วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สื่อนอกได้กลิ่น โกงงบ2ล้านล. ‘ไอแบงก์’ป่วน ข่าวหน้า 1 12 February 2556



สื่อนอกได้กลิ่น โกงงบ2ล้านล. ‘ไอแบงก์’ป่วน


สื่อนอกเริ่มจับตามหาโปรเจ็กต์ 2 ล้านล้านบาทแล้ว ซัดไทยสวนทางโลกที่พยายามลดหนี้สาธารณะ เย้ย! ผุดโครงการเพื่อให้บรรดาสาวกรถคันแรกมีถนนวิ่ง “สมชัย” ให้เวลา 6 เดือน “ไอแบงก์-ธพว.” แก้หนี้ พร้อมส่งทีมงานจับตารายวัน 
เมื่อวันจันทร์ เว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทม์ส สื่อดังจากสหราชอาณาจักรได้เผยแพร่บทความของเจค แม็กซ์เวลล์ วัตต์ ที่ได้วิจารณ์โครงการ 2.2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ในหัวข้อ “ประเทศไทย : การสร้างที่ไม่จบสิ้น?” โดยระบุว่า  ความกระหายอยากในการก่อสร้างและหนี้สาธารณะของไทยยังห่างไกลจากความอิ่มเอม เห็นได้จากแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ขณะที่หลายๆ ประเทศต่างดิ้นรนพยายามลดตัวเลขหนี้สาธารณะ แต่ไทยกลับมีแผนการใช้เงินระยะยาวประมาณ 2 ล้านล้านบาท ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าจะทำให้หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นเกิน 50% ของจีดีพี จาก 41% ในปัจจุบัน
“แม้โครงการเหล่านี้จะเกิดประโยชน์หลายด้าน รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่มีคำถามตัวโตๆ เกิดขึ้นกับนักเศรษฐศาสตร์และคนไทยทั่วๆ ไปว่า มันจะคุ้มค่างบประมาณหรือไม่ เพราะแผนของรัฐบาลจะมี 57 โครงการครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่การพัฒนาสายรถไฟ, โครงการรถไฟความเร็วสูง และการต่อขยายรถไฟฟ้า ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าจะทำให้ผู้ซื้อรถคันแรก ที่รัฐบาลเป็นผู้อุดหนุนโครงการจะได้ฉลองกันเพราะโครงการเหล่านี้ ทั้งที่การจราจรในปัจจุบันก็แทบจะเป็นอัมพาตอยู่แล้ว”
บทความยังอ้างถึงนักวิเคราะห์ว่า รัฐบาลควรนำเงินไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างทางสังคมในระยะยาว เช่น โครงการเพื่อผู้สูงอายุ, โครงการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และโครงการพัฒนาฝีมือแรงงานมากกว่า ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า รัฐบาลยังไม่ได้คิดให้รอบคอบว่า พวกเขาจะหาเงินมาสนองโครงการที่พวกเขาปรารถนาเหล่านี้อย่างไร เพราะแม้ไทยยังได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ แต่ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวาง และการตักตวงแบ่งส่วนงบประมาณ ที่เห็นได้จากความอื้อฉาวอย่างต่อเนื่องจากการทำสัญญาโครงการต่างๆ ของรัฐ ทำให้ไม่น่าไว้วางใจ
“ดัชนีความโปร่งใสนานาชาติเมื่อปีที่ผ่านมา ไทยตกลงไป 8 อันดับอยู่ที่ 88 จากทั้งหมด 176 ชาติ โดยอยู่ในอันดับเดียวกับมาลาวี, โมร็อกโก และแซมเบีย จึงชัดเจนว่าการหาเงินเพื่อสนับสนุนแผนงานโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นความท้าทายครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือการใช้จ่ายงบประมาณเหล่านั้น”
สำหรับกรณีการฟื้นฟูกิจการของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) นั้น นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะส่งทีมงานเข้าไปติดตามการบริหารแผนฟื้นฟูเป็นรายวัน และให้รายงานนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังทราบทันทีหากมีปัญหา หรือมีอุปสรรคที่ต้องการให้กระทรวงเข้าไปช่วยเหลือ
“จะให้เวลาทั้ง 2 ธนาคารอีก 6 เดือน ให้แก้ไขหนี้เสียให้ดีขึ้นก่อนพิจารณาเพิ่มทุน ซึ่งหากการแก้ไขหนี้เป็นไปได้ดี ก็คาดว่าจะไม่ต้องเพิ่มทุนจำนวนมาก” นายสมชัยกล่าวและว่า การแก้ไขปัญหาหนี้เสียของไอแบงก์ นอกจากจะส่งทีมเข้าไปดูแลรายวันแล้ว ยังจะให้กรรมการผู้จัดการของไอแบงก์จ้างทีมที่ปรึกษาจากข้างนอกมาช่วยดูเรื่องการปล่อยสินเชื่อ, การประเมินปล่อยหนี้ และการปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากกรรมการผู้จัดการเข้ามาบริหารเพียงคนเดียว ไม่มีคนช่วยทำงาน และป้องกันการถูกแทงข้างหลังจากผู้ร่วมงานในธนาคารด้วย
    นายสมชัยยืนยันว่า ไอแบงก์ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง โดยเดือน ก.พ.นี้มีเงินฝากไหลเข้ามา 1 พันล้านบาท แม้เดือนก่อนหน้าลูกค้ารายใหญ่ คือ บริษัทไปรษณีย์ไทยฯ ถอนเงินฝากออกไป 500 ล้านบาท แต่ธนาคารก็ยังคงเดินหน้าปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง 
มีกระแสข่าวว่า พนักงานของไอแบงก์ได้มีการเชิญชวนกันผ่านเฟซบุ๊กว่า จะให้มีการแต่งชุดดำเพื่อต้อนรับการมาตรวจเยี่ยมของนายสมชัยด้วย 
วันเดียวกัน ก่อนเข้าวาระการประชุมวุฒิสภา นายสุธรรม พันธุศักดิ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือเรื่องดังกล่าว และได้ตั้งคำถามว่า ทำไมกระทรวงการคลังในฐานะดูแลเอสเอ็มอีแบงก์ ถึงได้ปล่อยให้ภายใน 2 ปี สร้างหนี้ถึง 4 หมื่นล้านบาท และหากปล่อยไว้อาจทำให้หนี้สาธารณะที่บอกว่ามีไม่ถึง 50% จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงขอให้กระทรวงการคลัง และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
ส่วนนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ของนายกิตติรัตน์ โดยเฉพาะการทำหนังสือไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องนโยบายการเงินและดอกเบี้ย โดยระบุว่าควรใช้วิธีการหารือเป็นการภายในมากกว่า.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น