วันที่19 ก.พ. 56 ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.1818 /2549 ที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคไทยรักไทย มอบอำนาจให้นาย นพดล มีวรรณะ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) , นาย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม. , นาย ชัยอนันต์ สมุทวณิช , นาย ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ และคอลัมนิสต์ , บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบ ดาวเทียม ASTV , นาย จิตตนาถ ลิ้มทองกุล , นาย พชร สมุทวณิช , นายขุนทอง ลอเสรีวานิช กรรมการ บ.ไทยเดย์ ฯ , บริษัท แมเนจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน), น.ส. เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ ผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ.แมเนเจอร์ และนาย ปัญจภัทร อังคสุวรรณ ผู้ดูแลเว็บไซต์แมเนเจอร์ เป็นจำเลยที่ 1-11 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นด้วยการโฆษณา
กรณีเมื่อวันที่ 24 -28 พฤษภาคม 2549 พวกจำเลยได้ร่วมกันจัดเสวนาเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย ซึ่งถ่ายทอดสดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ASTV และเว็บไซต์ผู้จัดการหมิ่นประมาทโจทก์ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่การปกครองในระบอบทักษิณโดยมุ่งหมายเข้าบริหารประเทศตามปฏิญญาฟินแลนด์ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสีย ชื่อเสียง คดีนี้ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้ว พิพากษายกฟ้อง โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานายปราโมทย์ นาครทรรพ จำเลย ที่4 ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยศาลเห็นว่า คดีนี้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาหลายครั้งเเล้ว ถ้าจำเลยที่เหลืออีก10 คนคัดค้านศาลก็จะอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 4 ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ให้ออกหมายจับจำเลยที่4 มาฟังคำพิพากษาที่หลังเเต่ปรากฏว่าจำเลยทั้ง10คนไม่คัดค้าน อีกทั้งทนายความจำเลยที่4ได้แถลงต่อศาลว่า จำเลยที่4 มีอาการป่วย และพักรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ และเตรียมจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ แต่แพทย์ ตรวจอาการแล้วไม่อนุญาตให้เดินทางกลับเพราะหากเดินทางในตอนนี้อาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงขอศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกไปก่อน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่4 มีเหตุจำเป็นและคู่ความทั้งหมดไม่คัดค้านจึงนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้งในวันที่12 มีนาคม นี้ เวลา 09.00น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น