิฐกระเด็นทั่วถนนจากแรงระเบิด นอกจากนี้ ยังพบสายไฟ ซึ่งคนร้ายลากเข้าไปในป่าริมทาง เศษวิทยุสื่อสาร เศษสะเก็ดระเบิดตกกระจายอยู่ทั่ว จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนฝั่งตรงข้ามพบรถจักรยายนต์ ของเจ้าหน้าที่ อส.ล้มคว่ำอยู่ข้างทาง

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ อส.เมืองยะลา นำกำลัง จำนวน 8 นาย โดยใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน เป็นพาหนะ เพื่อจะเดินทางไป รปภ.ครูในช่วงช่วงเช้า เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งคาดว่าคนร้ายได้นำวัตถุระเบิดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 3 กก.มาวางไว้ที่ริมกองอิฐก่อนหน้านี้ คนร้ายได้กดชนวนระเบิดขึ้นทันที แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ อส. ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนกลุ่มก่อเหตุในครั้งนี้เจ้าหน้าที่คาดว่า เป็นกลุ่มของนายรอกิ ดอเลาะ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวในพื้นที่บ้านทุ่งยามู และ บ้านยุโป ลงมือ 

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคล ยานพาหนะ บุคคลต้องสงสัยที่ จะเข้ามาในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา เนื่องจากคนร้ายยังคงก่อเหตุในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

เกาหลีเหนือขู่เกาหลีใต้การทำลายครั้งสุดท้าย

เกาหลีเหนือ ได้ขู่เกาหลีใต้ว่า จะเผชิญกับ " การทำลายครั้งสุดท้าย " (final destruction) ในระหว่างการโต้คารมกันในที่ประชุมว่าด้วยการปลดอาวุธของสหประชาชาติ เมื่อวันอังคาร ซึ่งเกาหลีเหนือ ระบุด้วยว่า อาจดำเนินขั้นตอนต่อไปหลังการทดสอบนิวเคลียร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายชอน ยอง เรียง ทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า " มันชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรอีกว่า ลูกสุนัขเกิดใหม่ไม่มีทางที่จะรู้สึกหวาดกลัวเสืออยู่แล้ว พฤติกรรมที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของเกาหลีใต้ รังแต่จะนำไปสู่การทำลายครั้งสุดท้าย / ถ้อยแถลงของนายชอง ก่อให้เกิดเสียงตำหนิจากหลายชาติ รวมทั้ง เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส เยอรมนีและอังกฤษ ที่ระบุว่า เป็นการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมอย่างสิ้นเชิง และการหารือกับเกาหลีเหนือ เป็นการมุ่งไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะทำลายล้างหนึ่งในชาติสมาชิกสหประชาชาติ และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วย 

นับตั้งแต่เกาหลีเหนือ ได้ทดสอบนิวเคลียร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อันเป็นการท้าทายมติแก้ปัญหาของสหประชาชาติ และเกาหลีใต้ได้เตือนว่า อาจโจมตีเกาหลีเหนือ ถ้าถูกทำให้เชื่อว่า กำลังจะถูกโจมตีจากเกาหลีเหนือในเวลาอันใกล้ 

เกาหลีเหนือ อ้างว่า วัตถุประสงค์ของการทดสอบคือ การเสริมศักยภาพในการป้องกันตนเองจากศัตรูอย่างสหรัฐอเมริกา ที่เป็นผู้นำในการผลักดันให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิด เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้แจ้งไปยังพันธมิตรสำคัญอย่างจีนแล้วว่า จะจัดการทดสอบนิวเคลียร์อีก 1 หรือ 2 ครั้ง ภายในปีนี้ เพื่อบีบให้สหรัฐเข้าสู่การเจรจาทางการทูต 

ลอร่า เคนเนดี้ ทูตสหรัฐ ระบุว่า เธอทราบเรื่องคำขู่ของเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นสิ่งที่รบกวนอย่างยิ่ง และต่อมาเธอได้ทวี้ตข้อความถึงเรื่องนี้ว่า " น่ารังเกียจ " ส่วนทูตโปแลนด์ ระบุว่า ควรจำกัดการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติของเกาหลีเหนือ

บิ๊กอ๊อดเผยนายกฯเร่งทบทวนใช้ม.21ให้กระแทกใจโจร

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษา กปต. กล่าวถึงแนวทางการเปลี่ยน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ มาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคง ว่า เรื่องนี้พูดง่าย ทำง่าย ตนกับ ผบ.ทบ.คุยกันเข้าใจ แต่ในส่วนของนโยบายต้องเข้าใจด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านได้เสนอไว้ตั้งแต่ที่เข้าหารือกับนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล โดยบอกให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง มาตรา 21 แต่ต้องให้กระทรวงยุติธรรมนำไปปรับเรื่องข้อกฎหมายให้มีความกะทัดรัด และเกิดความพอใจกับผู้ที่เข้ามามอบตัว ใครที่มีการตัดสินไปแล้วก็ต้องไปติดตามดู ซึ่งตอนนั้นผู้นำฝ่ายค้านบอกว่าถ้ารัฐบาลไม่พร้อมจะเสนอเรื่องนี้เอง แต่เรื่องดังกล่าวก็เงียบหายไป และนายกฯก็หยิบเรื่องนี้มาพูดเมื่อ 2-3 วันนี้ 

" พ.ร.บ.ความมั่นคง มาตรา 21 ต้องมีการปรับให้เหมาะสม รัดกุมให้มากกว่านี้ เพราะข้อเสนอยังไม่กระแทกใจผู้ที่จะเข้ามามอบตัว โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญและถือเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก หากการดำเนินการดังกล่าวเสร็จสิ้นและนำข้อมูลเสนอให้นายกรัฐมนตรี ท่านก็จะผลักดันเข้า ครม.ทันที " พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวและว่า การประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจเรื่อง มาตรา 21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคง คนทั้งประเทศทราบรายละเอียดโดยเฉพาะคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังไม่มีคนดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นการลงพื้นที่ภาคใต้น่าจะดีที่สุด เพราะจะทำให้ตนทราบข้อมูลจากฝ่ายปฏิบัติ และนำเสนอนายกรัฐมนตรีได้ ถ้าอยู่แต่ใน กทม.ก็จะไม่รู้อะไรเลย มองอะไรก็ไม่เห็น เราต้องลงไปเก็บข้อมูล"

"ยุทธศักดิ์"พร้อมลงพื้นที่ชายแดนใต้ กับผบ.ทบ.ทุกยก

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษา กปต. กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ ผอ.ศปก.กปต. ไม่ยอมลงพื้นที่ภาคใต้ และนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้สั่ง เพียงแต่ ผบ.ทบ. ท่านโทรศัพท์มาชวนตนว่าอยากให้ไปด้วยกัน ซึ่งตนก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีหากมีอะไรจะได้เสนอแนะนายกฯได้ถูกต้อง และต่อไปนี้หาก ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ภาคใต้ตนก็จะไปด้วยทุกครั้ง เมื่อลงไปกับกองทัพ ก็ได้พูดคุยกันและช่วยกันผลักดันให้บางเรื่องสำเร็จ ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาเดินมาถูกทางแล้ว แต่ด้านยุทธวิธีต้องปรับเพราะเรายังตามหลังเขาอยู่ ต้องนำคนที่สามารถนำยุทธศาสตร์มาเปลี่ยนเป็นยุทธวิธีให้ได้ ถ้าทำไม่ได้มีช่องว่างเกิดขึ้น รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนคนที่มาทำงานด้วย แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติยังอยู่ ส่วนการให้ ร.ต.อ.เฉลิม มาดูแลงานภาคใต้ทำให้เกิดช่องว่างใช่หรือไม่นั้น ตนไม่ได้มองอย่างนั้น แต่เมื่อเปลี่ยนเจ้าหน้าที่หลายคนทำให้การทำงานไม่มีความต่อเนื่อง แต่ยังดีที่มีกองทัพ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ยังเป็นคนเดิมอยู่

เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม แต่งตั้งกลุ่มวาดะห์เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ขณะบางคนมีคดีการแบ่งแยกดินแดนอยู่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทุกคนในกลุ่มวาดะห์ต่างมีประวัติทางการเมืองด้วยกันทั้งนั้น ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม คงทราบดี โดยเขามีหน้าที่เสนอแนะ ให้คำแนะนำส่วนจะทำตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจต่อกรณีดังกล่าว ตนไม่ทราบและ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่เคยพูดให้ตนฟัง แต่มองว่ากลุ่มวาดะห์อาจจะเสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่เรามองไม่เห็นหรือมองข้ามไป ทั้งนี้สมัยที่ตนทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็ไม่เคยมีแนวคิดที่จะให้กลุ่มวาดะห์เข้ามาเป็นที่ปรึกษา เพราะบางคนตนไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด คนที่เราจะแต่งตั้งให้มาเป็นที่ปรึกษานั้น สิ่งเราต้องรู้ คือประวัติความเป็นมาก่อนว่าเป็นคนอย่างไร และจะให้เขาทำงานในส่วนไหน ซึ่งคิดว่า ร.ต.อ.เฉลิมน่าจะทราบดี ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า จะให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะมาดูงานภาคใต้นั้น ยังไม่ทราบเป็นข่าวที่มาจากสื่อ

รวบหนุ่มมาเลย์ตระเวนใช้แบงก์ปลอมซื้อของในเบตง


พ.ต.อ.สุวัฒน์ วงศ์ไพบูลย์ ผกก.สภ.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เข้าตรวจค้นห้องพักหมายเลข 316 โรงแรมศรีเบตง ถ.ธรรมวิถี เขตเทศบาลเมืองเบตง หลังรับแจ้งจากนางณัฐชา ทรัพย์สิน ว่ามีชายชาวมาเลเซียมาขอซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์โดยใช้ธนบัตรไทยปลอมฉบับละ 1,000 บาทชำระเป็นค่าซิมการ์ดโทรศัพท์ หลังทราบว่าธนบัตรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอมจึงได้เข้าแจ้งความ 

จากการตรวจค้นภายในห้องพักพบนายโฮ ก๊อก วา อายุ 30 ปี สัญชาติมาเลเซีย ตรวจค้นพบ ธนบัตรปลอมเงินสกุลต่างๆเงินดอลล่าร์จำนวน 1,524 ดอลล่าร์ เงินปอนด์จำนวน 100 ปอนด์ เงินหยวน 200 หยวน เงินริงกิตจำนวน 2,880 ริงกิต และ เงินไทย 9,100 บาท และยาไอซ์ ยาอี จำนวนหนึ่งพร้อมอุปกรณ์การเสพ

สอบสวนนายโฮ ก๊อก วา สารภาพว่า ได้ซื้อธนบัตรปลอมเงินสกุลต่างๆมาจากชาวอินเดียในประเทศมาเลเซีย โดยได้นำเงินมาใช้ตามสถานบริการ ร้านค้า จนมาถูกแจ้งจับดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนขยายผลผู้ต้องหารายนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ

ด้าน พ.ต.อ.สุวัฒน์ วงศ์ไพบูลย์ ผกก.สภ.เบตง กล่าวว่า การจับกุมชาวมาเลเซียที่นำธนบัตรปลอมมาใช้ในพื้นที่อ.เบตง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมหลายครั้งแล้วจึงขอแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านค้า ให้สังเกตุธนบัตรทั้งสกุลเงินไทยและธนบัตรต่างประเทศ เนื่องจากขบวนการผลิตแบ็งก์ปลอมในประเทศมาเลเซียจะนำธนบัตรปลอมเข้ามาใช้ในรูปแบบต่างๆโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวชายแดนที่ติดกับประเทศมาเลเซีย จึงขอฝากให้มีการสังเกตก่อนที่จะรับเงิน

จับผญบ.คนดังยึดยาไอซ์8.15กรัมพร้อมลูกชาย

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 20 ก.พ.56 ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ อำเภอกาญจนดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี ได้ทำการล่อซื้อยาไอซ์ จากนายนพรัตน์ วงษ์สวัสดิ์ หรือ ผู้ใหญ่อ๊อด อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านทับท้อน ตำบลทุ่งกง กาญจนดิษฐ์ ได้ของกลางยาไอซ์ 8.15 กรัม พร้อมลูกชายวัย 17 ปี พร้อมยาไอซ์ 1 กรัม อุปกรณ์การเสพ ลูกปืนลูกซอง 1 นัด

ทั้งนี้จากการสืบทราบว่าผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว ค้ายาให้กับกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนทำการล่อซื้อยาจากผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว โดยนัดส่งของกันในสวนปาล์มใกล้บ้านผู้ใหญ่ ขณะเจ้าหน้าที่ทำการจับกุม ผู้ใหญ่อ๊อดได้ยัดยาจำนวน 1.02 กรัมเข้าปาก อีก 7.13 กรัมยัดเข้าในกระเป๋ากางเกง หลังจากตรวจค้นจับกุมเสร็จ ได้นำตัวกลับไปที่บ้าน ซึ่งเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน จากการตรวจค้นในห้องนอน พบลูกชายวัย 17 ปี กำลังเสพยา ตรวจค้นพบยาไอซ์อีก 1 กรัม พร้อมกระสุนปืนลูกซอง 1 นัด

นายนพรัตน์ รับสารภาพว่า เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่บ้านทำให้มีรายจ่ายมาก จากภาระหลายๆอย่าง อีกทั้งภาษีสังคมต่างๆ ขณะที่รายได้นั้นไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องหันมาค้ายาหลังจากเคยทดลองเสพ ไปครั้งหนึ่ง โดยสั่งผ่านนักโทษชายชื่ออดิศักดิ์ จากเรือนจำบางขวาง ทั้งนี้เพิ่งทำได้ประมาณ 5 เดือนกระทั่งถูกจับดังกล่าว








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น