วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ลำดับเหตุการณ์ ยิง แกนนำอาร์เคเค-สมุนดับ 17 เมื่อ 14 ก.พ.56





'นาวิก'ย้อนรอยอาร์เคเค เกลื่อน17ศพ แผนตีฐานรั่วส่ง'ซีล'รับ

60โจรใต้บุก-กระเจิง ปิดพื้นที่24ชม.ล่าต่อ ตรึงเข้ม-หวั่นเอาคืน



ตรวจพิสูจน์ - เจ้าหน้าที่เข้าตรวจพิสูจน์ศพคนร้ายที่ถูกยิงเสียชีวิต ในการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหารช่วงเช้ามืด โดยคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 17 ราย ที่บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์
'ปู'ชมงานข่าวกรองดีขึ้นหลัง 60 โจรใต้เหิมบุกถล่มฐานทหารนราฯแต่ข่าวรั่ว

@ บุกถล่มฐานทหารกลางดึก

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ นายมะรอโซ จันทราวดี แกนนำโจรใต้กลุ่มอาร์เคเค และพวกแต่งกายในชุดคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 50-60 คน พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 กองทัพเรือ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนยางพารา ริมถนนบ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยฝ่ายทหาร ซึ่งทราบเบาะแสมาก่อนและเตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว ได้ยิงตอบโต้จนเกิดการยิงปะทะกันเป็นระลอกนานกว่า 1 ชั่วโมง 

หลังทราบเหตุนายอนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอบาเจาะ และ พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.บาเจาะ ได้สนธิกำลังตำรวจและ อส.รุดเข้าไปช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุได้ เนื่องจากคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบ และตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางถนนเอาไว้หลายจุด

@ ยิงต่อสู้เดือดกว่า1ชั่วโมง

กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง พ.ต.อ.ภักดีได้รับแจ้งจาก น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้ว โดยในจุดยิงปะทะกันพบคนร้ายเสียชีวิตหลายคน แต่ยังมีคนร้ายอีกจำนวนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 30-40 คน พากันหลบหนีไปคนละทิศละทาง จึงขอให้ตำรวจจาก สภ.โดยรอบของจุดเกิดเหตุ คือ อ.ยี่งอ, อ.รือเสาะ และ อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส รวมถึงตำรวจ สภ.กะพ้อ, สภ.สายบุรี และ สภ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ที่ตั้งด่านสกัดเส้นทางหลบหนีของคนร้ายให้เพิ่มความระมัดระวังป้องกันตนเองให้มากขึ้น เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนติดกล้องอินฟาเรดหลายกระบอก

@ คนร้ายวางบึ้มสกัดจนท.ช่วย

ต่อมาเวลา 03.30 น. พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รอง ผบช.ศชต.) ได้นำกำลังจำนวนหนึ่งเดินทางจาก จ.ยะลา มาสมทบที่ สภ.บาเจาะ รอจนฟ้าสว่างเวลาประมาณ 06.00 น. จึงได้นำกำลังทั้งหมดเดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุโดยใช้ถนนสาย อ.บาเจาะถึงบ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส พบว่าคนร้ายได้ตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางถนนเอาไว้หลายจุด และโรยตะปูเรือใบ โดยเฉพาะที่บริเวณหัวสะพานบ้านบือแนปีแย หมู่ 1 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ คนร้ายได้วางระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้มหนัก 50 กก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ที่ลากสายไฟยาวไปในป่ารกทึบริมทาง เพื่อสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุน โดยต้องใช้เวลาเคลียร์จุดต่างๆ นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถเข้าไปยังฐานปฏิบัติการได้อย่างปลอดภัยเมื่อเวลาเกือบ 08.00 น.

@ พบ'อาร์เคเค'พรุน16ศพ

เมื่อมาถึงหน้าฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 จุดสมรภูมิเลือด พบศพคนร้ายในสภาพแต่งกายในชุดพรางใส่เสื้อเกราะแบบทหาร ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกไหมพรม นอนเสียชีวิตถูกเจ้าหน้าที่ยิงจนพรุนไปทั้งร่าง กระจายกันอยู่ตามโคนต้นยางพาราที่คาดว่าใช้เป็นจุดกำบัง จุดละ 1-2 ศพ นับได้จำนวน 17 ศพ ข้างกายมีอาวุธปืนอาก้า และปืนเอ็ม 16 ครบมือทุกคน จากการตรวจสภาพศพทราบชื่อเพียงแค่ 3 คน คือ 1.นายมะรอโซ จันทราวดี แกนนำกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคง 11 หมาย และเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมายจับที่ออกโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯอีก 3 หมายจับ ทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อเหตุบุกสังหารโหดครูชลธี เจริญชล ครูโรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ เสียชีวิตอีก 1 คดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา 2.นายซาอูดี อาลี และ 3.นายซาบีรี โลตาเซะ ส่วนอีก 13 ศพ ยังไม่ทราบชื่อ เพราะเป็นบุคคลต่างถิ่น

นอกจากนี้ บนถนนห่างจากปากทางเข้าฐานปฏิบัติการทหาร 50 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บค 7968 ยะลา พาหนะของคนร้ายจอดอยู่ในสภาพถูกกระสุนปืนยิงพรุนไปทั้งคัน ในกระบะหลังรถมีเป้สนามวางอยู่ 8 ใบ ภายในมีปืนพกสั้น ระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้าง โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และเครื่องยังชีพอื่นๆ อีกหลายรายการ

@ 'ผบ.ฉก.32'เผยนาทีปะทะ

น.ท.ธรรมนูญเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า นายมะรอโซ แกนนำอาร์เคเคจะนำกำลังเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหาร เพื่อล้างแค้นให้กับนายสุไฮดี ตาเห อายุ 31 ปี สมุนคนสนิท ซึ่งเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุบุกยิงครูชลธีเสียชีวิต และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ทางทหารจึงได้วางแผนตั้งรับ ทำให้นายมะรอโซและกลุ่มคนร้ายเสียชีวิตถึง 17 ศพดังกล่าว

ส่งศพ - เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนำศพที่เสียชีวิตจากเหตุยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร ในพื้นที่บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มอบให้กับญาติเพื่อนำไปทำพิธีฝังศพต่อไป เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์


"หลังเจ้าหน้าที่วิสามัญนายสุไฮดี ยังสามารถตรวจยึดแผนผังและเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการบุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 สังกัด ฉก.นราธิวาส 32 เจ้าหน้าที่จึงได้วางมาตรการรับมือกลุ่มคนร้ายที่จะบุกถล่ม จนกระทั่งได้ก่อเหตุบุกโจมตีฐานกลางดึกที่ผ่านมา ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังพร้อมๆ กัน เจ้าหน้าที่ซึ่งพร้อมรับมืออยู่แล้วได้ใช้อาวุธปืนยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายเป็นละรอกๆ นานกว่า 1 ชั่วโมง โดยกลุ่มคนร้ายอีกชุดหนึ่งได้ทำหน้าที่ตัดต้นไม้ขวางถนน โรยตะปูเรือใบและวางระเบิดแสวงเครื่องสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ จนกลุ่มคนร้ายเพลี่ยงพล้ำถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตรวม 17 ศพ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30 คน ได้นั่งรถกระบะหลบหนีไปได้" น.ท.ธรรมนูญกล่าว และว่า ในจำนวนที่หลบหนีบางคนถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บไปด้วย จึงได้สั่งการให้สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ในพื้นที่เขตรอยต่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สกัดกั้นรถกระบะของคนร้ายดังกล่าว

@ ส่งหน่วย'รีคอน-ซีล'รับมือ

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ว่าภายหลังเจ้าหน้าที่ทหารได้รับข้อมูลว่า จะมีการก่อเหตุบุกโจมตีหน่วยเฉพาะกิจ 32 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.บาเจาะ ทางผู้ใหญ่ในกองทัพเรือได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก (รีคอน) 11 นาย ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของหน่วยนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ซีล) 11 นาย ไปประจำการที่ฐานดังกล่าว เพื่อร่วมปฏิบัติการและรับมือกับกลุ่มคนร้ายที่จะก่อเหตุ ทำให้เหตุการณ์ปะทะไม่เกิดความสูญเสียในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหาร

@ เผยชื่อ16ศพแนวร่วม

เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารเรือหลังปะทะกับกลุ่มคนร้าย พร้อมกับกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องใช้อาวุธป้องกันเหตุจนกลุ่มก่อความไม่สงบเสียชีวิตไปหลายคน และเชื่อว่าในพื้นที่เองน่าจะมีกลุ่มคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บหลบซ่อนอยู่อีก ทั้งนี้ของกลางที่ยึดได้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งขยายผลเพื่อจับคนร้ายเพิ่มด้วย

เมื่อเวลา 15.10 น. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายที่เสียชีวิตประกอบด้วย นายมะรอโซ จันทรวดี, นายซาอูดี อาลี, นายซาบีรี โลตาเซะ, นายมะไพดี ปูเต๊ะ, นายกาสมัน มะเด็ง, นายปรือกิ นิมิง, นายรอมือลี ซาเระ, นายมะสักกรี สะสะ, นายฮาเซ็ม บือราเฮง, นายมะนัง บือราเฮง, นายอาหะมะ โซะกุนิง, นายมะตอเฮ แฉะ, นายอับดุลเลาะ โต๊ะม๊ะ, นายมะยุดดิน รีรา, นายมัสลัน มะลี และนายอัสรี รอเป็ง นอกจากนี้ สามารถตรวจยึดระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้างแบบมาตรฐาน 3 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง (ปลากระป๋อง) 3 ลูก อาวุธปืนยาว 13 กระบอก อาวุธปืนพก 3 กระบอก รถกระบะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง 

@ พบศพที่ 17 ใกล้จุดปะทะ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เหตุปะทะครั้งนี้มีคนร้ายเสียชีวิต 14 ศพ บริเวณฐานปฏิบัติการโดยมีแกนนำคนสำคัญคือนายมะรอโซ และนายซาอูดี เสียชีวิตรวมอยู่ด้วยและจากการปะทะจนคนร้ายล่าถอย เจ้าหน้าที่ได้ไล่ติดตามจนคนร้ายเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ศพ ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.ภักดี ผกก.สภ.บาเจาะเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้พบศพคนร้ายศพที่ 17 นอนเสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะบริเวณใกล้จุดปะทะ 

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ยังได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าอยู่ในกลุ่มคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารได้อีกจำนวน 4 คน 

@ ค้นเจอจดหมายอาฆาต

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของผู้เสียชีวิตพบจดหมายข้อความว่า "การทารุณ จับกุม ข่มขู่ ยัดเยียด ซ้อมทรมาน และวิสามัญผู้บริสุทธิ์ในภาวะการขัดขืน การจับกุมด้วยการสร้างภาพและตีข่าว (การฆ่าผู้บริสุทธิ์ให้ดูดี) วันนี้เราจะไม่นิ่งนอนใจ เราจะทำการตอบโต้ทุกรูปแบบด้วยกำลังความพร้อมทางอาวุธ กำลังทรัพย์ และทุกมวลชน เพื่อทุกความเจ็บปวด ทุกหยดเลือด ทุกชีวิตที่เกิดจากความรุนแรงของรัฐทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น วันนี้และหลังจากนี้ ชีวิตและลมหายใจที่ประชาชน ครู อาจารย์ ชุมชนไทยพุทธ พวกมันเอง ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ใช้เส้นทางถนน ชีวิตประจำวัน คุ้มกันอย่างไรก็ตาม เราจะปลิดชีพมัน และทวงคืนทุกชีวิตที่เราสูญเสียไป"



@ ขอปชช.6ตำบลอยู่บ้าน

เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำคณะเดินทางมาตรวจจุดเกิดเหตุและให้สัมภาษณ์ว่า คนร้ายเสียชีวิตรวม 17 ศพ และยึดปืนสงครามได้ 19 กระบอก พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ เพียงแต่ขอความร่วมมือไม่ให้ชาวบ้านใน 6 ตำบลของ 2 จังหวัด คือ ต.บาเร๊ะเหนือ, ต.บาเร๊ะใต้, ต.ปะลุกาสาเมาะ และ ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และ 2 ตำบล ใน อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี คือ ต.ดอนทราย และ ต.ไทรทอง ออกจากบ้านในช่วงยามวิกาลของคืนวันเดียวกันนี้เพียงแค่คืนเดียว 

"ผมไม่ได้ประกาศเคอร์ฟิว แต่เป็นการขอร้องให้ชาวบ้านใน 6 ตำบลดังกล่าวอยู่แต่ในเคหะสถานถึงเวลา 06.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย เพราะยังมีกลุ่มคนร้ายที่กำลังหลบหนีอยู่อีก 30-40 คน ห่วงประชาชนจะไปพบเจอเข้า อาจจะเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าในพื้นที่ยังมีระเบิดและตะปูเรือใบที่คนร้ายได้วางไว้และอาจเกิดการปะทะกันอีก ไม่อยากให้กระทบกับประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม หากประชาชนจะออกไปปฏิบัติศาสนกิจ สามารถทำได้ไม่ได้ห้าม แต่ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน" พล.ท.อุดมชัยกล่าว

@ ครูนราฯผวาปิด5ร.ร.

นายอรรถสิทธิ์ รัตนแคล้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นราธิวาส เขต 1 กล่าวว่า ระหว่างที่กลุ่มคนร้ายหลบหนีได้เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ด้วยการลอบวางเพลิงเผาอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านบือเร๊ะ แต่ผู้ปกครองนักเรียนได้ช่วยกันดับไฟไว้ได้ทันทำให้อาคารเรียนได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุยิงปะทะกันกลุ่มครูในพื้นที่ไม่สบายใจจึงปิดเรียนไป 5 โรงเรียน แยกเป็นโรงเรียนใน ต.บาเร๊ะเหนือ 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านบือเร๊ะ, โรงเรียนบ้านยือลอ และโรงเรียนบ้านอาตะบือเร๊ะ อีก 2 โรงเรียนคือ โรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเร๊ะใต้ และโรงเรียนบ้านดูกู ต.บาเจาะ 

@ ปัตตานี-ยะลาสกัดคนร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานี ว่าจากเหตุการณ์คนร้ายเข้าโจมตีฐานทหารใน จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใน จ.ปัตตานี ได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังพื้นที่มากขึ้น โดยนายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี และ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่ายทุกอำเภอ โดยเฉพาะในเขต อ.สายบุรี และ อ.กะพ้อ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับ อ.บาเจาะ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง และตรวจเข้มภายในรถที่สัญจรผ่าน พร้อมสั่งให้ตรวจสอบสถานพยาบาลทุกแห่ง ทั้งสถานีอนามัยหมู่บ้านและแพทย์ตำบล เนื่องจากคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บอาจมาหลบซ่อนตัวเพื่อรักษาบาดแผลในพื้นที่

ขณะที่หน่วย ฉก.ยะลา สั่งการทหารในพื้นที่ทุกฐานปฏิบัติการตั้งด่านคุมเข้มพื้นที่รอยต่อกับพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี รวมทั้งตรวจสอบโรงพยาบาล สถานีอนามัย เพื่อสกัดกลุ่มคนร้ายดังกล่าวเช่นกัน พร้อมทั้งให้ออกตรวจสอบพื้นที่ โดยเฉพาะเส้นทางโรงพยาบาล โรงเรียน และสถานที่ราชการต่างๆ ในเขตความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันกลุ่มก่อเหตุรุนแรงปฏิบัติการตอบโต้ 

@ จับโจรใต้ระเบิดทหารอีก2

วันเดียวกันที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี พล.ต.ธวัช และ พล.ต.ต.เอกภพ ร่วมกันแถลงข่าวว่า พ.ต.พิทักษ์พล ชูศรี รอง ผบ.ฉก.ปัตตานี 21 พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี พร้อมกำลังตำรวจและทหาร กว่า 50 นาย เข้าปิดล้อมพื้นที่หมู่บ้านดารุลสลาม ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง หลังทราบข่าวมีคนร้ายคดีความมั่นคงกบดานในพื้นที่โดยสามารถควบคุมตัวได้ 2 คน คือนายอับดุลเล๊าะ ราแดง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/2 หมู่ 1 บ้านดารุลสลาม มีหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ 54/58 และนายฮาซัน สาแล๊ะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 1 บ้านดารุลสลาม มีหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ 50/56 ซึ่งทั้งสองข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ กรณีวางระเบิดทหาร ร้อย ร.8033 ขณะกำลังเดินทางไปร่วมงานวันเด็ก ทำให้เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 2 นาย เหตุเกิดบนถนนบริเวณหมู่ 4 ต.ประจัน อ.ยะรัง เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา

พล.ต.ธวัชกล่าวว่า จากการขยายผลทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้มีประมาณ 12 คน สามารถจับกุมได้หมดแล้ว มีเพียงนายอันนูวา ยือเลาะ อยู่ระหว่างติดตามจับกุม เชื่อว่าหลบหนีเข้าประเทศใกล้เคียงแล้ว 

@ ยิงแม่ค้าส้มตำตอบโต้

เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณแผงขายส้มตำริมฟุตบาธ บริเวณถนนปากน้ำ ต.สะบารัง เป็นเหตุให้สองสามีภรรยาถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี ทราบชื่อนายทองแดง ท้าบุญมี อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/21 ถนนปากน้ำ ถูกยิงเข้าที่บริเวณคอ และนางจร โคกนุกุล อายุ 58 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณราวนมอาการสาหัส ซึ่งทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันมีอาชีพขายส้มตำ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุสองสามีภรรยากำลังยืนขายส้มตำภายในร้านซึ่งเป็นแผงขายตั้งอยู่บนฟุตบาธ ถนนปากน้ำ จากนั้นมีคนร้าย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเข้ามาจอดหน้าร้าน ก่อนที่หนึ่งในคนร้ายชักอาวุธปืนพกสั้นกระหน่ำยิงหลายนัดก่อนหลบหนีไป สาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการตอบโต้ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 

@ คุมเข้ม'หาดใหญ่'หวั่นแก้แค้น

พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้ออกตรวจเยี่ยมสถานียุทธศาสตร์ 8 แห่ง และจุดตรวจใน 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา เพื่อป้องกันคนร้ายเข้ามาสร้างสถานการณ์แก้แค้นหลังจากกลุ่มคนร้ายบุกโจมตีฐานทหารใน จ.นราธิวาส และถูกยิงตอบโต้เสียชีวิต 17 ศพ ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุวิทย์กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยประสานกับกองกำลังในพื้นที่เฝ้าระวังสถานที่ราชการและตั้งจุดตรวจจุดสกัดเต็มกำลังทั้งในฐานและนอกฐานปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ มีการเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่เพื่อตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพิ่มขึ้นแล้ว

นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ได้วิทยุสั่งการไปยังนายอำเภอหาดใหญ่ อ.เมืองสงขลา อ.สะเดา อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย อ.จะนะ และ อ.นาทวี ให้ประสานตำรวจ-ทหารตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางสายหลักและสายรองที่มุ่งหน้ามา อ.หาดใหญ่ อ.เมือง และ อ.สะเดา พร้อมทั้งให้นายอำเภอ 4 อำเภอชายแดนสั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่ออกลาดตระเวนในหมู่บ้าน หากพบมีคนเจ็บเข้ามารักษาให้ไปเก็บรายละเอียด และรายงานให้นายอำเภอทราบเร็วที่สุด เพราะรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุบุกโจมตีฐานทหารใน จ.นราธิวาส เป็นรถที่ลักไปจาก อ.หาดใหญ่ ซึ่งยังปิดป้ายทะเบียน จ.สงขลา อยู่คาดว่าจะมีแนวร่วมจากอำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ร่วมก่อเหตุด้วย

@ 'เฉลิม'เตรียมถกเคอร์ฟิว

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า 1 ในโจรใต้ที่ถูกยิงเสียชีวิตมีหัวหน้าแกนนำอาร์เคเคค่าหัว 2 ล้านบาทด้วย และอีกคนเป็นระดับรองลงมา ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของกลุ่มปฏิบัติการ ซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย และได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสหาทางเยียวยาครอบครัว และชี้แจงให้เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่จะหมดไปจากผืนแผ่นดินไทยไม่ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่เสียชีวิตก็ต้องเพิ่มมาใหม่ มีตัวตายตัวแทน ทั้งนี้ ตนยังคิดว่าพื้นที่สำคัญๆ ที่เหตุร้ายเกิดขึ้นบ่อยก็ควรประกาศเคอร์ฟิวบางเวลา ซึ่งสุจริตชนสามารถขออนุญาตไปไหนมาไหนได้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ศปก.กปต. ถ้าทุกฝ่ายหรือข้าราชการประจำไม่เห็นด้วยกับเรื่องเคอร์ฟิว ก็จบ 

@ 'ยิ่งลักษณ์'ชมข่าวกรอง

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการติดตามรายงานข่าว ถือว่างานด้านข่าวกรองทำงานเร็วขึ้น ซึ่งได้สั่งการให้มีการลงไปดูรายละเอียดในพื้นที่ด้วย ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า จะต้องมีการเยียวยากลุ่มผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตนั้น จะให้เจ้าหน้าที่สรุปเรื่องทั้งหมดขึ้นมาก่อนที่จะมีการทำเรื่องการเยียวยา ซึ่งจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ยืนยันว่าตรงไหนช่วยเหลือได้ก็จะทำอยู่แล้ว และในส่วนของชาวบ้านที่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ก็จะมีการดูแลคุ้มครอง ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าการทำงานที่มีเอกภาพ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว จะมีการตอบโต้ที่รุนแรงกลับมา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องไม่อยู่ในความประมาทและต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือต้องพูดคุยกันในพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกัน ส่วนเรื่องการทำความเข้าใจกับประเทศมุสลิมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่สื่อสารชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ เพื่อยืนยันว่าเราจะแก้ปัญหาโดยสันติวิธีอยู่แล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผลต่อการตัดสินใจประกาศใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่ เพราะการใช้เคอร์ฟิวต้องดูเฉพาะจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น