วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โจรติดกับดับ16ศพ! ยึดค่ายทหารนราฯเหลวนย.รู้ล่วงหน้าดักยิงถล่ม ข่าวหน้า 1 14 February 2556 -


โจรติดกับดับ16ศพ! ยึดค่ายทหารนราฯเหลวนย.รู้ล่วงหน้าดักยิงถล่ม




กลุ่มก่อความไม่สงบแต่งกายเลียนแบบทหาร  ร่วม 80 คน หวังโจมตีค่ายทหาร ฉก.นย.นราธิวาส ในช่วงกลางดึก แต่แผนแตก! ถูกนาวิกโยธินดักซุ่มยิงถล่ม ก่อนปะทะเดือดปลิดชีพโจรใต้ 16 ศพ รวม "มะรอโซ" แกนนำระดับสั่งการค่าหัว 2 ล้าน ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย "มทภ.4" ขอความร่วมมือ ปชช. 6 ตำบล 2  อำเภอ ห้ามออกจากบ้าน 24 ชม. เพื่อเปิดทางไล่ล่า "เหลิม" ใจกว้าง สั่งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ระบุมุสลิมก็คือคนไทย ได้ทีดันเคอร์ฟิวต่อ แต่นายกฯ บอกเหตุการณ์ไม่มีผลต่อการประกาศใช้เคอร์ฟิว ต้องดูเป็นรายพื้นที่
       เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้บุกยึดฐานทหารและถูกยิงตอบโต้จนเสียชีวิต 16 ราย โดยเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายประมาณ 80 คน แต่งกายเหมือนเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหาร ร้อยปืนเล็กที่ 2  หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 32 ตั้งอยู่บริเวณบ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จำนวนหนึ่งรุดไปที่เกิดเหตุ
    โดยระหว่างทางคนร้ายได้ตัดต้นไม้ขวางถนนและโปรยตะปูเรือใบ วางระเบิดแสวงเครื่องเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุน จึงใช้เวลาในการเคลียร์จุดต่างๆ นานกว่า 1 ชม.จึงสามารถเข้าไปยังฐานปฏิบัติการได้
         ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าฐานซึ่งเป็นสวนยางพารา พบศพคนร้ายที่แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหารนอนเสียชีวิตอยู่จำนวน 14 ศพ ซึ่งแต่ละศพสวมหมวกไหมพรม มีอาวุธปืนอาก้าและเอ็ม 16 และสวมเสื้อเกราะ ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตจนพรุนไปทั้งร่าง โดยในเบื้องต้นตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตเป็นระดับแกนนำกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเคที่เคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ ของ จ.นราธิวาส และ อ.กะพ้อ ของ จ.ปัตตานี คือ 1.นายมะรอโซ จันทราวดี ผู้ต้องหาตามหมาย ป.วิอาญา ในคดีความมั่นคง 11 หมาย และเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.จำนวน 3 หมาย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ร่วมก่อเหตุและสั่งการบุกสังหารโหดครูชลธี เจริญชล ครู ค.ศ.2 โรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ม.ค.56 ที่ผ่านมา
    นอกจากนี้ ห่างจากถนนทางเข้าฐานปฏิบัติการประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์  ทะเบียน บค 7968 ยะลา ซึ่งเป็นของคนร้าย จอดอยู่ในสภาพถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่พรุนไปทั้งคัน โดยเฉพาะในกระบะหลัง เจ้าหน้าที่พบเป้สนามจำนวน 8 ใบ ที่ภายในบรรจุอาวุธปืนพกสั้น ระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้าง โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และเครื่องยังชีพในป่าของคนร้ายที่ทิ้งไว้ นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิต ณ จุดสกัด 2 ราย พร้อมอาวุธปืนพก 9 มม. 2 กระบอก เลื่อยยนต์ ตะปูเรือใบ รถจักรยานยนต์ 1 คัน
ปะทะเดือด 1 ชม.ตาย 16 ราย   
    น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญนายสุไฮดี ตาเห อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุบุกยิงครูชลธีเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดแผนผังและเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการบุกโจมตีฐานปฏิบัติการร้อยปืนเล็กที่ 2 ฉก.นราธิวาส 32 เจ้าหน้าที่จึงได้วางมาตรการป้องกันในการรับมือที่กลุ่มคนร้ายจะบุกถล่มเพื่อแก้แค้นในกับนายสุไฮดี
    จนกระทั่งในช่วงกลางคืน กลุ่มคนร้ายได้วางแผนบุกโจมตีฐานทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังพร้อมๆ กัน เจ้าหน้าที่ซึ่งได้วางกำลังพร้อมรับมืออยู่แล้ว ได้ใช้อาวุธปืนยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายเป็นระลอกๆ นานกว่า 1 ชม. โดยกลุ่มคนร้ายอีกชุดหนึ่งได้ทำหน้าที่ตัดต้นไม้ขวางถนนโปรยตะปูเรือใบ และวางระเบิดแสวงเครื่องสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ จนกลุ่มคนร้ายเพลี่ยงพล้ำถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิตรวม 16 ราย ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30 คน สามารถนั่งรถยนต์กระบะหลบหนีไปได้ ซึ่งในจำนวนนั้นถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้สั่งการให้ สภ.ในพื้นที่เขตรอยต่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สกัดกั้นรถยนต์กระบะของคนร้ายที่นำกลุ่มคนร้ายหลบหนี
    จากนั้นเวลา 11.00 น. พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางมายังที่เกิดเหตุเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้วยการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นการลับที่ห้องประชุมภายในฐานปฏิบัติการ เพื่อรับทราบข้อมูลที่เกิดขึ้น รวมทั้งวางแนวทางในการรับมือ เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายจะมีแผนตอบโต้อย่างรุนแรงขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากคนร้ายที่นำพวกก่อเหตุในครั้งนี้ถูกยิงเสียชีวิต คือ นายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำคนสำคัญระดับปฏิบัติการ
    สำหรับนายมะรอโซ  มีประวัติร้ายกาจ โดยมีคดีความมั่นคงที่ก่อขึ้นในพื้นที่ที่สำคัญๆ ดังนี้ อาทิ คดีลอบวางระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 32 เสียชีวิต 3 นาย บนถนนในหมู่บ้านดูกู หมู่ 3 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.48 และคดีลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนบ้านบือเจาะ หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เมื่อเดือน พ.ค.50 ที่ผ่านมา คดียิงชาวไทยพุทธเสียชีวิต 4 ศพ ในพื้นที่หมู่บ้านฮูแตยือลอ หมู่ 6 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ และยังผู้ร่วมก่อเหตุและสั่งการบุกสังหารโหดครูชลธี เจริญชล เสียชีวิต โดยมีค่าหัวสูงถึง 2 ล้านบาท
     สำหรับผู้เสียชีวิตจำนวน 16 คน ประกอบด้วย 1.นายมะไพดี ปูเต๊ะ 2.นายมะรอโซ จันทรวดี 3.นายซอบือรี โดตาเยะ 4.นายกาสมัน มะเต็ง 5.นายปรือกิ นิมิง 6.นายสะอุดี อาลี 7. นายรือมือลี ซาเระ 8.นายมะสักกรี สะสะ 9.นายฮาเซ็ม บือราเฮง (หมายจับ ป.วิอาญา คดีปล้นปืนค่ายกองพันพัฒนาที่ 4) 10.นายมะนัง บือราเฮง 11.นายอาหะมะ โซะกุนิง 12.นายมะตอเฮ แฉะ 13.นายอับดุลเลาะ โต๊มะ 14.นายมะยุดดิน รีรา (มือผลิตระเบิด) 15.นายมัสลัน มะลิ 16.นายอัสรี รอเป็ง
           ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ ได้กระจายกำลังกันติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่หลบหนี รวมทั้งตรวจสอบคราบลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอจากของกลางที่ตรวจยึดได้ เช่น อาวุธปืน ว่าคนร้ายได้ขโมยมาจากที่ใด ส่วนรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บค 7968 ยะลา คนร้ายได้ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุบุกยิงชาวไทยพุทธในพื้นที่บ้านโคกดีปรี ต.ตุหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บ 3 คน
วอน 6 ตำบลห้ามออกจากบ้าน
     ด้าน พล.ท.อุดมชัย เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ไม่สำเร็จ เนื่องจากเราทราบข่าวล่วงหน้า จึงได้มีการวางกำลังตั้งรับ แต่ขอวอนพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 6 ตำบล 2 อำเภอ คือ ตำบลปะลุกาสาเมาะ กาเยาะมาตี บาเระใต้และบาเระเหนือ ของ อ.บาเจาะ และตำบลไทรทอง ดอนทราย ของ อ.ไม้แก่น อย่าออกจากบ้านในช่วงเวลา 18.00 น.ของวันที่ 13 ก.พ. ถึงวันที่ 14 ก.พ. เป็นเวลา 24 ชม. เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีภารกิจในการไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่กำลังหลบหนี เพราะเชื่อว่าไม่สามารถไปได้ไกล เพราะมีอาการบาดเจ็บจากเจ้าหน้าที่ยิง เกรงเจ้าหน้าที่จะเข้าใจผิด หากประชาชนผ่านสัญจรไปมาในเวลาดังกล่าว
    "เป็นการขอร้องประชาชน ไม่ใช่เป็นการประกาศเคอร์ฟิว  เนื่องจากในพื้นที่มีกฎหมายพิเศษคือกฎอัยการศึกรองรับอยู่  แต่หากประชาชนจะออกไปปฏิบัติศาสนกิจสามารถทำได้ ไม่ได้มีการห้าม แต่ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน"  พล.ท.อุดมชัย กล่าว
    ช่วงบ่าย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลรายงานในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ในวันนี้ 15 ก.พ.นี้
    เมื่อถามว่า ในการประชุม ศปก.กปต.วันที่ 15 ก.พ. จะมีการเสนอให้ประกาศเคอร์ฟิวบางพื้นที่หรือไม่ พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกัน หากเห็นว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังลอบฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก็ต้องพูดคุยความเหมาะสม เช่น การตั้งจุดตรวจเพิ่มมากขึ้น หากประชาชนยังพลุกพล่าน จะพิจารณาเป็นรายพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการใช้กฎหมายพิเศษที่จะมีปัญหากับประชาชน
    ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง อาทิ จ.ยะลา, จ.ปัตตานี และ อ.หาดใหญ่ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมอย่างเข้มข้น เกรงว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะมีการตอบโต้คืน
    ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมักจะแต่งกายในชุดทหาร เหมือนเช่นหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสร้างความสับสนให้กับสังคม และสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนและต่อเจ้าหน้าที่ จึงขอให้สังคมใช้วิจารณญาณสร้างความชอบธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ หากย้อนหลังไปสำหรับเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ที่ผู้ก่อเหตุลงมือในลักษณะนี้ และโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่ และคิดว่าเจ้าหน้าที่เป็นคนร้ายเสียเอง
พบแผนจับทหารเป็นตัวประกัน      
    พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ก่อความไม่สงบประมาณ 70-80 คน รวมตัวก่อเหตุโดยสวมชุดพรางทหาร อาวุธครบมือ ซึ่งทราบภายหลังว่ามีทั้งอาวุธปืนของทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร แต่ในส่วนของเสื้อเกราะที่คนร้ายใส่เป็นของอาสาสมัครทั้งหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องชื่นชมนาวิกโยธินกองทัพเรือที่ไม่ประมาท มีการเตรียมพร้อมป้องกันและสามารถตอบโต้ โดยที่ไม่เกิดความสูญเสียขึ้น และพบว่าคนร้ายเสียชีวิตทั้งหมด 16 ศพ ยึดอาวุธปืน 19 กระบอก รถยนต์กระบะ 2 คัน เป็นที่น่าสังเกตว่าในการตรวจสอบภายในตัวคนร้ายมีการเตรียมเชือกและเส้นลวด ซึ่งคาดว่าจะเอาไว้ใช้สำหรับจับตัวประกัน
    "รู้สึกเสียใจที่สุดที่มีคนไทยที่หลงผิดเข้าไปเป็นแนวร่วมก่อเหตุจนต้องมาเสียชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น สงสารและเห็นใจครอบครัว แต่ในส่วนของกองทัพนั้น ก็ต้องป้องกันตัวเอง ดังนั้นอยากให้ผู้ที่หลงผิดกลับมาร่วมพัฒนาชาติไทยมามอบตัว รวมถึงให้ข้อมูลแก่ภาครัฐ เพราะเป้าหมายของผู้ก่อความไม่สงบที่ตั้งไว้จะไม่มีวันสำเร็จ" พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
    ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) ได้รายงานเข้ามาแล้ว ใจตนไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ปฏิบัติการซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย
     ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า ได้สั่งการให้เลขาธิการ ศอ.บต. ผู้ว่าฯนราธิวาส หาทางเยียวยาครอบครัว และชี้แจงให้เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่นั้นหมดไปจากผืนแผ่นดินไทยไม่ได้ หากเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ก็ต้องมีการเพิ่มขึ้นมาใหม่ มีตัวตายตัวแทน อยากบอกพี่น้องชาวไทย-มุสลิมทั้งประเทศว่า รัฐบาลไม่ได้มองพี่น้องชาวไทย-มุสลิมเป็นอื่น นอกจากเป็นคนไทยเหมือนกัน การเสียชีวิตครั้งนี้ตนเสียใจด้วย แต่ก็ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานที่ตั้ง
    “ผมถึงบอกว่าบางครั้งลดความสุขเล็กๆ น้อยๆ มีกติกาควบคุมเพิ่มเติมได้หรือไม่ หากปล่อยไปก็ต้องมีอย่างนี้อีก เวลาคิดอะไรคนต่อต้านคือคนไม่รู้ข้อเท็จจริงและเหตุผล มีความสุขและสนุกที่ให้สัมภาษณ์แล้วเป็นข่าว แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะแก้ไขปัญหาได้ ผมยังมีแนวคิดว่าในพื้นที่สำคัญจริงๆ ที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นบ่อยๆ หากเราเคอร์ฟิวบางเวลา สุจริตชนสามารถขออนุญาตไปไหนมาไหนได้ อย่างนี้หากมีเคอร์ฟิวพี่น้องประชาชนที่มีความคิดแตกต่างก็ออกปฏิบัติการไม่ได้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว และว่า ตนไม่ดื้อดึงหากที่ประชุมศปก.กปต.ฝ่ายข้าราชการประจำไม่เห็นด้วยก็จบ
    ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจาก ร.ต.อ.เฉลิมเดินทางไปเจรจากับทางมาเลเซีย รองนายกฯ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนอย่างนี้ ค้านตลอด ตนไม่เคยไปเจรจาเรื่องอื่นเลย แต่ไปเจรจาให้คนไทยที่ไปทำงาน 150,000 คนได้ขึ้นทะเบียนแบบหัวหน้ากุ๊กและผู้ช่วยกุ๊ก ตนไม่คาดคิดว่านายอภิสิทธิ์จะพูดอย่างนี้
    ต่อมาช่วงบ่าย ร.ต.อ.เฉลิมได้เรียก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ 30 นาที จากนั้น พล.ท.ภราดรเปิดเผยว่า ในด้านการข่าวได้รับรายงานว่าจะมีการก่อเหตุบุกโจมตีฐานเป็นการยกระดับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีเป้าหมายที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน โดยในสัปดาห์นี้ สมช.เตรียมพิจารณางบประมาณในการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่จำนวน 3,000 นาย คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในสัปดาห์หน้า
"ปู" ชี้ไม่มีผลต่อเคอร์ฟิว   
    ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการติดตามการรายงานข่าวครั้งนี้ถือว่างานด้านข่าวกรองทำงานเร็วขึ้น และได้สั่งการให้นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย ลงไปดูรายละเอียดในพื้นที่ รอรายงานอีกครั้งหนึ่ง ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าจะต้องมีการเยียวยากลุ่มผู้หลงผิดที่เสียชีวิตนั้น ให้เจ้าหน้าที่สรุปเรื่องทั้งหมดขึ้นมาก่อน เรื่องของการเยียวยาจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ยืนยันว่าตรงไหนที่จะช่วยเหลือได้ก็จะทำอยู่แล้ว ในส่วนของชาวบ้านที่มีการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ก็จะมีการดูแลคุ้มครอง เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าการทำงานมีเอกภาพ ไม่อยากเห็นความรุนแรงในพื้นที่
    "ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้อยู่ในโหมดของการป้องกันมากกว่าโหมดของปลายทาง เพราะเราพยายามปรับปรุงทั้งในส่วนของการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่การให้ชุมชนดูแลกันเอง นำเทคโนโลยีมาช่วยเรื่องของการป้องกันก่อนเกิดเหตุ วันนี้เรายังอยู่ในลักษณะของการเกิดเหตุแล้วแก้ไขปัญหา ต้องบูรณาการทุกส่วนให้เร่งทำงานเร็วขึ้น"
    เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้จะมีการตอบโต้ที่รุนแรงกลับมา นายกฯ กล่าวว่า เราต้องอยู่ในความไม่ประมาท และต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คงต้องพูดคุยกันในพื้นที่ และต้องทำความเข้าใจกันด้วย ส่วนความเข้าใจกับประเทศมุสลิมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำหน้าที่สื่อสารชี้แจงข้อเท็จจริงจากพื้นที่ให้ทราบ เพื่อยืนยันว่านรัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผลต่อการตัดสินใจประกาศใช้เคอร์ฟิวในวันที่ 15 ก.พ. ต้องดูเป็นรายพื้นที่มากกว่า หรือดูเฉพาะจุดรายที่เกิดเหตุ พยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้อยู่แล้ว
    ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ได้ให้ ส.ส.หารือถึงปัญหาต่างๆ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ หารือว่า ขอให้รัฐบาลหารือให้รอบคอบก่อนที่จะประกาศใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่ที่มีความไม่สงบ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่และ ส.ส.ของจังหวัดภาคใต้มีความเห็นคัดค้าน เนื่องจากกังวลว่าจะกระทบขวัญและกำลังใจของประชาชนได้ นอกจากนั้นขอชื่นชมการปฏิบัติการของหน่วยทหารนาวิกโยธินพื้นที่นราธิวาส ที่ตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้
    ขณะที่นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิการให้สัมภาษณ์ของทหารหน่วยนาวิกโยธินที่สามารถตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้ายจนเสียชีวิต 16 คนว่า ไม่ควรระบุว่าได้ข่าวมาจากประชาชนในพื้นที่ เพราะจะสร้างผลกระทบและสร้างความไม่ปลอดภัยประชาชนในพื้นที่ ส่วนตัวเชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว อีก 2-3  วันจะมีการตอบโต้อย่างรุนแรง และชาวบ้านในพื้นที่อาจตกเป็นเป้าหมายในการสังหารได้
    ต่อมา นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส และนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมแถลงคัดค้านการประกาศเคอร์ฟิวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะทำหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาเรื่องนี้ 
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าการที่รัฐบาลบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้นนั้นไม่ใช่ การเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงของกลุ่มอาร์เคเคอาจเป็นปฏิกิริยาจากการที่ ร.ต.อ.เฉลิมไปเจรจากับทางการมาเลเซีย ซึ่งผมได้เคยเตือนไว้แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลประเมินจุดนี้ด้วย  และคิดว่านายกรัฐมนตรีควรมอบให้คนที่อยากทำงานและลงพื้นที่ และควรปรับคนที่ไม่อยากลงพื้นที่ออก.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น