วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวภาคใต้และข่าวทหาร เมื่อ 19 ก.พ.56




ผู้ว่าฯปัตตานีรับเหตุป่วนมาจากหลายกลุ่มรวม


นายประมุข ละมุลผู้ว่าฯปัตตานี กล่าวในรายการเจาะข่าวเช้านี้ (ช่วงวิเคราะห์เจาะลึก) เอฟเอ็ม101.5เมกะเฮริทซ์กรณีรัฐบาลเตรียมประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาตรา21ในบางพื้นที่จังหวัดชายเเดนภาคใต้ว่าหลังเกิดเหตุวันที่16-17ก.พ.ในจ.ปัตตานีที่ใช้ระเบิดเพลิงเเละระเบิดเเสวงเครื่องที่มีบางส่วนการระเบิดเเละหลายส่วนเก็บกู้ได้นั้น ตอนนี้ใช้เเผนพิทักษ์เมืองปัตตานีในเซฟตี้โซนที่เคยใช้เเละทบทวนเป็นระยะในการสร้างความเชื่อมั่นการดูเเลพื้นที่ โดยดูทางเเยก ทางร่วม การเเบ่งจุดตรวจสกัดเป็นวงรอบดูเเล ตอนนี้มีการเยี่ยมผู้บาดเจ็บเเละเร่งรัดเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตรวมทั้งดูเเลทรัพย์สินที่เสียหาย วันนี้อส.3รายเสียชีวิต บาดเจ็บ11รายเเละปลอดภัยเเล้ว เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะประชาชนเเจ้งเตือนจึงเก็บกู้ได้มากพอควร โดยผู้ก่อเหตุนั้นมุ่งวางเพลิงระเบิดให้ไฟไหม้ บางส่วนที่เสียหายนั้นเป็นเพราะมีการเเอบวางไว้ในร้านเเละเจ้าของร้านไม่รู้จึงปิดร้านไปก่อน การการ้เเต่งกายอำพรางนั้นเคยใช้วิธีนี้หลายพื้นเเละมีการติดตามจากซีซีทีวีรวมทั้งประสานประชาชนดูเเลป้องปรามเเบบใกล้ชิดเเละรอบคอบมากขึ้น ล่าสุดมีเหตุลอบยิงสองรายเเต่ไม่บาดเจ็บมากนักโดยเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ 

ส่วนวิถีชีวิตชาวบ้านจ.ปัตตานีในช่วงจากนี้ไปนั้น นายประมุขกล่าวว่า ตอนนี้อ.เมืองอาจเงียบไปบ้างในด้านการค้าขายหากลดเหตุรุนเเรงสถานการณ์จะดีขึ้น จุดที่อส.3รายตายนั้นอยู่นอกเขตเซฟตี้โซนเพราะมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ได้ ตอนนี้ชาวบ้านร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้นโดยเเจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่มากขึ้นตรงนี้น่าสร้างความเชื่อมั่นได้จากนี้จะมีอส.เเละตำรวจเข้ามาเพิ่มกำลังในพื้นที่ ส่วนระบบกำนันนิวส์นั้นจะส่งข่าวเเจ้งเตือนเเละใช้บทบาทกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เเละชรบ.ดูเเลรวม8-9000คนเป็นเครือข่ายดูเเลพื้นที่เเละหากเกิดเหตุระบบนี้จะติดตามเเบบรวดเร็ว โดยให้ประชาสังคมมีส่วนร่วม เช่นสังเกตยานยนต์เเละคนเเปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ต้องเเจ้งเบาะเเสทันทีเเละน่าเป็นโอกาสดีในการดูเเลบ้านเมือง

ส่วนรัฐบาลเตรียมประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาตรา21นั้น นายประมุขกล่าวว่า วันนี้ใช้กฎหมายพิเศษควบคู่คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ร่วมกับพรก.ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก โดยที่กฎหมายเหล่านี้อาจลิดรอนสิทธิประชาชนบ้างเเต่กำชับเจ้าหน้าที่ในการใช้กฎหมายเหล่านี้อยู่เเล้ว ส่วนพรบ.มั่นคงใช้บางพื้นที่เเละสถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีเเละจะนำมาใช้เเทนสองกฎหมายข้างต้น เเละกฎหมายพิเศษนั้นยังจำเป็นในการใช้ในพื้นที่เเละบางอำเภอจะนำพรบ.มั่นคงมาใช้หลังเจ้าหน้าที่หารือกันเเล้วเพื่อให้โอกาสผู้ก่อความไม่สงบมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ส่วนสาเหตุการก่อเหตุนั้นหลายฝ่ายวิเคราะห์กันต่างมุมมอง ข้อเท็จจริงคืออะไร นายประมุขกล่าวว่า รวมกันหมดเป็นเเนวทางเดียวกันโดยเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย ตั้งเเต่เเบ่งเเยกดินเเดนที่คนจำนวนหนึ่งที่คิดเเบบนี้ การค้าของเถื่อน การค้ายาเสพติด เเละรวมทั้งยังไม่รู้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสาเหตุใด ส่วนคนก่อเหตุนั้นเป็นคนในพื้นที่ที่หลบหนีไป ส่วนชายเเดนนั้นก็มีการประสานเพื่อนบ้านช่วยดูเเล 

นายประมุขกล่าวว่าส่วนควาาจำเป็นของคนในรัฐบาลที่ดูเเลนโยบายภาคใต้ต้องลงพื้นที่เเละให้ความสำคัญกับการลงมือก่อเหตุหรือไม่นั้น ขอเรียนว่านโยบายนายกฯชัดเจนเเล้วเเละพวกตนสนับสนุนนโยบายของเเกนนำรัฐบาลในการออกนโยบายนี้ เเต่บางโอกาสก็ควรลงพื้นที่บ้างเพื่อติดตามข้อเท็จจริงเเละให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บ้าง เเต่ไม่ต้องลงมาบ่อย เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานตลอด รวมทั้งนำปรัชญาเข้าใจ เข้าถึง พัฒนามาใช้ เเต่ต้องกำกับดูเเลประเมินผลใกล้ชิดเเละเจ้าหน้าที่บางส่วนอาจกระทำการที่เข้าเงื่อนไขรบกวนชาวบ้านบ้าง

รัฐบาลตั้งกลุ่มวาดะห์เป็นที่ปรึกษาดับไฟใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนประชุมครม. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้ทีมงานนำคำสั่งสำนักนายกฯที่56/2556 ลงวันที่19ก.พ. 2556 เรื่องเเต่งตั้งที่ปรึกษารองนายกฯ เพื่อให้ดำเนินการด้านการข่าวเเละขับเคลื่อนนโยบายการเเก้ไขปัญหาจังหวัดชายเเดนภาคใต้จำนวน9คน โดยอำนาจหน้าที่ของที่ปรึกษารองนายกฯชุดนี้คือ เพื่อให้การดำเนินการด้านการข่าวเเละงานด้านการขับเคลื่อนนโยบายเเละยุทธศาสตร์การเเก้ไขจังหวัดชายเเดนภาคใต้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ บทบาทเเละภารกิจที่เปลี่ยนเเปลงไป อันจะก่อให้เกิดผลดีกับทางราชการ ทั้งนี้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา11(6)เเห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเเผ่นดิน พ.ศ.2534

โดยที่ปรึกษารองนายกฯ9คนประกอบด้วยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายเด่น โต๊ะมีนา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายซูการ์โน มะทา นายนัจมุจดิน อูมา นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา นายอับดุลเร๊าะห์มาน อับดุลสมัด นายสุทธิพันธุ์ ศรีริกานนท์ เเละนายสุดิน ภูยุทธานนท์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ปรึกษารองนายกฯ9คนนี้เป็นสมาชิกกลุ่มวาดะห์เเละเคยสังกัดพรรคความหวังใหม่ พรรคไทยรักไทย รวมทั้งพรรคพลังประชาชนเเละพรรคเพื่อไทย คนกลุ่มนี้มีบทบาทสูงทางการเมืองในพื้นที่ เช่นนายวันมูหะมัดนอร์เคยเป็นประธานสภาผู้เเทนราษฎรสมัยรัฐบาลพรรคความหวังใหม่ รมว.คมนาคม รมว.มหาดไทย รมว.เกษตรเเละสหกรณ์ เเละรองนายกฯสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร,นายเด่นเคยเป็นรมช.มหาดไทย เเละเป็นส.ว.ปัตตานี, นายอารีเพ็ญ นายนัจมุจดิน นายสุทธิพันธุ์ นายสุดิน เคยสมัครส.ส.ในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ในนามพรรคไทยรักไทย,นายซูการ์โนเป็นน้องชายนายวันมูหะมัดนอร์, นางสาวเพชรดาวเป็นบุตรสาวของนายเด่นเป็นต้น

รวบมือประกอบระเบิด2ราย พบก่อเหตุไม่ต่ำกว่า10คดี

เมื่อเวลา 05.30 น.วันที่ 19 ก.พ.56 พ.ท.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 สั่งการให้ ร.อ.รณภัทร เชาวนเกตุ นายทหารฝ่ายยุทธการ ฉก.นราธิวาส 30 นำกำลังสนธิกับชุดสลาตันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รวม 50 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 5 เป้าหมายในพื้นที่ บ.บาโงมือรือบา ม.6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ เพื่อติดตามไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภายหลังรับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่ามีชายฉกรรจ์ต้องสงสัยกบดานในบ้านพักหลังหนึ่ง คาดว่าอาจเตรียมวางแผนก่อเหตุร้ายต่อเจ้าหน้าที่และผู้บริสุทธิ์ 

เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังเดินเท้าถึงบริเวณบ้านพักหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านในป่าสวนยางพารา จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น โดยชายฉกรรจ์ 1 คนได้วิ่งหนีไปในป่ารกทึบ ส่วนอีก 1 คนหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธปืนจึงได้บุกเข้าไปทำการจับกุมทั้งในบ้านพักและในป่ารกทึบไว้ได้สำเร็จ ก่อนควบคุมตัวทั้ง 2 รายพร้อมของกลางที่ถูกซุกซ่อนไว้จำนวนหลายรายการมาสอบสวนและตรวจสอบที่กองบังคับการ ฉก.นราธิวาส 30 ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดสวนธรรม อ.รือเสาะ

พบว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 รายคือ 1.นายไอลือมาน เจ๊ะหะมะ อายุ 33 ปี หรือชื่อจัดตั้งว่า มัง ยะบะ อยู่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญาจำนวน 2 หมายและ พ.ร.ก.อีก 2 หมาย ในคดีวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ปี 51 ที่ผ่านมา เหตุเกิดในเขตเทศบาล ต.รือเสาะ โดยนายไอลือมานเป็นมือประกอบระเบิดที่เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของ อ.รือเสาะ 

และ 2.นายอาลี บากา หรือชื่อจัดตั้งว่า ไซดี อายุ 30 ปี อยู่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญาจำนวน 1 หมาย และเป็นสมาชิก RKK ที่ลงมือก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คดี

ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้จำนวนหลายรายการ อาทิ อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 9 มม.26 นัด กระสุนขนาด .22 รวม 4 นัด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ซองกระสุน แม็กกาซีน เงินสด ผ้าโสร่ง กระเป๋า เปลสนาม เสื้อผ้า รองเท้า และลูกประคำ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานชุดนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝงเพื่อสาวไปถึงคดีความมั่นคงต่างๆในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปสอบสวนขยายผลเครียดที่กรมทหารพรานที่ 46 ต่อไป

สว.แนะเฉลิมอ่านนโยบาย-ยุทธศาสตร์แก้ไฟใต้55-57

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาความรุนแรงในสถาการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงนั้น ในการประชุมวุฒิสภาวันนี้ได้มีส.ว.ที่เกี่ยวข้องได้เสนอความเห็นเพื่อให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา โดยนายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ศึกษาและอ่านนโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2555 - 2557 ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเป็นการจัดทำนโยบายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 มาตรา 4 ที่ระบุให้ สมช. จัดทำนโยบายดังกล่าว เนื่องจากการจัดทำนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทาง สมช. ได้รับฟังจากประชาชนในพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานความมั่นคงที่ทำงานในพื้นที่ ซึ่งถือว่านโยบายฯ เป็นการสะท้อนความคิดของคนในพื้นที่ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้

"รัฐบาลที่ผ่านมารวมถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้นำยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาปฏิบัติใช้ ดังนั้นผมขอเรียกร้องให้รองนายกฯ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกลับไปอ่านนโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2555 - 2557 แต่หากอ่านแล้วไม่เข้าใจ ขอให้ลาออกจากการทำหน้าที่เพื่อให้รัฐบาลหาบุคคลที่ดีกว่าเข้ามาแก้ปัญหาแทน" นายประเสริฐ กล่าว

ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวในประเด็นเดียวกันว่าขอเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหา อย่ามุ่งแต่ทำงานในห้องแอร์ และขอให้ลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ต้องรอให้แล้วเสร็จการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และขอเรียกร้องไปยัง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. ให้ทำงานมากกว่าพูด นอกจากนั้นแล้วในแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ขอให้รัฐบาลน้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาปฏิบัติ ส่วนกรณีที่จะให้กลุ่มบุคคลใดมาเป็นที่ปรึกษาควรระวังเรื่องข่าวสารของบ้านเมืองด้วย

ผบ.สส.ติงสื่ออย่าเสนอข่าวไทยน่ากลัว

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทยถูกมองว่า ผู้ก่อการร้ายมักเข้ามาหลบหนีเข้ามาอยู่ภายในประเทศ ว่า สื่อถือว่ามีความสำคัญ ประเทศไทยโดยเฉพาะกทม. ถือว่าเป็นเมืองอันดับ 1 ที่น่ามาเที่ยว แต่การที่สื่อนำเสนอข่าวที่น่ากลัว ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีอะไรถือเป็นเรื่องเดิม ดังนั้นต้องช่วยกัน ส่วนการดำเนินการตรวจสอบคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศนั้น แต่ละประเทศจะมีวิธีการของเขา บางประเทศตรวจมาก บางประเทศตรวจน้อย แต่การปล่อยข่าวถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เช่น ในการปล่อยข่าวว่าจะมีการก่อการร้ายที่สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ในจ.เชียงใหม่ ซึ่งเราได้มีการตรวจสอบถึงสาเหตุของข่าวถือว่า ต้องตื่นตัวไว้ก่อน แต่ตื่นตัวมากไปก็ไม่ดี บ้านเมืองเราเป็นเมืองที่ที่น่าอยู่ แต่ไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ก่อการร้าย

"ประเทศไทยมีนโยบายในการเปิดประเทศ ใครๆ ก็มาได้ เมื่อเราเปิดประตูแล้วอะไรก็เข้ามาได้ ดังนั้นการคัดกรอง การแลกเปลี่ยนข่าวสารกับหน่วยข่าวถือเป็นสิ่งสำคัญ และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผมมั่นใจว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ กองทัพ พลเรือน หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ต้องทำงานอย่างขะมักเขม้นตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งประเทศไทยไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่หนักหนาจริงๆ แต่เราพยายามจะให้เป็นข่าว ผมจึงอยากให้สื่อเสนอข่าวในขอบเขตที่เหมาะสม และไม่ให้น่ากลัวเกินไป ข่าวที่จะมีการก่อเหตุที่สถานกงสุลเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นในขณะนี้ ข่าวก่อการร้ายที่ได้มาสิ่งแรกต้องให้น้ำหนักและตรวจสอบ แต่ไม่ใช่ตื่นตูม ต้องดูว่า แต่ละขั้นควรมีความตื่นตัวแค่ไหน ข่าว คือ ข่าว ข่าวกรองคือข่าวกรอง ถ้าเป็นข่าวสารใครก็สามารถพูดได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองมีการนำเสนอถึงประเด็นดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับความมั่นคง เพราะทั้งผ่ายการเมือง และฝ่ายความมั่นคง ต้องมีการประสานข้อมูลจากฝ่ายการเมืองอยู่แล้ว เราไม่มีปัญหาเรื่องข้อมูลข่าวสาร เพราะเรามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่แล้ว ซึ่งการบอกถือเป็นการปรามอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้รับผิดชอบในขณะนั้นว่า มีวิจารณญาณอย่างไร"พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว

ผบ.ทบ.ไม่หนักใจกลุ่มวาดะห์นั่งที่ปรึกษาแก้ไฟใต้



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 56/2556 เรื่องการแต่งตั้งกลุ่มวาดะห์ 9 คน มาเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีว่า ตนเชื่อว่ารัฐบาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งคงต้องดูเรื่องการทำงานกันต่อไป ทั้งนี้การเชิญบุคคลทั้ง 9 คนมาเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีนั้นรัฐบาลอาจต้องการคนมาร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อให้ตกตะกอนมากขึ้น ส่วนกรณีที่ 1 ในกลุ่มวาดะห์เคยถูกตั้งข้อหากบฏแบ่งแยกดินแดนมาก่อน ตนมองว่าอย่าไปมองแบบนั้น เพราะการคุยกันต้องคุยกันหลายฝ่าย รัฐบาลคงคิดรอบคอบแล้ว ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงว่า จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในพื้นที่หรือไม่นั้น คิดว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก เพราะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ทำงานของตนเองไป ซึ่งรัฐบาลน่าจะทำความเข้าใจกับประชาชนได้ และเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจว่า รัฐบาลพยายามช่วยแก้ไขปัญหา

เมื่อถามต่อว่าหนักใจหรือไม่ ที่มีการแต่งตั้งกลุ่มวาดะห์ 9 คนมาเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เพราะประชาชนในพื้นที่ยังมีอคติกับคนกลุ่มนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจ และไม่เคยหนักใจ เพราะทหารมีหน้าที่ทำงานตามคำสั่งของรัฐบาล ถ้าเขาเข้ามาช่วยแก้ปัญหาก็เป็นสิ่งที่ดี ส่วนทหารก็ทำงานต่อไปไม่มีปัญหา

ผบ.เหล่าทัพพร้อมหนุนแผนรบ.แก้ใต้


ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เรื่องการสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาทางภาคใต้ได้เน้นย้ำให้ทุกเหล่าทัพได้ทำเต็มความสามารถ ส่วนการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทนพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่นั้น จะดีหรือไม่ เรามีคณะกรรมการ และผู้รับผิดชอบในการพิจารณาอยู่แล้ว ส่วนของเหล่าทัพก็ทำตามหน้าที่ของตนเอง สิ่งไหนที่สนับสนุนได้ก็ทำกันไป ทั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานของความสุขและความถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมในเบื้องต้น

ผบ.เหล่าทัพถกฝึกคอบร้าโกลด์


เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในการประชุมผบ.เหล่าทัพ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง โดยพล.อ.ธนะศักดิ์ แถลงผลการประชุมผบ.เหล่าทัพว่า ในที่ประชุมมีการรายงานให้รับทราบถึงการฝึกคอบร้าโกลด์ 2013 การฝึกการต่อต้านการก่อการร้ายสากล สุรนารี 56 รวมถึงติดตามการเตรียมความพร้อมการฝึกร่วมกองทัพไทย ในปี 2556 การเตรียมความพร้อมการฝึกของกองทัพ ประเทศสมาชิกอาเซียน ด้านการช่วยเหลือ ด้ามมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติ ครั้งที่ 2 ที่ประเทศบรูไน และการฝึกบรรเทาสาธารณภัย (ARF DIREX 2013) ในจังหวัดเพชรบุรี พร้อมทั้งเน้นให้ทุกเหล่าทัพเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนรัฐบาบาลในการบรรเทาสาธารณภัย ร่วมถึงการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การฝึกคอบร้าโกลด์ เพื่อหาจุดหรือรอยรั่วในสิ่งที่แต่ละประเทศยังมีความขาดแคลนอยู่ เพื่อทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ โดยจะมีตำรวจเข้ามาร่วมการฝึกด้วย ทั้งนี้ในฐานะที่พม่าเป็นเพื่อนบ้านกับไทย เราจึงได้เสนอไปทางประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ควรให้พม่าเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งพม่าก็ได้เข้าร่วมตามที่ได้ขอไป โดยเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ ส่วนตัวแล้วตนกับผู้นำทางทหารของพม่าก็สนิทกัน ซึ่งปีนี้เป็นปีครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ไทย-พม่าจึงได้จัดให้มีการแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธไมตรี โดยในปีนี้ยังมีเรือรบของพม่าจะมาเยือนไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สำหรับการเตรียมความพร้อมการฝึกของกองทัพ ประเทศสมาชิกอาเซียนนั้น เป็นการทดสอบแผน ตั้งแต่การส่งกำลัง การฝึกใช้กำลัง การฝึกผสมจริง และเป็นการสร้างวินัย ขณะนี้ตนกำลังผลักดันกองกำลังรักษาสันติภาพ หากมีความจำเป็นที่จะส่งกำลังไปช่วยองค์การสหประชาชาติ(UN) หรือไปช่วยการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ซึ่งแทนที่ประเทศไทยจะไปประเทศเดียว เราจะส่งกองกำลังอาเซียนทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เป็นทีมไปช่วยเขาในนามของอาเซียน

มุสลิมใต้เตือนรัฐงัดมาตรา21หวั่นเป็นดาบสองคม


วันนี้ (19 ก.พ.2556)นายนิมุ มะกาเจ ผู้นำศาสนาและผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า สาระสำคัญของพระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ 2551มาตรา 21 ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอบังคับใช้ในพื้นที่จังหวัดชายเเดนภาคใต้นั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาที่หลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งต้องการกลับใจเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายกำหนดคือ เข้ารับการอบรมเป็นเวลา 6 เดือนก่อนจะเป็นอิสระสามารถออกไปใช้ชีวิตตามปกตินั้น เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้เป็นอย่างดีหากทำอย่างจริงจังและมั่นคง 

ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวอาจเป็นเหมือนดาบสองคมที่เพิ่มหรือเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์ในพื้นที่รุนแรงมากกว่าเดิมก็เป็นได้หากรัฐไม่ระวัง เนื่องจากนโยบายของรัฐบ่อยครั้งที่ไม่ชัดเจนและไม่จริงจังต่อมาตรการหลายๆมาตรการ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความสับสนกับการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างน้อย 2-3 ฉบับในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายฉุกเฉิน, พ.ร.ก.ความมั่นคง และกฎอัยการศึก ซึ่งกฎหมายแต่ละฉบับมีการบังคับใช้ที่แตกต่างกันไปซึ่งการบังคับใช้นั้นไม่ได้เฉพาะกรอบกฎหมายเท่านั้นแต่ขึ้นอยู่กับผู้นำกฎหมายไปบังคับใช้ด้วย ดังนั้นหากมีการนำมาตรา 21 มาบังคับใช้จริงรัฐบาลต้องชัดเจนในการบังคับใช้

เช่น เงื่อนไขของการเข้ามอบตัวของผู้หลงผิด ซึ่งหากเจ้าทุกข์ไม่ยินยอมหรือยอมความในทางคดีที่ผู้หลงผิดเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วก็ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ 2-6 เดือนได้เพราะต้องต่อสู้ทางคดีในชั้นศาลจนกว่าจะสิ้นสุดซึ่งหมายถึงต้องใช้เวลานาน ดังนั้นหากมีผู้หลงผิดเข้ามอบตัวแล้วแพ้คดีหรือไม่ได้รับอิสระตามมาตรากำหนดก็เท่ากับรัฐบาลต้องเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าหลอกให้เข้ามอบตัว ซึ่งจะนำมาสู่ความไม่พอใจหรือต่อต้านมาตรการดังกล่าวไปโดยปริยายเพราะถือว่ารัฐไม่ได้ช่วยอย่างจริงจัง

"ยอมรับว่าชาวบ้านในพื้นที่สับสนกับกรอบของกฎหมายที่มากกว่าหนึ่ง ดังนั้นการกำหนดมาตรการใหม่ๆออกมาเพิ่มเติม รัฐบาลต้องชัดเจนในการนำมาใช้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเป้าหมายการแก้ไขปัญหาจะกลายเป็นการเพิ่มปัญหาไปโดยปริยาย เพราะหากมีบุคคลหนึ่งเชื่อว่าการเข้ามอบตัวกับรัฐเป็นการถูกหลอกให้ปฏิบัติแต่แท้จริงไม่สามารถหลุดพ้นจากความผิดที่ไม่ตั้งใจได้แล้วความค้างคาใจดังกล่าวจะกลายเป็นปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข ดังนั้นรัฐบาลต้องระมัดระวังในการบังคับใช้กฎหมายอย่างรอบคอบจริงจังและจริงใจ"นายนิมุ กล่าว

ผบ.สส.เชื่อพม่าปิดซ่อมท่อก๊าซไม่กระทบไทยขาดไฟฟ้า


ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งว่า ทุกเหล่าทัพได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่จุดประสงค์ของเรา อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะยังมีปัญหาเรื่องภัยแล้งอยู่ ซึ่งในฐานะที่กองทัพมีความพร้อมทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ก็จะทำอย่างเต็มที่ เรื่องการช่วยเหลือประชาชนไม่จำเป็นต้องสั่งเพราะถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกเหล่าทัพต้องทำอยู่แล้ว

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ไทยจะได้รับผลกระทบด้านพลังงานไฟฟ้าจากกรณีที่พม่าจะปิดซ่อมบำรุงท่อก๊าซธรรมชาติในช่วงเดือนเม.ย.นี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทับกับเรามากนัก ส่วนของเหล่าทัพได้เริ่มโครงการประหยัดพลังงานไฟฟ้ามานานแล้ว โดยกำหนดระยะเวลาในการเปิด-ปิดแอร์และไฟฟ้า ซึ่งทหารถือว่า มีวินัยกฎระเบียบต่างๆเราทำได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คิดว่าพลังงานไฟฟ้าไม่น่าจะขาดมากนัก แต่ฝึกให้ทุกคนรู้จักประหยัดเพื่อให้ติดเป็นนิสัย ทั้งนี้พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม จะมีการทำสัญญาร่วมกับกระทรวงพลังงานในการเปลี่ยนหลอดไฟมาใช้เป็นหลอดแบบประหยัดพลังงาน ซึ่งต้องมีการเซ็นบันทึกข้อตกลง MOU

โจรใต้ป่วนยะลา ปาระเบิดใส่กลุ่มทหารเจ็บ 8 นาย


ศูนย์รวมข่าวสภ.เมืองยะลา รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่กลุ่มทหาร ร้อย ร.5032 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ภายในวัดหลัก 5 ถนนสายยะลา-บุดี อ.เมือง จ.ยะลา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารกำลังอออกกำลังกาย เบื้องต้นแรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังทราบเหตุ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อม พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้ง สั่งปิดเส้นทางการจราจร ตั้งแต่ แยกมลายูบางกอก ไปจนถึง แยกปารามีแต ซึ่งผ่านจุดที่เกิดเหตุหน้าวัดหลัก 5 โดยเมื่อถึงที่เกิดเหตุ ที่บริเวณสนามฟุตบอลด้านข้าง ริมกำแพงวัดด้านหน้า เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดบนพื้นซีเมนส์ และพบหลุมที่เกิดจากระเบิดกว้างประมาณ 1 ฟุต ลึก 20 ซม. โดยที่บริเวณใกล้ประตู เจ้าหน้าที่พบกระเดื่อง ระเบิดชนิดขว้าง เอ็ม 26 ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวนหลายนาย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลยะลาเป็นการด่วนแล้ว

ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ 1.จสอ.มนัส หมักอู อายุ 38 ปี 2.พลฯมูฮัมหมัดซากี ดอละ อายุ 22ปี 3.สอ.พงศักดิ์ บุญเกิด อายุ 30 ปี 4.พลฯขจรศักดิ์ นพคุณ อายุ 23 ปี 5.สอ.พิสูรย์ สุรศร อายุ 28 ปี 6.พลฯภานุพงศ์ ดำถัว อายุ 22 ปี 7.พลฯดุลเลาะ ลีหมาน อายุ 23 ปี และ8.พลฯสันติ จัทรมโน อายุ 22 ปี ทั้งหมดสังกัด ร้อย ร 5032 ฉก.ยะลา 11

จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า ขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ภายในวัดหลัก 5 ได้เล่นกีฬา และออกกำลังกาย ช่วงเย็นกันอยู่ จากนั้น ก็มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ คนขับสวมเสื้อดำ คนนั่งซ้อนท้ายสวมเสื้อสีขาวมีผ้าคลุมศีรษะคล้ายสตรีมุสลิม ขับผ่านเลยไปก่อนที่จะจอดรถแล้ววิ่งลงจากรถ โยนระเบิดสังหาร ข้ามกำแพงวัดเข้ามาตก กลางสนาม ทำให้มีผู้บาดเจ็บดังกล่าว แล้ววิ่งขึ้นรถหลบหนีไป ซึ่งกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าจุดตรวจสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด

ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้วิทยุ ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจรอบเขตเทศบาลนครยะลา ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตรา รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมถึงบุคคล ต้องสงสัย ที่อาจจะลักลอบเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น