วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"ข้าวเน่า" ผลงานรอบปีรัฐบาล เปลว สีเงิน 12 February 2556


โต้ง-เขียนจดหมายถึงโกร่ง โกร่งเขียนจดหมายถึงโต้ง และทั้งโต้ง-ทั้งโกร่ง เป็นผลิตผลชายกระโปรงยิ่งลักษณ์ทั้งคู่ เข้าใจเล่นกันดีนะ แต่ผมมองว่า นี่คือการส่งสัญญาณ "หนี้จะล้นประเทศแล้ว" จึงเตรียมหาแพะไว้ล่วงหน้า ฉวยจังหวะตอนแบงก์ชาติไม่ยอม "ลดดอกเบี้ยนโยบาย" ชนิดผลีผลามตามที่รัฐบาลต้องการ ไอ้แก่มากกับไอ้แก่น้อย จึงออกลีลาเอาตัวรอด โยนอุจจาระนำทางไปที่แบงก์ชาติแต่เนิ่นๆ ว่า...ถ้าเศรษฐกิจพังล่ะก็ แบงก์ชาตินั่นแหละต้องรับผิดชอบ เพราะบอกให้ลดแล้วไม่ยอมลด!
    ตอนนี้ "แบงก์รัฐ" ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือประชานิยมอยู่ระหว่างให้ออกซิเจนแล้ว ๒ แบงก์ แบงก์อิสลามแห่งประเทศไทย กับแบงก์เอสเอ็มอีอย่างที่เป็นข่าวนั่นแหละ หมอถอดสายออกนาทีไหน ก็หมดลมนาทีนั้น
    นี่เป็น "มรณานุสติ" ที่คนไทยทุกคนดูแล้วสังวรไว้ แบงก์รัฐตั้งขึ้นด้วยเงินภาษีทุกบาท-ทุกสตางค์ ประชานิยมถล่มกันซะคาที่ นักกินเมืองไม่เดือดร้อน อิ่มหมีพีมัน อ้วนท้วนหน้ากลมเป็นซาลาเปาเหมือนเดิม แต่พวกเรา-ชาวบ้าน ก็แบกรับหนี้แทนกันเหมือนเดิม
    ธ.ก.ส.ปราการด่านหน้าประชานิยม "รับจำนำข้าวทุกเม็ดเกวียนละ ๑๕,๐๐๐" จะเป็นรายต่อไปหรือไม่ อยากรู้ให้จุดธูปถามสัมภเวสีหน้าเหลี่ยมดู ผมเห็นมีแต่ควักออกไป แต่ที่ไหลกลับเข้ามาแทบไม่เห็น เพราะข้าวไปอัดแน่นเลี้ยงหนู-เลี้ยงมอด อยู่ตามโกดังเต็มบ้านเต็มเมือง!
    ก็เพิ่มทุนกันไปเถอะ ฉิบหายก็เงินของพ่อ-ของแม่ใครในรัฐบาลที่ไหนล่ะ รัฐบาลชุดต่อๆ ไปก็รับภาระหนี้สินไป รับภาระยังไง...ก็ภาระรีดภาษีจากประชาชนมาเป็นงบประมาณไปใช้หนี้บ้าง ไปกินกันเป็นทอดๆ ต่อไปบ้างไงล่ะ 
    นี่ล่ะ...ประเทศไทยล่ะ!
    ผมไปทางนครปฐม พรรคพวกเขาบอกว่า...โฮ้ย...ยุคยิ่งลักษณ์-ทักษิณนี่มันดีจริงๆ ไม่ต้องทำอะไร แค่หาที่สร้างโกดังเก็บข้าวรัฐบาลอย่างเดียวก็รวยไม่รู้เรื่อง เข้าช่องให้ถูกเท่านั้นแหละ
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเสาร์ที่แล้ว พบแจ้งความขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ในแมกกาซีนฉบับหนึ่ง เขาล้อมกรอบด้วยข้อความว่า
    "ประกาศเช่าคลังสินค้าเพื่อใช้เก็บรักษาข้าวสาร"!
    แถมย้ำว่า "ข้าวสารจำนวนมาก" ซะด้วย เพราะอย่างนี้เอง แถวๆ นครปฐมคง "เข้าช่องถูก" เพราะการสร้างโกดังรับจ้างเก็บข้าวสารให้รัฐบาลกำลังเป็นธุรกิจใหม่ที่ฮิตและฮือฮากันมากในย่านเขตอำนาจรัฐบาลแดง
    ตะลอนไปบางอำเภอทางสระบุรี เห็นชาวบ้านกำลังสูบน้ำจากป่าสักขึ้นมาทำนาตอนเดือนกุมภา ก็เลยไปคุยกะเขา เขาก็ว่า...ต้องเอาครับ เกวียนละตั้งหมื่นห้า
    ถามเขาว่า "ขายได้หมื่นห้าจริงๆ หรือ?" เขาก็ตอบว่า แค่หมื่น ๒ หมื่น ๓ ก็ดีถมไปแล้ว ผมก็ลองแย้งว่า "อ้าว...รัฐบาลเขารับจำนำ ๑๕,๐๐๐ นะ" ชาวนายุคทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำก็ตอบว่า
    "โรงสีเขาได้ พวกผมทำนาไม่ได้หรอก"!?
    ตรงนี้ไม่แปลก เป็นที่รู้ทั่วไปอยู่แล้ว ๑๕,๐๐๐ นั้น เป็นราคาโรงสีระบอบทักษิณขายให้กับรัฐบาลระบอบทักษิณ รวมหัวกันต้มยำประเทศ ส่วนชาวนาที่ขายให้โรงสีนั้น ๘,๐๐๐-๑๓,๐๐๐ ถือว่าบุญท่วมหัวแล้ว
    ผมนี้แค้นทุกครั้งที่กินข้าวตามร้าน โดยเฉพาะร้านข้าวแกง เป็นคนในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตข้าวคุณภาพของโลก แต่ทุกวันนี้...สั่งข้าวแกงจาน ข้าวนั้น เหมือนเอาข้าวหมูมาหุงขาย ร่วนซุย หักไม่เป็นเม็ด ยางข้าวไม่มี ตักเข้าปากเหมือนกินฟาง
    ไม่มีอีกแล้วในประเทศไทย ที่จะได้เห็น-ได้กินข้าวที่ยกมาตั้ง ข้าวเป็นตัว กอดเม็ดขาวด้วยยางข้าวใหม่ ส่งกลิ่นกรุ่น ระเหยหอมลอยคลุกเคล้ามากับควันข้าวคุณภาพไทย คนไทยวันนี้ต้องกินข้าวหัก ข้าวเก่า ข้าวผสมปนเปจนแยกพ่อ-แยกแม่ไม่ออก
    ดีอยู่หน่อย "ผสมซากมอด" เพิ่มโปรตีนให้ด้วย น้ำซาวข้าวเดี๋ยวนี้ นำไปดองผักเสี้ยน ผักกุ่มอะไรก็ไม่ได้ จะหุงแบบดงเอาน้ำข้าว น้ำข้าวก็ไม่มียาง อย่าว่าแต่คนเลย ให้หมามันก็ไม่กินแล้ว ซาวแต่ละที ต้องนั่งเก็บแกลบ กรวด ขี้หนู ขี้ตีนนักการเมืองอีกตะหาก
    กินข้าวเขมร "รุ่นใหม่" ดีกว่า นักบริโภคเขาว่างั้นนะครับ เพราะข้าวปลูกในเขมรวันนี้ ก็พวกเราคนไทยนี่แหละ เอาพันธุ์ดีๆ จากบ้านเราไปแพร่พันธุ์ให้เขา 
    นาบ้านเขาทิ้งร้างมานาน เนื้อนาจึงอุดมแร่ธาตุ ซ้ำเก็บเกี่ยวตามเวลา จึงได้ผลผลิตคุณภาพมาตรฐาน ไม่ใช่ปลูกเอาปริมาณ ข้าวยังไม่แก่ก็เกี่ยว คนละเกรด-คนละพันธุ์ก็เอามาผสมให้ได้เกวียนเอาขายให้โรงสีเอาไปสมคบรัฐบาลปอกลอกประเทศ 
    รัฐบาลไม่เจ๊งหรอก มันอยู่หากินเดี๋ยวๆ แล้วก็ไป ประเทศนั่นแหละจะเจ๊ง เนี่ย...ดูซี องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เขารายงานว่า.........
    "ปริมาณข้าวในสต็อกของไทยจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี ๒๕๕๖ จากผลพวงนโยบายรับจำนำข้าว ซึ่งอาจทำให้ไทยขาดแคลนโกดังเก็บข้าว โดยปริมาณข่าวในสต็อกซึ่งเคยอยู่ที่เฉลี่ย ๕.๔ ล้านตัน ระหว่างปี ๕๑-๕๓ ตอนนี้พุ่งไปแตะ ๗.๘ ล้านตัน ในปี ๒๕๕๔ และคาดว่าในปี ๒๕๕๖ นี้ ปริมาณข้าวที่สีแล้วจะพุ่งสูงถึง ๔๐% จากปีก่อนไปทะลุที่ ๑๘.๒ ล้านตัน"
    ๑๘.๒ ล้านตันที่รัฐบาลผูกขาดกว้านซื้อด้วยอ้างรับจำนำไว้แต่ผู้เดียวนี้ ยังไม่รวมข้าวเขมร-ลาว-พม่า ที่ลักลอบนำเข้ามาขาย ปีนี้คาดว่าประมาณ ๗.๕ แสนตัน รัฐบาลซื้อแพงกว่าตลาดแล้ว ขายเอาแค่เสมอตัว หรือให้ขาดทุนน้อยก็ยังไม่ได้
    เพราะเหตุนี้ อย่างที่คนนครปฐมว่า ธุรกิจอะไรมันจะดีไปกว่าสร้างโกดังรับจ้างรัฐบาลเก็บข้าว รวย ๓ ต่อ ต่อแรกจากค่ารัฐบาลเช่า ต่อที่สองค่าซื้อถูกจากชาวนา และต่อที่สาม ค่าเอาไปขายแพงให้รัฐบาล!
    "คุณจตุพล สันตะกิจ" เขียนรายงานด้วยข้อมูลธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไว้ที่โพสต์ทูเดย์วันก่อนว่า
    "โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555 มีข้าวเปลือกเข้าโครงการ 6,979,681.61 ตัน เงินที่จ่ายให้เกษตรกร 118,535.238 ล้านบาท โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต 2555 มีข้าวเปลือกเข้าโครงการ 14,727,468.15 ตัน เงินที่จ่ายให้เกษตรกร 218,196.478 ล้านบาท
    และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 พบว่า ณ วันที่ 4 ก.พ. 2556 มีข้าวเปลือกเข้าโครงการ 8,233,273 ตัน เงินที่จ่ายให้เกษตรกร 132,555.690 ล้านบาท
    สรุปแล้ว ตั้งแต่เริ่มโครงการรับจำนำข้าวเปลือกวันที่ 7 ต.ค. 2554 - ก.พ. 2556 รัฐบาลรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรมาเก็บไว้ในสต็อกแล้ว 29.94 ล้านตัน และจ่ายเงินแล้ว 4.69 แสนล้านบาท ไม่รวมค่าบริหารโครงการไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท ทำให้รัฐบาลมีข้าวสารเก็บไว้ในสต็อก 17-18 ล้านตัน" 
    ถามว่า...เก็บไว้ทำไม คำตอบคือ...ก็ขายไม่ได้น่ะซีโว้ย ก็จะขายได้ยังไงในเมื่อข้อมูล FAO ระบุ ๕ ก.พ.๕๖ ข้าว ๕% ของไทย ๕๙๙ เหรียญยูเอสต่อตัน ในขณะที่ข้าว ๕% ของญวน ๓๘๕ เหรียญยูเอสต่อตัน ข้าว ๕% ของอินเดีย ๔๓๐ เหรียญยูเอสต่อตัน และข้าว ๕% ของปากีสถาน ๔๒๐ เหรียญยูเอสต่อตัน
    ในขณะที่ก่อนมีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก พบว่าข้าว ๕% ของไทย เฉลี่ยปี ๕๕ อยู่ที่ ๕๗๓ เหรียญยูเอสต่อตัน ข้าว ๕% ของญวน ๔๓๒ เหรียญยูเอสต่อตัน และข้าวขาว ๕% ของอินเดีย ๔๓๕ เหรียญยูเอสต่อตัน
    จะเห็นว่า ข้าวไทยแพงกว่าข้าวญวนและอินเดียเกือบ ๑๕๐ เหรียญยูเอสต่อตัน แบบนี้ใครล่ะจะซื้อ แล้วจะมาโทษดอลลาร์แข็ง-บาทอ่อน ทำให้สินค้าส่งออกแข่งขันกับใครไม่ได้ แล้วพาโลบีบบังคับให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย! 
    สันดานนัก แล้วดูซี ปีที่แล้ว ๒๕๕๕ เราส่งออกข้าวได้แค่ ๖.๙๔ ล้านตัน แต่อินเดียส่งออกได้ ๙.๗๕ ล้านตัน และญวนส่งออกได้ ๙.๔ ล้านตัน แต่ยังมีหน้าพลิกตัวเลขตอแหล...ส่งออกจำนวนน้อย แต่ตัวเงินได้มากกว่า
    ขอถามว่า แล้วมันคุ้มมั้ย กับข้าวที่ซื้อมาเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ แต่ต้องเก็บไว้เน่าคาโกดังอีกร่วม ๒๐ ล้านตัน ไอ้หนุ่มมากกับไอ้แก่น้อยขุนพลเศรษฐกิจข้างกระโปรงยิ่งลักษณ์ ลองเอาตัวเลขไปคำนวณดูซิ ได้เท่าไหร่แล้วบวกค่าบริหารโครงการเข้าไปอีก ๕ หมื่นล้าน
    ๕ แสนล้าน รัฐบาลขายแบบเจ๊ทูเจี๊ยะได้เงินคืน ธ.ก.ส.ซักกี่ล้าน แล้วทักษิณสั่งให้เดินหน้าซื้อข้าวเก็บไว้อย่างนี้ไปอีกหลายปี ถามว่า ธ.ก.ส.เจ๊งก่อน หรือรัฐบาลเจ๊งก่อน หรือประเทศพังก่อน?.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น