วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ปูสั่งสตช.เร่งสางโรงพัก เสี่ยอ่างแฉพิรุธเสียค่าโง่ ข่าวหน้า 1 9 February 2556 - 00:00


ปูสั่งสตช.เร่งสางโรงพัก เสี่ยอ่างแฉพิรุธเสียค่าโง่




"ปู" สั่ง สตช.เร่งสางปมสร้างโรงพัก ปัดกลั่นแกล้งฝ่ายค้าน ตร.ร่อนหนังสือบี้ผู้รับเหมาแจงค่าใช้จ่าย จ่อทวงคืนเงินล่วงหน้า 877 ล้าน "พงศพัศ" อ้างเรื่องเก่าวอนอย่าป้ายสี "มาร์ค" ฉะ "ธาริต" เมินสอบ "เพรียวพันธ์" ท้าสอบ ครม.ยิ่งลักษณ์บริหารสัญญาชุ่ย "ชูวิทย์" แฉพิรุธมอบที่ดินช้า เปิดช่องเอกชนไม่จ่ายค่าปรับ หวั่นรัฐเสียค่าโง่
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า นายกฯ ได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เร่งรัดแก้ไขปัญหาการก่อสร้างสถานีตำรวจ โดยพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และสร้างขวัญกำลังใจให้กับหัวหน้าสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจทั้ง 396 แห่งให้เข้มแข็ง 
    โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเรื่องการแก้ไขปัญหาออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.การดำเนินการสัญญาต่างๆ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ดูแลเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 2.สตช.ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมแผนงานในกรณีหากมีการยกเลิกสัญญาและมีการจัดทำสัญญาใหม่โดยเน้นการกระจายอำนาจ และ 3.การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนระหว่างไม่มีที่ทำการ เน้นให้ประชาชนได้รับบริการอย่างเต็มที่ และตำรวจสามารถปฏิบัติงานได้ ทั้งสนับสนุนงบประมาณ การเชิญผู้กำกับทั้ง 396 แห่งมารับนโยบายการแก้ปัญหา และความช่วยเหลือต่างๆ ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความพอใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว    
    น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ไม่มีการกลั่นแกล้งตามที่ฝ่ายค้านระบุ เพราะเรื่องทั้งหมดมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทุกหน่วยงานทำตามขั้นตอน หากฝ่ายใดเกี่ยวข้องกับความผิดต้องว่าไปตามขั้นตอน
    พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง ที่ก่อสร้างไม่เสร็จตามกำหนด กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุง ทำหนังสือถึงผู้รับเหมาให้แสดงหลักฐานรายละเอียดการใช้จ่ายเงินล่วงหน้าตามสัญญา ซึ่งสัญญาระบุไว้หากผู้รับจ้างไม่อาจแสดงหลักฐานหรือใช้เงินไปในทางอื่น ผู้ว่าจ้างอาจเรียกเงินค่าจ้างล่วงหน้าคืนจากผู้รับจ้างได้ทันที ส่วนการพัฒนาสถานีตำรวจชั่วคราวนั้น ได้นัดประชุมหัวหน้าสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่ง ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงินค่าจ้างล่วงหน้าที่ สตช.จ่ายให้กับผู้รับเหมาเป็นเงิน 877,200,000 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของราคาค่าจ้าง ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และได้มีการพิจารณาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่ามีข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
    พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่มีชื่ออยู่ในเอกสารการประกวดราคาก่อสร้างโรงพักทดแทนว่า เป็นเรื่องเก่าแล้ว ไม่ได้มีอำนาจอนุมัติอะไร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. และยินดีให้มีการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เป็นตำรวจมา 30 กว่าปี ไม่เคยมีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่ขอร้องอย่าทำการให้ร้ายแก่ผู้สมัคร ตนพยายามอดทนไม่ฟ้องร้องใคร 
    ทางด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าไปเกี่ยวข้องเพียงแค่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินให้กับโครงการนี้เท่านั้น หากดีเอสไอต้องการดำเนินการอย่างจริงจัง ควรจะสอบสวนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่ใช่ละเว้นช่วงการบริหารสัญญา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ดังนั้นจะต้องเชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้บริหารสัญญายาวนานที่สุดมาชี้แจงด้วย 
    "หากมีการนำเรื่องการต่ออายุครั้งสุดท้ายเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวันที่ 7 พ.ย.55 ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และนายธาริตใช้หลักปฏิบัติเดียวที่ทำกับผมก็ต้องให้ ครม.ชุดนี้รับผิดชอบด้วย เพราะบริหารสัญญาเกิดขึ้นในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอว่ากล้าหรือไม่" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า ยังไม่ได้ฟ้องนายธาริตฐานหมิ่นประมาท แต่พร้อมที่จะรักษาสิทธิ์ตามกฎหมายหากมีการพาดพิงทำให้เกิดความเสียหาย 
    อย่างไรก็ตาม ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนทั้งของตำรวจและชาวบ้านจากการก่อสร้างโรงพักไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ร.ต.อ.เฉลิม และ ผบ.ตร.คนปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่ใช้วิธีโยนความผิดไปรัฐบาลที่แล้ว 
    นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พบมีความผิดปกติใน 3 เรื่อง ดังนี้ 1.พยายามผลักความรับผิดชอบให้กับรัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นความเห็นของ สตช. สมัย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และ พล.ต.อ.พงศพัศลงนามในการออกแบบการประมูล 2.ถ้าการก่อสร้างมีความผิดปกติตั้งแต่ต้นทำไมไม่ยกเลิกสัญญา แต่กลับมีการต่ออายุสัญญาให้กับบริษัท พีซีซีฯ ถึง 3 ครั้ง รวมเป็นเงินที่ราชการเสียหาย 1,026 ล้านบาท และ 3.บริษัทดังกล่าวเริ่มรับงานตั้งแต่ปี 2548 สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังจากนั้นรับงานต่อเนื่องจากพรรคไทยรักไทยถึงพรรคพลังประชาชน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์
    ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการต่อสัญญาที่ขยายเวลาการก่อสร้างออกไปถึง 3 ครั้ง กินเวลาถึง 9 เดือน ซึ่งตามสัญญาพีซีซีจะต้องเสียค่าปรับจากการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จวันละ 5.8 ล้านบาท รวม 9 เดือน ทำให้รัฐเสียหายถึง 1,566 ล้านบาท แต่พบว่ามีอยู่ 10% คือกว่า 30 แห่ง ที่ทาง สตช.เพิ่งส่งมอบพื้นที่ให้กับพีซีซีไปดำเนินการก่อสร้างเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้บริษัทใช้เป็นข้ออ้างในการต่อสู้ไม่จ่ายค่าปรับได้ เพราะส่งมอบพื้นที่ให้ช้า ซึ่งประเด็นเหล่านี้นายธาริตกลับไม่นำมาพูดกับสังคม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น