วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวหนังสือพิมพ์ วันศุกร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556




สรุปข่าวที่น่าสนใจ
แจงเยียวยา 16 ศพไม่ใช่ 7.5 ล.แค่ฟื้นฟูจิตใจญาติ
ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ  วงศ์โพธิ์พันธ์  รองเลขาธิการ ศอ.บ.ต.  กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง  รองนายกฯสั่งให้พ.ต.อ.ทวี  สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ดำเนินการเยียวยาญาติของผู้เสียชีวิตจากการปะทะกับทหาร จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความถูกต้องกันอย่างกว้างขวาง ว่า เรื่องนี้ทาง ศอ.บต.ห่วงใย ว่าจะมีการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อพูดถึงหลักมนุษยธรรมก็ไม่ได้ไปเยียวยาตามที่ทุกคนเข้าใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือ 7.5 ล้าน ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงตัวเงินแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนก็เสียใจ เจ้าหน้าที่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องตัวเองและสถานที่ แต่หลังจากเกิดเหตุแล้วเลขาธิการ ศอ.บต.ก็ได้สั่งการให้ทีมงานเยียวยาลงไปตรวจสอบดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้ง 16 ศพ พบว่าหลายครอบครัวมีความเดือดร้อน หลังสูญเสียผู้นำครอบครัว สูญเสียลูกไปกับเหตุการณ์นี้ ก็จะลงไปดูแลในลักษณะของการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ส่วนจะช่วยเหลืออย่างไรนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป  อยู่ที่กรรมการที่กำลังดำเนินการตรวจสอบ
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่  15/02/2013
เผย “1ใน5”เคยเลือกชายหมูให้พงศพัศ
ดร.นพดล   กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึงผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง สำรวจการรับรู้ของสาธารณชนคนกรุงเทพมหานครต่อรายชื่อผู้สมัครทั้ง 25 คน และเจาะใจคนจะไปเลือกตั้งแน่ๆกับคนไม่แน่ใจ  ว่าตั้งใจจะเลือกใครพร้อมเหตุผล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น  3,631 ตัวอย่าง ผลปรากฏดังนี้  เมื่อถามถึงการรับรู้ของสาธารณชนคนกรุงเทพมหานครต่อรายชื่อผู้สมัครทั้ง  25 คน พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ  93.2  รู้จัก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร  รองลงมาคือ ร้อยละ  91.9  รู้จัก  พล.ต.อ.พงศพัศ  พงษ์เจริญ ในขณะที่ร้อยละ  74.4  รู้จัก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  เตมียาเวส  ร้อยละ  40.1  รู้จัก นายโฆสิต  สุวินิจจิต  และร้อยละ 16.0  รู้จัก  นายสุหฤท  สยามวาลานอกจากนี้ ในการสำรวจเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้เคยพบว่ามีผู้จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สูงถึงร้อยละ  63  แต่ผลสำรวจล่าสุดกลับพบว่าประชาชนที่ถูกศึกษาระบุจะไปเลือกตั้งแน่ๆมีเพียงร้อยละ  50.6  เท่านั้น ในขณะที่ร้อยละ  49.4  ระบุ ไม่แน่ใจถึงไม่ไปแน่ๆ ที่น่าพิจารณา คือ  เมื่อจำแนกตามคำถามวิจัยว่า กลุ่มคนที่เคยไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งที่แล้ว (ปี พ.ศ.2552) และการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้จะเลือกใคร พบว่า  ในกลุ่มคนที่เคยเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯปี 2552  นั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ  66.4  จะยังคงเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  อย่างไรก็ตามเกินกว่า  1 ใน 5 ของตัวอย่างครั้งนี้หรือร้อยละ  22.0  หันไปเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่  15/02/2013
บางรักจดวิวาห์ลด
นายเสือชนะ  สุดเจริญ  ผอ.เขตบางรัก  กล่าวสรุปยอดคู่รักที่มาจดทะเบียนสมรส ว่า มีเพียง 548 คู่ น้อยกว่าปีก่อน ซึ่งมองว่าน่าจะมาจากไม่มีแจกรางวัลแจ็กพอตเป็นคอนโดมิเนียมเหมือนปีที่ผ่านมาและมีการประชาสัมพันธ์งานน้อย แต่ก็ยังมีบางคู่มารอล่วงหน้าตั้งแต่คืนวันที่ 13 ก.พ. และผู้โชคดีจากการจับสลากแจกใบทะเบียนสมรสทองคำใบแรกจากจำนวน 12 ใบ ได้แก่ ร.ต.ท.ชูเกียรติ  จงสมบูรณ์กุศล อายุ 35 ปี รองสารวัตรสืบสวน บก.น.5 กับ น.ส.จันทิมา   ทิลาวัลล์  อายุ  21 ปี
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่  15/02/2013
“สุเทพ”  ขึ้นเวทีซัดอำนาจรัฐปล้นเก้าอี้ เอแบคชี้ฐานคุณชายหด
นายสุเทพ   เทือกสุบรรณ  ส.ส.สุราษฎร์ธานี  กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ ซ.นวมินทร์ 72 เขตบึงกุ่ม และที่สุเหร่าแดง ซ.46 ถ.เสรีไทย  เขตคันนายาว เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ที่มาขึ้นเวทีวันนี้เพราะร้อนใจ เห็นบรรยากาศการหาเสียงของผู้ว่าฯกทม.แล้ว  รู้สึกเป็นห่วงกรุงเทพฯ ประเทศไทย และประชาชน  เพราะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต้องสู้กับอำนาจของรัฐบาลที่กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปล้นเอาตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ไปเป็นของพวกเขาให้ได้  ถ้าพวกเขาสามารถชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ได้ หมายความว่า  กทม.ซึ่งเป็นรัฐบาลท้องถิ่นจะอยู่ในกำมือพวกเขาที่จะทำอะไรก็ได้  รัฐบาลดำเนินการทั้งคณะพร้อมกลไกขององค์กรรัฐทุกหน่วยงาน  มีเสียงเล่าลือว่านายตำรวจใหญ่ได้ใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรม สั่งตำรวจว่าถ้าเขตเลือกตั้งในท้องที่สถานีตำรวจใดแพ้การเลือกตั้ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนั้นจะถูกย้ายทันที
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน วันที่  15/02/2013
 “เฉลิม – ศิริโชค” ลั่นสภาแช่งโกง “สภ.”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร  ครั้งที่  14  สมัยสามัญนิติบัญญัติ  ที่มีนายวิสุทธิ์  ไชยณรุณ  รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสดของนายศิริโชค  โสภา  ส.ส.สงขลา  พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  เรื่องโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ  (ทดแทน) 396 แห่งและอาคารที่พักข้าราชการตำรวจ ถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง  รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงแทน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน วันที่  15/02/2013
แบงก์ชาติแจงบาทแข็งยันไม่ขาดทุน
นายประสาร  ไตรรัตน์วรกุล  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  กล่าวกับ “มติชน” ถึงผลการดำเนินงานของ ธปท. ในปี 2555 ว่า เบื้องต้น ธปท.จะมีผลขาดทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีผลขาดทุน 1.3 แสนล้านบาท  นอกจากผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นแล้ว ยังมีภาระดอกเบี้ยจ่ายยังสูงกว่าดอกเบี้ยรับประมาณ 2% จากการออกพันธบัตรเพื่อดูแลสภาพคล่องในระบบการเงินในอดีตที่เคยมีดอกเบี้ยสูง ประกอบกับการออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพคล่องจากการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) วงเงิน 2.1 แสนล้านบาท  ไปสมทบกับเงินของสถาบันการเงินอีก 9 หมื่นล้านบาท  เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงปลายปี 2554 ประมาณปีละ  6,000 ล้านบาท ต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ผลขาดทุนดังกล่าว ธปท. สามารถบริหารจัดการและดูแลตัวเลขได้ ไม่มีผลกระทบทำให้เงินกองทุนของ ธปท.ติดลบ
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน วันที่  15/02/2013
สาวแขนขาดซึ้ง – แฟนหนุ่มพาจดทะเบียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่  14 ก.พ. ที่ห้องประชุมของโรงพยาบาลกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร  นายนิวัฒน์  รุ่งสาคร  นายอำเภอกระทุ่มแบน  ในฐานะนายทะเบียน  ได้นำทะเบียนสมรสมาจดทะเบียนให้ น.ส.ภัทราภรณ์  ทาทอง อายุ  22 ปี หญิงสาวท้อง  5 เดือนที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถพ่วง 18 ล้อทับแขนขาข้างซ้ายจนต้องตัดทิ้งกลายเป็นผู้พิการ กับนายวันชัย  กุมภา  อายุ  25 ปี  หนุ่มพนักงานโรงงานบริษัท สามมิตร  มอเตอร์ จำกัด  แม้ฝ่ายหญิงจะกลายเป็นผู้พิการแต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะเคียงข้างไปด้วยกัน โดยฝ่ายหญิงได้ขอของขวัญจากฝ่ายชายเป็นการจดทะเบียนสมรส ซึ่งฝ่ายชายก็ยินดีเป็นอย่างมาก  และได้ประสานหน่วยงานต่างๆทั้งโรงพยาบาลกระทุ่มแบน และที่ทำการปกครองอำเภอกระทุ่มแบน ให้มาจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์นี้ ท่ามกลางสักขีพยานมากมาย
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่  15/02/2013
“โจรใต้” โปรยใบปลิวขู่เอาคืน!เล่นงานครู – ไทยพุทธ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุโจรใต้บุกโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ ได้มีการโปรยใบปลิวที่เขียนข้อความภาษาไทยในพื้นที่ อ.บาเจาะ ซึ่งมีข้อความระบุว่า  “ทารุณ จับกุม ข่มขู่ ยัดเยียด ทรมานและวิสามัญผู้บริสุทธิ์ในภาวะขัดขืนการจับกุมด้วยการสร้างภาพและตีข่าว (การฆ่าผู้บริสุทธิ์ให้ดูดี)”  “วันนี้เราจะไม่นิ่งนอนใจ เราจะทำการตอบโต้ทุกรูปแบบด้วยกำลังความพร้อมทางอาวุธ กำลังทรัพย์และทุกมวลชน เพื่อทุกความเจ็บปวด ทุกหยดเลือด ทุกชีวิตที่เกิดจากความรุนแรงของรัฐทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจากนี้  ประชาชน ครู ชุมชนไทยพุทธ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ใช้เส้นทางถนนในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าคุ้มกันอย่างไรก็ตาม เราจะปลิดชีพมันและทวงคืนทุกชีวิตที่เราสูญเสียไป” นอกจากนี้ในใบปลิวประโยคสุดท้าย ยังเขียนข้อความในวงเล็บอีกด้วยว่า “หยดเลือดมุสลิมผู้บริสุทธิ์มีค่ามากกว่าไทยพุทธเป็น 10 เท่า” ส่งผลทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เกิดความหวาดกลัว และไม่แน่ใจว่าใบปลิวดังกล่าวเป็นของกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือไม่ จึงได้มีการส่งข้อควมในใบปลิวเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้ทุกคนอย่าตั้งอยู่ในความประมาท และป้องกันเหตุร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ต่อไป
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  15/02/2013
คอหวยจับตาทะเบียนรถนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่  14 ก.พ. ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บรรยากาศการซื้อขายลอตเตอรี่ ประจำงวดวันที่ 16 ก.พ. ไม่คึกคักเท่าที่ควร หลังจากที่ได้ผ่านเทศกาลสำคัญอย่างช่วงตรุษจีนและวันวาเลนไทน์มาใหม่ๆ เนื่องจากเป็นงวดกลางเดือน และยังมีกระแสความเชื่อเรื่อง “หวยล็อก” โดยเฉพาะเลขที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ออกมาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้บรรดาเซียนหวยบางคนเกิดอาการถอดใจที่จะซื้อหาเลขเด็ดของตัวเอง  อย่างไรก็ตาม เซียนหวยยังให้ความสำคัญที่จะซื้อเลขดังในกลุ่มเลขที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี ทั้งเลขทะเบียนรถยนต์ตอนไป ครม.สัญจร 1188 และเลขทะเบียนรถตู้โฟล์ค ฉลองวาเลนไทน์ ที่ จ.เชียงราย  7828  รวมทั้งเลขทะเบียนรถตู้โฟร์ค ที่วันนี้ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่  77  ทำให้เลขเหล่นี้ ลอตเตอรี่มีราคาขายปลีกพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ใบละ 130-150 บาท และหมดเกลี้ยงในพริบตา นอกจากนี้ยังมีเลขที่เกี่ยวข้องกับเลขมงคล ทั้ง 16, 85, 86, 104, 214 รวมถึงเลขเบิ้ลทั้ง 11, 22, 88, 99 เพราะวันออกรางวันงวดนี้ตรงกับวันเสาร์
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  15/02/2013
เตือนนโยบายผู้ว่าฯขายฝัน
นายสมชัย  จึงประเสริฐ  กกต.ด้านกิจการสืบสวนและวินิจฉัย  กล่าวถึงปัญหาการทุจริตการเลือกตั้ง ว่า  อันดับหนึ่งคือ การซื้อสิทธิขายเสียง ที่ปัจจุบันเปลี่ยนไปไม่ใช่แค่การจ่ายเงินเท่านั้น แต่มีการพัฒนาไปหลายรูปแบบ กกต.ต้องตามให้ทัน ต้องสืบว่าใครเป็นหัวคะแนนของใคร หากจับได้ก็จับหากจับไม่ได้ก็เก็บหลักฐานไว้เผื่อมีใครร้องเรียนเราก็จะได้นำหลักฐานนั้นมาเป็นเอกสารประกอบข้อมูลพิจารณาไต่สวน  “การหาเสียงของผู้สมัครในขณะนี้ กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง  ถ้ามีการออกทีวี  หรือออกสื่อต่างๆก็จะบันทึกเทปเอาไว้ กรณีที่มีการกล่าวหากันว่าหาเสียงเกินจริงนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน แต่ก็พบว่านโยบายที่ผู้สมัครหลายคนนำมาหาเสียงนั้น  พูดเกินงบฯที่กรุงเทพฯมี”  ช่วงโค้งสุดท้ายอยากเตือนผู้สมัครหาเสียงด้วยความระมัดระวัง  เพราะหากกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและถูกเพิกถอนสิทธิ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และหากศาลตัดสินเห็นตาม กกต. ผู้สมัครรายนั้นจะต้องพ้นจากตำแหน่งและต้องชดใช้ค่าเสียหายในการเลือกตั้งกว่า 170 ล้านบาท  ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.นอกจากไม่ได้เป็นแล้วยังมาติดคุกอีก ชื่อเสียงก็เสียหมด
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  15/02/2013
ครูใต้ผวาเป้าล้างแค้น
นายบุญสม ทองศรีพราย  ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนใต้  กล่าวว่า  เหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ถือเป็นเหตุรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง  เพียงแต่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเป็นผู้สูญเสีย  ดังนั้นในช่วงนี้จึงมีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) และคณะครูในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น  เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีออกมาก่อเหตุกับเป้าหมายอ่อนแอเพื่อล้างแค้นให้กับกลุ่มคนร้ายที่เสียชีวิต  หรือตอบโต้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่  “เบื้องต้นได้ประสานไปยังแกนนำครูในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว”
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ  กล่าวว่า  ครูในพื้นที่ต้องเตรียมตัวและระมัดระวังมากขึ้นโดยเฉพาะต้องระวังว่าอาจเกิดเหตุการณ์อะไรตามมาอย่างที่เคยมีในอดีต  ทางกระทรวงศึกษาธิการได้หารือกับฝ่ายความมั่นคงอยู่ตลอดเพื่อเตรียมการเรื่อง รปภ.ครู อย่างเต็มที่  ส่วนการปิดการเรียนการสอนนั้น ให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละโรงเรียน เพราะต้องเห็นใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 15/02/2013
ธปท.ลั่นมุ่งเสถียรภาพศก.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  กล่าวชี้แจงประเด็นสำคัญทางด้านนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นไปที่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเรื่องการดูแลค่าเงินบาท หลังจากที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ทำจดหมายถึงนายวีรพงษ์  รามางกูร  ประธานคณะกรรมการ ธปท.ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดอกเบี้ยและโยงถึงผลขาดทุนของ ธปท.ว่า  การขาดทุนไม่กระทบต่อการทำหน้าที่และความน่าเชื่อถือของธปท. ตราบใดที่ยังสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไว้ได้ และในสถานการณ์ปัจจุบัน ธปท.ยังไม่มีความจำเป็นต้องรบกวนเงินงบประมาณของรัฐบาลหรือเงินภาษีของประชาชนเพื่อมาชดเชยผลการขาดทุน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 15/02/2013
ร้องคุมฟองสบู่
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์ (บล.)  เอเชีย พลัส กล่าวว่า  ขณะนี้กระทรวงการคลัง  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ ควรเป็นหน่วยงานเข้ามาแตะเบรกเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า เพราะเกิดฟองสบู่ในหลายธุรกิจ “มาตรการที่ออกมาสกัดฟองสบู่ควรจะเป็นเพียงการแตะเบรก ไม่ใช่ออกมาตรการควบคุมเงินไหลเข้าที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติถึงกับขยาดเหมือนปี 2549 ไม่ได้บอกว่าจะต้องเพิ่มหรือลดดอกเบี้ย แต่ควรมีมาตรการอื่นเข้ามาควบคุมด้วย”
นายภควัต  โกวิทวัฒนพงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บล.ทรีนีตี้วัฒนา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่ถึงขั้นฟองสบู่ แต่ก็เห็นด้วยที่ตลาดหลักทรัพย์จะออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรหุ้น  และขอเตือนนักลงทุนให้ลงทุนในหุ้นอย่างระมัดระวัง  เพราะหุ้นปรับตัวขึ้นมากแล้วอาจจะปรับตัวลงได้ทุกเมื่อ
นายประสาร  ไตรรัตน์วรกุล  ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวและเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มภูมิภาคมากขึ้น หลังจากปรับตัวแข็งค่ามากในช่วงเดือน ม.ค. ซึ่งธปท.ยอมรับว่ามีการแทรกแซงบ้าง
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 15/02/2013
รัฐงบบวมอีก 2.8 ล้านล.
นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะมีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 2  ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้าง
พื้นฐานในระยะ  7 ปีข้างหน้า (2556-2563) แต่การจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้สมบูรณ์ทั้งระบบ จะต้องมีการสร้างระบบขนส่งเชื่อมจากส่วนกลางไปยังแต่ละภูมิภาคต้องใช้งบมากกว่านี้ รัฐบาลจึงเตรียมพร้อมที่จะจัดสรรเงินให้เพิ่มเติมอีกปีละ  4   แสนล้านบาท เพื่อมาเสริมให้ระบบคมนาคมขนส่งของประเทศมีประสิทธิภาพสูงสุด
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 15/02/2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น