สรุปข่าวที่น่าสนใจ
แจงเยียวยา 16 ศพไม่ใช่ 7.5 ล.แค่ฟื้นฟูจิตใจญาติ
ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิ์พันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บ.ต. กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯสั่งให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ดำเนินการเยียวยาญาติของผู้เสียชีวิตจากการปะทะกับทหาร จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความถูกต้องกันอย่างกว้างขวาง ว่า เรื่องนี้ทาง ศอ.บต.ห่วงใย ว่าจะมีการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อพูดถึงหลักมนุษยธรรมก็ไม่ได้ไปเยียวยาตามที่ทุกคนเข้าใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือ 7.5 ล้าน ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงตัวเงินแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนก็เสียใจ เจ้าหน้าที่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องตัวเองและสถานที่ แต่หลังจากเกิดเหตุแล้วเลขาธิการ ศอ.บต.ก็ได้สั่งการให้ทีมงานเยียวยาลงไปตรวจสอบดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้ง 16 ศพ พบว่าหลายครอบครัวมีความเดือดร้อน หลังสูญเสียผู้นำครอบครัว สูญเสียลูกไปกับเหตุการณ์นี้ ก็จะลงไปดูแลในลักษณะของการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ส่วนจะช่วยเหลืออย่างไรนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป อยู่ที่กรรมการที่กำลังดำเนินการตรวจสอบ
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 15/02/2013
เผย “1ใน5”เคยเลือกชายหมูให้พงศพัศ
ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึงผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง สำรวจการรับรู้ของสาธารณชนคนกรุงเทพมหานครต่อรายชื่อผู้สมัครทั้ง 25 คน และเจาะใจคนจะไปเลือกตั้งแน่ๆกับคนไม่แน่ใจ ว่าตั้งใจจะเลือกใครพร้อมเหตุผล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 3,631 ตัวอย่าง ผลปรากฏดังนี้ เมื่อถามถึงการรับรู้ของสาธารณชนคนกรุงเทพมหานครต่อรายชื่อผู้สมัครทั้ง 25 คน พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.2 รู้จัก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองลงมาคือ ร้อยละ 91.9 รู้จัก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ในขณะที่ร้อยละ 74.4 รู้จัก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 40.1 รู้จัก นายโฆสิต สุวินิจจิต และร้อยละ 16.0 รู้จัก นายสุหฤท สยามวาลานอกจากนี้ ในการสำรวจเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้เคยพบว่ามีผู้จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สูงถึงร้อยละ 63 แต่ผลสำรวจล่าสุดกลับพบว่าประชาชนที่ถูกศึกษาระบุจะไปเลือกตั้งแน่ๆมีเพียงร้อยละ 50.6 เท่านั้น ในขณะที่ร้อยละ 49.4 ระบุ ไม่แน่ใจถึงไม่ไปแน่ๆ ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อจำแนกตามคำถามวิจัยว่า กลุ่มคนที่เคยไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งที่แล้ว (ปี พ.ศ.2552) และการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้จะเลือกใคร พบว่า ในกลุ่มคนที่เคยเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯปี 2552 นั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.4 จะยังคงเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อย่างไรก็ตามเกินกว่า 1 ใน 5 ของตัวอย่างครั้งนี้หรือร้อยละ 22.0 หันไปเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 15/02/2013
บางรักจดวิวาห์ลด
นายเสือชนะ สุดเจริญ ผอ.เขตบางรัก กล่าวสรุปยอดคู่รักที่มาจดทะเบียนสมรส ว่า มีเพียง 548 คู่ น้อยกว่าปีก่อน ซึ่งมองว่าน่าจะมาจากไม่มีแจกรางวัลแจ็กพอตเป็นคอนโดมิเนียมเหมือนปีที่ผ่านมาและมีการประชาสัมพันธ์งานน้อย แต่ก็ยังมีบางคู่มารอล่วงหน้าตั้งแต่คืนวันที่ 13 ก.พ. และผู้โชคดีจากการจับสลากแจกใบทะเบียนสมรสทองคำใบแรกจากจำนวน 12 ใบ ได้แก่ ร.ต.ท.ชูเกียรติ จงสมบูรณ์กุศล อายุ 35 ปี รองสารวัตรสืบสวน บก.น.5 กับ น.ส.จันทิมา ทิลาวัลล์ อายุ 21 ปี
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 15/02/2013
“สุเทพ” ขึ้นเวทีซัดอำนาจรัฐปล้นเก้าอี้ เอแบคชี้ฐานคุณชายหด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ ซ.นวมินทร์ 72 เขตบึงกุ่ม และที่สุเหร่าแดง ซ.46 ถ.เสรีไทย เขตคันนายาว เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ที่มาขึ้นเวทีวันนี้เพราะร้อนใจ เห็นบรรยากาศการหาเสียงของผู้ว่าฯกทม.แล้ว รู้สึกเป็นห่วงกรุงเทพฯ ประเทศไทย และประชาชน เพราะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต้องสู้กับอำนาจของรัฐบาลที่กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปล้นเอาตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ไปเป็นของพวกเขาให้ได้ ถ้าพวกเขาสามารถชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ได้ หมายความว่า กทม.ซึ่งเป็นรัฐบาลท้องถิ่นจะอยู่ในกำมือพวกเขาที่จะทำอะไรก็ได้ รัฐบาลดำเนินการทั้งคณะพร้อมกลไกขององค์กรรัฐทุกหน่วยงาน มีเสียงเล่าลือว่านายตำรวจใหญ่ได้ใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรม สั่งตำรวจว่าถ้าเขตเลือกตั้งในท้องที่สถานีตำรวจใดแพ้การเลือกตั้ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนั้นจะถูกย้ายทันที
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 15/02/2013
“เฉลิม – ศิริโชค” ลั่นสภาแช่งโกง “สภ.”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 สมัยสามัญนิติบัญญัติ ที่มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสดของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรื่องโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งและอาคารที่พักข้าราชการตำรวจ ถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงแทน
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 15/02/2013
แบงก์ชาติแจงบาทแข็งยันไม่ขาดทุน
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวกับ “มติชน” ถึงผลการดำเนินงานของ ธปท. ในปี 2555 ว่า เบื้องต้น ธปท.จะมีผลขาดทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีผลขาดทุน 1.3 แสนล้านบาท นอกจากผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นแล้ว ยังมีภาระดอกเบี้ยจ่ายยังสูงกว่าดอกเบี้ยรับประมาณ 2% จากการออกพันธบัตรเพื่อดูแลสภาพคล่องในระบบการเงินในอดีตที่เคยมีดอกเบี้ยสูง ประกอบกับการออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพคล่องจากการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) วงเงิน 2.1 แสนล้านบาท ไปสมทบกับเงินของสถาบันการเงินอีก 9 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงปลายปี 2554 ประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท ต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ผลขาดทุนดังกล่าว ธปท. สามารถบริหารจัดการและดูแลตัวเลขได้ ไม่มีผลกระทบทำให้เงินกองทุนของ ธปท.ติดลบ
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 15/02/2013
สาวแขนขาดซึ้ง – แฟนหนุ่มพาจดทะเบียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ห้องประชุมของโรงพยาบาลกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร นายอำเภอกระทุ่มแบน ในฐานะนายทะเบียน ได้นำทะเบียนสมรสมาจดทะเบียนให้ น.ส.ภัทราภรณ์ ทาทอง อายุ 22 ปี หญิงสาวท้อง 5 เดือนที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถพ่วง 18 ล้อทับแขนขาข้างซ้ายจนต้องตัดทิ้งกลายเป็นผู้พิการ กับนายวันชัย กุมภา อายุ 25 ปี หนุ่มพนักงานโรงงานบริษัท สามมิตร มอเตอร์ จำกัด แม้ฝ่ายหญิงจะกลายเป็นผู้พิการแต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะเคียงข้างไปด้วยกัน โดยฝ่ายหญิงได้ขอของขวัญจากฝ่ายชายเป็นการจดทะเบียนสมรส ซึ่งฝ่ายชายก็ยินดีเป็นอย่างมาก และได้ประสานหน่วยงานต่างๆทั้งโรงพยาบาลกระทุ่มแบน และที่ทำการปกครองอำเภอกระทุ่มแบน ให้มาจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์นี้ ท่ามกลางสักขีพยานมากมาย
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 15/02/2013
“โจรใต้” โปรยใบปลิวขู่เอาคืน!เล่นงานครู – ไทยพุทธ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุโจรใต้บุกโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ ได้มีการโปรยใบปลิวที่เขียนข้อความภาษาไทยในพื้นที่ อ.บาเจาะ ซึ่งมีข้อความระบุว่า “ทารุณ จับกุม ข่มขู่ ยัดเยียด ทรมานและวิสามัญผู้บริสุทธิ์ในภาวะขัดขืนการจับกุมด้วยการสร้างภาพและตีข่าว (การฆ่าผู้บริสุทธิ์ให้ดูดี)” “วันนี้เราจะไม่นิ่งนอนใจ เราจะทำการตอบโต้ทุกรูปแบบด้วยกำลังความพร้อมทางอาวุธ กำลังทรัพย์และทุกมวลชน เพื่อทุกความเจ็บปวด ทุกหยดเลือด ทุกชีวิตที่เกิดจากความรุนแรงของรัฐทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจากนี้ ประชาชน ครู ชุมชนไทยพุทธ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ใช้เส้นทางถนนในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าคุ้มกันอย่างไรก็ตาม เราจะปลิดชีพมันและทวงคืนทุกชีวิตที่เราสูญเสียไป” นอกจากนี้ในใบปลิวประโยคสุดท้าย ยังเขียนข้อความในวงเล็บอีกด้วยว่า “หยดเลือดมุสลิมผู้บริสุทธิ์มีค่ามากกว่าไทยพุทธเป็น 10 เท่า” ส่งผลทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เกิดความหวาดกลัว และไม่แน่ใจว่าใบปลิวดังกล่าวเป็นของกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือไม่ จึงได้มีการส่งข้อควมในใบปลิวเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้ทุกคนอย่าตั้งอยู่ในความประมาท และป้องกันเหตุร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ต่อไป
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 15/02/2013
คอหวยจับตาทะเบียนรถนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บรรยากาศการซื้อขายลอตเตอรี่ ประจำงวดวันที่ 16 ก.พ. ไม่คึกคักเท่าที่ควร หลังจากที่ได้ผ่านเทศกาลสำคัญอย่างช่วงตรุษจีนและวันวาเลนไทน์มาใหม่ๆ เนื่องจากเป็นงวดกลางเดือน และยังมีกระแสความเชื่อเรื่อง “หวยล็อก” โดยเฉพาะเลขที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ออกมาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้บรรดาเซียนหวยบางคนเกิดอาการถอดใจที่จะซื้อหาเลขเด็ดของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เซียนหวยยังให้ความสำคัญที่จะซื้อเลขดังในกลุ่มเลขที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี ทั้งเลขทะเบียนรถยนต์ตอนไป ครม.สัญจร 1188 และเลขทะเบียนรถตู้โฟล์ค ฉลองวาเลนไทน์ ที่ จ.เชียงราย 7828 รวมทั้งเลขทะเบียนรถตู้โฟร์ค ที่วันนี้ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 77 ทำให้เลขเหล่นี้ ลอตเตอรี่มีราคาขายปลีกพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ใบละ 130-150 บาท และหมดเกลี้ยงในพริบตา นอกจากนี้ยังมีเลขที่เกี่ยวข้องกับเลขมงคล ทั้ง 16, 85, 86, 104, 214 รวมถึงเลขเบิ้ลทั้ง 11, 22, 88, 99 เพราะวันออกรางวันงวดนี้ตรงกับวันเสาร์
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 15/02/2013
เตือนนโยบายผู้ว่าฯขายฝัน
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงปัญหาการทุจริตการเลือกตั้ง ว่า อันดับหนึ่งคือ การซื้อสิทธิขายเสียง ที่ปัจจุบันเปลี่ยนไปไม่ใช่แค่การจ่ายเงินเท่านั้น แต่มีการพัฒนาไปหลายรูปแบบ กกต.ต้องตามให้ทัน ต้องสืบว่าใครเป็นหัวคะแนนของใคร หากจับได้ก็จับหากจับไม่ได้ก็เก็บหลักฐานไว้เผื่อมีใครร้องเรียนเราก็จะได้นำหลักฐานนั้นมาเป็นเอกสารประกอบข้อมูลพิจารณาไต่สวน “การหาเสียงของผู้สมัครในขณะนี้ กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ถ้ามีการออกทีวี หรือออกสื่อต่างๆก็จะบันทึกเทปเอาไว้ กรณีที่มีการกล่าวหากันว่าหาเสียงเกินจริงนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน แต่ก็พบว่านโยบายที่ผู้สมัครหลายคนนำมาหาเสียงนั้น พูดเกินงบฯที่กรุงเทพฯมี” ช่วงโค้งสุดท้ายอยากเตือนผู้สมัครหาเสียงด้วยความระมัดระวัง เพราะหากกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและถูกเพิกถอนสิทธิ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และหากศาลตัดสินเห็นตาม กกต. ผู้สมัครรายนั้นจะต้องพ้นจากตำแหน่งและต้องชดใช้ค่าเสียหายในการเลือกตั้งกว่า 170 ล้านบาท ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.นอกจากไม่ได้เป็นแล้วยังมาติดคุกอีก ชื่อเสียงก็เสียหมด
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 15/02/2013
ครูใต้ผวาเป้าล้างแค้น
นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ถือเป็นเหตุรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเป็นผู้สูญเสีย ดังนั้นในช่วงนี้จึงมีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) และคณะครูในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีออกมาก่อเหตุกับเป้าหมายอ่อนแอเพื่อล้างแค้นให้กับกลุ่มคนร้ายที่เสียชีวิต หรือตอบโต้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ “เบื้องต้นได้ประสานไปยังแกนนำครูในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว”
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ครูในพื้นที่ต้องเตรียมตัวและระมัดระวังมากขึ้นโดยเฉพาะต้องระวังว่าอาจเกิดเหตุการณ์อะไรตามมาอย่างที่เคยมีในอดีต ทางกระทรวงศึกษาธิการได้หารือกับฝ่ายความมั่นคงอยู่ตลอดเพื่อเตรียมการเรื่อง รปภ.ครู อย่างเต็มที่ ส่วนการปิดการเรียนการสอนนั้น ให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละโรงเรียน เพราะต้องเห็นใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 15/02/2013
ธปท.ลั่นมุ่งเสถียรภาพศก.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวชี้แจงประเด็นสำคัญทางด้านนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นไปที่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเรื่องการดูแลค่าเงินบาท หลังจากที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ทำจดหมายถึงนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการ ธปท.ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดอกเบี้ยและโยงถึงผลขาดทุนของ ธปท.ว่า การขาดทุนไม่กระทบต่อการทำหน้าที่และความน่าเชื่อถือของธปท. ตราบใดที่ยังสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไว้ได้ และในสถานการณ์ปัจจุบัน ธปท.ยังไม่มีความจำเป็นต้องรบกวนเงินงบประมาณของรัฐบาลหรือเงินภาษีของประชาชนเพื่อมาชดเชยผลการขาดทุน
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 15/02/2013
ร้องคุมฟองสบู่
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ ควรเป็นหน่วยงานเข้ามาแตะเบรกเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า เพราะเกิดฟองสบู่ในหลายธุรกิจ “มาตรการที่ออกมาสกัดฟองสบู่ควรจะเป็นเพียงการแตะเบรก ไม่ใช่ออกมาตรการควบคุมเงินไหลเข้าที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติถึงกับขยาดเหมือนปี 2549 ไม่ได้บอกว่าจะต้องเพิ่มหรือลดดอกเบี้ย แต่ควรมีมาตรการอื่นเข้ามาควบคุมด้วย”
นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทรีนีตี้วัฒนา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่ถึงขั้นฟองสบู่ แต่ก็เห็นด้วยที่ตลาดหลักทรัพย์จะออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรหุ้น และขอเตือนนักลงทุนให้ลงทุนในหุ้นอย่างระมัดระวัง เพราะหุ้นปรับตัวขึ้นมากแล้วอาจจะปรับตัวลงได้ทุกเมื่อ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวและเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มภูมิภาคมากขึ้น หลังจากปรับตัวแข็งค่ามากในช่วงเดือน ม.ค. ซึ่งธปท.ยอมรับว่ามีการแทรกแซงบ้าง
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 15/02/2013
รัฐงบบวมอีก 2.8 ล้านล.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะมีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้าง
พื้นฐานในระยะ 7 ปีข้างหน้า (2556-2563) แต่การจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้สมบูรณ์ทั้งระบบ จะต้องมีการสร้างระบบขนส่งเชื่อมจากส่วนกลางไปยังแต่ละภูมิภาคต้องใช้งบมากกว่านี้ รัฐบาลจึงเตรียมพร้อมที่จะจัดสรรเงินให้เพิ่มเติมอีกปีละ 4 แสนล้านบาท เพื่อมาเสริมให้ระบบคมนาคมขนส่งของประเทศมีประสิทธิภาพสูงสุด
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 15/02/2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น