วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปข่าวจาก นสพ.ที่น่าสนใจวันที่ 12 ก.พ.56




สรุปข่าวที่น่าสนใจ
รีดแต๊ะเอียพ่นพิษกักขังสวป.เด้งจากสน.บางรัก
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.  กล่าวว่า  ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว  ตรวจสอบทราบว่า ทั้งหมด 3 นาย  เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก ทราบชื่อ พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์  สุขบินดี  สวป.สน.บางรัก ด.ต.ประสาน เกยเมือง  และ ด.ต.อนุชิต หมื่นยุทธผบ.หมู่ป.สน.บางรัก  โดยบ่ายวันที่ 11 ก.พ. พล.ต.ต.วัลลภ  ประทุมเมือง ผบก.น.6 เรียกทั้ง  3 คน  เข้ามาพบ ก็รับสารภาพว่าเป็นเรื่องจริงและเข้าไปที่ร้านดังกล่าวจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าว จึงสั่งการให้ ผบก.น.6  ดำเนินการลงโทษ  พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สั่งกักขัง  สวป.สน.บางรัก เป็นเวลา 3 วัน และให้มาช่วยราชการที่ บช.น.เป็นเวลา  30  วัน  เริ่มตั้งแต่วันที่   11  ก.พ.  ส่วนตำรวจระดับชั้นประทวนให้ บก.น. 6  พิจารณาโทษและส่งไปช่วยราชการที่  บก.น.6
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว   ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก เรียกรับเงินแต๊ะเอียคงต้องตรวจสอบในเรื่องของหลักการมีเรื่องวินัยความเหมาะสมอยู่แล้ว  ตร.สั่งการไปก่อนหน้านี้แล้ว และยังย้ำเตือนถือว่าการกระทำอย่างนี้ผิดวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมาตรการในการดำเนินการอยู่แล้ว
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  12/02/2013
เข้ามอบตัวอีก 2 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่  11 ก.พ. เวลา 15.30 น. ที่ สน.วังทองหลาง นายคมสัน  อาจราญ  หรือ  หนึ่ง  อายุ  29  ปี  และ น.ส.วรีรัตน์  เส็งประเสริฐ  หรือ  อ๊อฟ อายุ  28  ปี  2 ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุรีดทรัพย์ เอม – เจษยา เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น. 4 และพนักงานสอบสวนในคดีนี้ก่อนที่จะสอบปากคำเบื้องต้น  และนำตัวทั้งคู่มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ขณะที่  พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์  เงินฉลาด   พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.วังทองหลาง  กล่าวว่า  จากกรณีที่ผู้ต้องหาพาดพิงถึงดาราสาวเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น เป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้  แต่หากเป็นการเข้าจับกุมจริงทำไมไม่นำตัวพร้อมของกลางมาดำเนินคดีในวันนั้น แม้จะมีการอ้างว่ามีการบันทึกภาพไว้ขณะจับกุมพร้อมยาเสพติดในทางกฎหมายก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นยาเสพติดจริงหรือไม่
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  12/02/2013
สลดนร.ก่อคดีสยองแทงครูสาหัส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  11  ก.พ. พ.ต.ต.ณัฐวรรษ พรมปลูก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลกรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ.ชาติตระการ ว่า มีคนถูกแทงบาดเจ็บมารักษาตัว  รุดไปตรวจสอบทราบชื่อ นายบรรจง  อินทุภูมิ อายุ 37  ปี  ชาว จ.พิษณุโลก  เป็นครูสอนวิชาประวัติศาสตร์และเป็นครูฝ่ายปกครอง  โรงเรียนชาติตระการวิทยา ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่สะบักขวาใกล้ต้นคอ  1 แผล อาการสาหัส แพทย์ส่งต่อไปที่ รพ.พุทธชินราช  อ.เมืองพิษณุโลก สอบปากคำนายบรรจง ให้การว่ามีนักเรียนชายชั้น ม. 3 วัย 15 ปีคนหนึ่ง ออกอุบายว่านักเรียนหนีเรียน ด้วยความเป็นห่วงจึงขี่รถ จยย. พานักเรียนชายคนดังกล่าวนั่งซ้อนท้ายไปตรวจสอบ แต่ระหว่างทางจู่ๆนักเรียนชายที่นั่งซ้อนท้ายชักมีดปลายแหลมที่พกติดตัวออกมาแทง ทำให้รถเสียหลักล้มลง หลังตั้งสติใต้ตะโกนถามนักเรียนมือมีดว่า “แทงครูทำไม”  พร้อมเข้าแย่งมีดจากนักเรียนมาได้ ขณะที่นักเรียนคนดังกล่าววิ่งหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานสาเหตุไว้  2 ประเด็นคือ ประเด็นแรกเกิดจากความขัดแย้งระหว่างครูกับนักเรียน  ส่วนอีกประเด็นเป็นเรื่องชิงทรัพย์  โดยทราบว่าช่วงเกิดเหตุนายบรรจง สวมสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทและมีเงินสดติดตัวอยู่ประมาณ 12,000 บาท โดยวางแผนลวงนายบรรจง แต่ไม่สามารถลงมือได้สำเร็จ เนื่องจากนายบรรจงมีรูปร่างสูงใหญ่ หลังเกิดเหตุตำรวจกระจายกำลังออกติดตามนักเรียนรายนี้แล้ว คาดว่าน่าจะได้ตัวในเร็วนี้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  วันที่  12/02/2013
ปมรวมสัญญา 396 โรงพักเค้น “ปทีป” ดีเอสไอเล็งบี้แจง “เหตุผล”
นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบ สภ. เชียงใหม่  ว่า  สภ.เชียงใหม่ เป็นโรงพักขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ มีการส่งมอบพื้นที่ให้บริษัทก่อสร้างตั้งแต่เดือน พ.ย. 2554 ต่อมามีกรปรับแก้แบบการก่อสร้างจาก 4 ชั้นเหลือ 3 ชั้น ต่อมาไม่มีความคืบหน้านอกจากการทุบอาคารเก่าทิ้ง เหลือเพียงอาคารเก่าส่วนด้านหน้าเพื่อการอนุรักษ์ไว้ ทั้งๆที่บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์  แอนด์  คอนสตรัคชั่น จำกัด  มีสำนักงานใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ แต่ไม่ได้เข้ามาก่อสร้างอย่างจริงจัง ปล่อยให้กลุ่มผู้รับเหมารายอื่นเข้ามาก่อสร้างซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้  นอกจากนี้ ยังพบว่าบริษัท พีซีซีฯ เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างเพียงแค่ส่งวัสดุก่อสร้างให้ผู้รับเหมารายอื่นๆเข้ามาดำเนินการ  คาดว่าภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้  คดีดังกล่าวจะมีความชัดเจนในหลายมิติ  ในส่วนของคดีความผิดตาม พ.ร.บ.เสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ  พ.ร.บ.ฮั้วประมูล  อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการประมูลและความเชื่อมโยงเกี่ยวกับผู้ที่เข้าข่ายกระทำผิดรวมทั้งการเข้าให้ข้อมูลของอดีตผู้บังชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)  ประกอบด้วย  พล.ต.อ.พัชรวาท  วงษ์สุวรรณ  พล.ต.อ.ปทีป  ตันประเสริฐ  พล.ต.อ.วิเชียร  พจน์โพธิ์ศรี พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว  ผบ.ตร.คนปัจจุบัน  ในส่วนของฝ่ายการเมือง  คือ  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล ตร.     (หนังสือพิมพ์มติชน)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายธาริตเข้าหารือกับผู้ว่าฯเชียงใหม่ ได้สั่งการ พ.ต.ท.ถวัล เดินทางไปยังที่ตั้งบริษัทพีซีซีฯ เลขที่ 292/1 ถ.เชียง ใหม่-ลำปาง ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อไปถึง พ.ต.ท.ถวัล เข้าพูดคุยกับ 3 ผู้บริหารระดับสูงของพีซีซีฯ โดยแจ้งว่าขอให้ผู้บริหารพีซีซีฯรีบเข้าชี้แจงกับดีเอสไอภายใน 15 วัน ตามที่มีหนังสือมาถึงก่อนหน้านี้ เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น    (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)   
นางแบบโผล่ปัดเอี่ยวขาย “เฟอร์บี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่  11  ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ณัฐาศินี  วิชัยดิษฐ  หรือ  นาตาลี อายุ  21 ปี  นางแบบลูกครึ่งไทย – เยอรมัน  พร้อมนายกันณ์ระพี  วิไลภรณ์ ผู้จัดการส่วนตัว  เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล  รอง ผบก.ป. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังตกเป็นข่าวกรณีถูกนำรูปถ่ายคู่กับดาราหนุ่มมาอ้างหลอกลวงผู้เสียหาย สั่งซื้อตุ๊กตาเฟอร์บี้ผ่านอินเตอร์เน็ตจนทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก พร้อมนำหลักฐานมามอบให้ โดยน.ส.ณัฐาศินี ยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก น.ส.ชนนิกานต์  ไตชิละสุนทร หรือ ติ๊บ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาข้อหาฉ้อโกงประชาชนรวมทั้งผู้เสียหายแต่อย่างใด และไม่เคยทำธุรกิจสั่งซื้อหรือขายตุ๊กตาเฟอร์บี้กับใครทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวใดๆทั้งสิ้น  ส่วนกรณีที่นามสกุลคล้ายกับนายยงยุทธ  วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.มหาดไทยนั้น  น.ส.ณัฐาศินี กล่าวว่า  เป็นหลานจริง  แต่เป็นเพียงญาติห่างๆเท่านั้น  ส่วนตัวไม่ได้รู้จักอะไรกับนายยงยุทธแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล  รอง ผบก.ป.  กล่าวว่า  หลังจากที่ทางผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าได้นำเงินจากการหลอกลวงผู้เสียหายไปให้บุคคลที่ชื่อว่าแนท  ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจสอบว่าคนที่ชื่อแนทเป็นใครและมีจริงหรือไม่ จากนั้นก็ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาได้โพสต์รูปของนาตาลีลงในอินเตอร์เน็ตโดยอ้างชื่อว่าแนท  เป็นลูกครึ่งไทย – อิตาลี ในการหลอกลวงผู้เสียหาย  ทางนาตาลีเจ้าของรูปตัวจริงจึงได้เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว  และไม่เคยรู้จักกับทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหามาก่อน  หลังจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่  12/02/2013
“โป๊ป” ตัดสินพระทัยสละตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่  11  กุมภาพันธ์  สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า  สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16  ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก  ทรงประกาศว่า พระองค์จะสละตำแหน่งประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกซึ่งมีศาสนิกชนอยู่ทั่วโลกราว  1,100 ล้านคน ในวันที่  28  กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้  ซึ่งถือเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่  หรือในรอบเกือบ 600 ปีที่ผ่านมา ที่ประกาศจะสละตำแหน่งผู้นำคริสตจักรแห่งนี้  โดยพระองค์ให้เหตุผลในเรื่องของอายุและร่างกายที่ทำให้พระองค์ไม่สามารถปฏิบัตหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ต่อไป ทั้งนี้  หลังการตัดสินพระทัยสละตำแหน่ง ได้มีการกำหนดวันที่จะประชุมราชาคณะสงฆ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกเพื่อทำการเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่กันต่อไปภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่  12/02/2013
ไม่ใช่แค่เฟอร์บี้! ไอโฟน 5 ตุ๋นอีกอื้อ – สูญ 30 ล.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นอกเหนือจากกรณีการตุ๋นขายตุ๊กตาเฟอร์บี้แล้ว ยังมีอีกเหตุในการหลอกลวงขายโทรศัพท์ไอโฟนอีกด้วย โดยเมื่อวันที่  11 ก.พ.  ที่กองปราบปราม น.ส.ปูชิตา แจ้งกระจ่าง อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง น.ส.ธิดารัตน์ เทพอิษอายุ 24 ปี พร้อมผู้เสียหายอีก 6 คน เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป.  เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ฌัชสุดาภรณ์ พลอยงาม หรือ แอน อายุ 31 ปี ที่หลอกขายโทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส และไอโฟน 5 ให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ปรากฏว่าเมื่อโอนเงินไปแล้ว กลับไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 20 ล้านบาท พร้อมนำเอาสลิปการโอนเงินมามอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน ต่อมามีผู้เสียหายอีก 2 ราย ที่เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มเติมด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ อ้างว่าร่วมลงทุนกับ น.ส.ฌัชสุดาภรณ์ ขายโทรศัพท์ไอโฟน 5 มาขาย ปรากฏว่าได้สูญเงินรวมกันไปกว่า 12 ล้านบาทอีกด้วย   เบื้องต้น พ.ต.อ.ประสพโชค ให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน เตรียมดำเนินคดีต่อไป
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  12/02/2013
เอมโต้ลั่นแก๊งตร.ซัดค้าไอซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อช่วงเย็นวันที่  11 ก.พ. ดาราสาว เอม-เจษยา ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะข่าวเด่นกับสรยุทธ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่า ขอยืนยันว่าตนไม่มียาไอซ์ พร้อมต่อสู้ด้วยความจริงถึงที่สุดแม้อีกฝ่ายจะเป็นตำรวจ และตนก็เป็นผู้หญิงคนเดียว
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  12/02/2013
รดน้ำร้อนตัดใบหูหนู 7 ขวบลักกักตัวเป็นทาส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  11 ก.พ. ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร ถนนเทศา 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร หลังได้รับแจ้งว่าทางบ้านพักฯ ได้รับตัว ด.ญ.แอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ชาวกระเหรี่ยง ที่ถูกสามีภรรยาชาวไทยคู่หนึ่ง ลักพาตัวมาบังคับให้เป็นคนรับใช้ กักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในบ้านพักใน อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นานกว่า 5 ปี โดยหากเหยื่อสาวรายนี้ขัดคำสั่งก็จะถูกสามีภรรยาใช้วิธีทารุณกรรมต่าง ๆ อาทิ จับขังในกรงสุนัข ใช้น้ำร้อนราดตัวจนเป็นแผลเป็นทั่วร่างกาย  เมื่อไปถึงพบนายธนวัฒน์ สถิตย์ หัวหน้าบ้านพักฯ กำลังนั่งสอบถามเรื่องราวจาก ด.ญ.แอ ที่อยู่ในสภาพเป็นแผลเป็นจากการถูกน้ำร้อนลวกทั่วร่างกาย ที่บริเวณหน้าอก หน้าท้อง ต้นขา หัวเข่า และส้นเท้าทั้ง 2 ข้าง มีแต่รอยแผลเป็นที่เป็นก้อนเนื้อนูนขึ้นมาแทนที่ผิวหนังเดิม อีกทั้งแขนทั้ง 2 ข้าง ถูกน้ำร้อนลวกจนเนื้อเชื่อมติดกับลำตัว จนไม่สามารถยกแขนหรือขยับได้ เป็นที่น่าเวทนาและสลดหดหู่ใจของผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
ด้านนายธนวัฒน์ สถิตย์ หัวหน้าบ้านพักฯ กล่าวว่า ขณะนี้เด็กยังอยู่ในความดูแลอย่างปลอดภัย มีอาหาร ที่นอน เสื้อผ้า และมีเจ้าหน้าที่เข้าเวรยามดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ อีกทั้งให้นักจิตวิทยาช่วยดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยหลังจากที่ได้รับตัวเด็กเข้ามายังบ้านพักฯ ในวันที่ 31 ม.ค. แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สุวิชา เตชะวรรณวุฒิ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.กำแพงเพชร ในวันที่ 2 ก.พ. ให้ดำเนินคดีกับสองสามีภรรยา  จนกระทั่งต่อมาในวันที่ 6 ก.พ. ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับสองสามีภรรยาเจ้าของบ้าน รวม 5 ข้อหา และเข้าจับกุมในวันที่ 7 ก.พ. โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งทั้งคู่ได้ทำเรื่องประกันตัวในชั้นศาลขอประกันตัวออกไป
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  12/02/2013
ร้องเชือด มาร์ค – ศิริโชค –เสรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่  11 ก.พ.  ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายอภิชาต สุขัคคานนท์  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และพล.ต.ท.ทวีศักดิ์  ตู้จินดา  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.)   เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายศิริโชค โสภา ที่เป็น ส.ส.ฐานเป็นผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 หรือไม่ จากกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่านายศิริโชค ได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก ในลักษณะใส่ร้าย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่ากทม.พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการเผาบ้านเผาเมือง ว่า เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ดังกล่าวตามมาตรา 57 (5) ที่มีเนื้อหา “หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด หรือไม่  รวมถึงนายอภิสิทธิ์  ที่ไปปราศรัยว่า “อภิสิทธิ์เบอร์อะไร”… (16) ประชาธิปัตย์เบอร์อะไร… (16)” ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ผู้สมัครตามความหมายในมาตรา 4 แต่อย่างใด  นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบกรณีที่ นายเสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์  โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ใครก็ตามที่ไม่ต้องการให้เพื่อไทยยึดครองกรุงเทพ ปราการด่านสุดท้ายที่เหลืออยู่ เราต้องถามตัวเองว่าจะลงคะแนนให้ใครที่จะทำให้พงศพัศ ไม่ได้เป็นผู้ว่า คำตอบก็คือคุณชายสุขุมพันธ์หมายเลข 16 ” ซึ่งอาจเข้าข่ายถือเป็นผู้ที่กระทำการใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใดอันความผิดตามมาตรา 57 (5) หรือไม่    อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า การยื่นเรื่องให้ตรวจสอบในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติที่จะเจาะจงเอาผิดกับผู้สมัครรายใดหรือพรรคการเมืองใด แต่กรณีดังกล่าวนี้ เมื่อพบว่าเข้าข่ายที่จะผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ตนก็จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้กกต.ดำเนินการตรวจสอบ
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  12/02/2013
รัฐส่อถอย “เคอร์ฟิว”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  กล่าวก่อนการประชุม ว่า  ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการประกาศเคอร์ฟิว  ทั้งหมดอยู่ในคณะกรรมการ (หมายถึงคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กปต.)  แต่หากคิดว่าสุดความสามารถก็ต้องขอความร่วมมือประชาชนเพื่อให้พื้นที่มีความสงบไม่ใช่อยู่ๆจะมาประกาศต้องรับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ด้วย ยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. กล่าวภายหลังการประชุมว่า  แนวคิดการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรีขอให้ไปประชุมเพื่อหาข้อยุติในศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.)วันที่  15 ก.พ. ที่สมช.
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง   กล่าวว่า บรรยากาศในที่ประชุมมีการถามความเห็นหน่วยงานในพื้นที่  ซึ่งส่วนใหญ่แจ้งกลับมาว่ายังสามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงเดิมที่บังคับใช้อยู่ได้  ขณะนี้จึงรอเพียงข้อมูลเพิ่มเติมจาก พ.ต.อ.ทวี ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่กลับมารายงานเท่านั้น
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง   รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  จะขอฟังบรรยายสรุปจากกองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวันที่ 15 ก.พ.ก่อนว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่หากยังไม่ได้ข้อสรุป ก็จะใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์ต้องสรุปให้ได้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  12/02/2013
คุม 2 แบงก์รัฐ
นายสมชัย   สัจจพงษ์  ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  (สศค.) กล่าวว่า  กระทรวงการคลังส่งทีมงานจาก  สศค.  และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ  (สคร.) เข้าไปดูแลและติดตามการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของธนาคารรัฐที่มีปัญหา  2 แห่ง คือ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ทั้งนี้  ให้ทีมงานดังกล่าวรายงานตรงต่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง  รองนายกรัฐมนตรีและรมว. คลัง  นายอารีพงศ์  ภู่ชอุ่ม   ปลัดกระทรวงการคลัง  ทันทีหากมีปัญหาว่าแผนฟื้นฟูดำเนินการไม่ได้ตามเป้าหมายหรือว่ามีอุปสรรคที่ต้องการให้กระทรวงการคลังเข้าไปช่วยเหลือ “คลังจะให้เวลาดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการให้แล้วเสร็จภายใน  6 เดือน  ก่อนจะพิจารณาว่าจะเพิ่มทุนให้  หรือหากทำไม่ได้ก็จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป”
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่  12/02/2013
ล้มด่วนขั้น 3 ทั้งเส้นผุดรถไฟฟ้า
นายชัชชาติ   สิทธิพันธุ์  รมว.คมนาคม  กล่าวว่า  ได้ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สรุปรายละเอียดการปรับแผนก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา (ไลต์เรล)  แทนการก่อสร้างโครงการทางด่วนขั้นที่ 3  ทั้งเส้น ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ให้กลับมายังกระทรวงภายใน 1 เดือน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่  12/02/2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น