วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สูญเสียหนักล้างแค้นแน่ ‘นักวิชาการ’เตือนระวัง ข่าวหน้า 1 14 February 2556



สูญเสียหนักล้างแค้นแน่ ‘นักวิชาการ’เตือนระวัง



นักวิชาการชี้กลุ่มก่อความไม่สงบจะปฏิบัติการล้างแค้นเอาคืนแน่ หลังสูญเสียอย่างหนัก แนะรัฐบาลหยุดแนวคิดประกาศใช้เคอร์ฟิว เพราะสถานการณ์ยังไม่แรงและอาจเข้าทางโจรใต้ได้ ควรเน้นการข่าวและเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น    
    มีความเห็นจากนักวิชาการต่อเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะล่าสุดหน่วยนาวิกโยธินปะทะกลุ่มก่อความไม่สงบขณะบุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหาร ร้อยปืนเล็กที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 32 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยนายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการอิสระภาคใต้ กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์นี้ เชื่อแน่ว่าจะมีการตอบโต้อย่างรุนแรงตามมาอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้จะเกิดพื้นที่ไหน   
นายอัฮหมัดสมบูรณ์เตือนว่า หากเดินหน้าประกาศเคอร์ฟิวจะเข้าทางความต้องการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะนี่คือสิ่งที่พวกนี้ต้องการให้เกิดขึ้นในพื้นที่อยู่แล้ว ทั้งนี้เท่าที่ทราบข้อมูลมา รัฐบาลพยายามเดินหน้าสันติวิธี ส่วนการป้องกันก็เดินหน้าต่อไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมาตรการกฎหมายพิเศษ ทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง และกฎอัยการศึก ก็เพียงพอแล้วและกระทบต่อวิถีชีวิต 
"หากประกาศสถานการณ์ในพื้นที่ก็เพิ่มความตึงเครียดกับชาวบ้านมากขึ้น ทั้งความหวาดกลัว ในขณะที่ทหารเองก็เกร็ง เพราะสถานการณ์แบบนี้มันพร้อมที่จะถูกโจมตี แยกไม่ออก เพราะพวกโจรก็ใช้วิธีการแต่งชุดทหาร มันเป็นการกระทำที่ถึงขั้นบ้าบิ่นแล้ว" นายอัฮหมัดสมบูรณ์กล่าว
นายอัฮหมัดสมบูรณ์กล่าวต่อว่า นี่เป็นสงคราม และรัฐบาลก็ประกาศสงครามมานานแล้ว พวกเขาไม่ใช่โจร และรัฐบาลต้องยอมรับเรื่องของการปฏิวัติเอกราชปัตตานี ว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง และเป็นกลุ่มที่มีอุดมการณ์ ไม่ใช่โจรอย่างที่คิด เพราะถ้าเป็นโจร 9 ปีทำไมจะปราบไม่ได้ ฉะนั้นถ้าหากชนะย่อมไม่ใช่ชนะกันด้วยอาวุธอย่างแน่นอนในพื้นที่ชายแดนใต้" 
    นักวิชาการผู้นี้ระบุว่า ขณะนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังเดินหน้าพูดคุยกับแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐอยู่ แต่ไม่ได้หมายถึง ร.ต.อ.เฉลิม เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้มีความรู้มากพอที่จะดำเนินการ ซึ่งจะช่วยให้ช่องทางเปิด แต่หากมีการประกาศเคอร์ฟิวขึ้นมาสถานการณ์ก็จะไม่เอื้อ และจะทำลายขบวนการสันติภาพอย่างแน่นอน 
    "ร.ต.อ.เฉลิมไปคุยจริง แต่คุยแบบไม่ได้คุย มัวแต่เมาอยู่ แต่มีคนอื่นพูดต่างหาก ที่รัฐบาลพยายามทำ เพราะอยากให้เห็นว่ารัฐบาลเพื่อไทยทำได้ แก้ปัญหาเรื่องปัญหาชายแดนใต้ได้ แต่การเดินทางยังไปไม่ถึงเป้าหมาย สำหรับผมและคนในพื้นที่ เราก็ต้องสนับสนุน เพราะสำหรับเราชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหนก็ได้ เพียงแต่ทำให้สถานการณ์ในบ้านเราเกิดสันติก็พอ" นายอัฮหมัดสมบูรณ์กล่าว
    เขาประเมินสถานการณ์ในอนาคตว่าน่ากลัว แต่สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ พวกเขากลัวกันมานานแล้ว แต่ก็ต้องช่วยกันหาทางออก ไม่ใช่ฝากความหวังไว้ที่เจ้าหน้าที่ และตั้งหน้ารบกันอย่างเดียว อย่ายึดความคิดแบบทหาร ที่ต้องการแค่ให้ชนะ ตายเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร สำคัญคือการใช้กระบวนการพูดคุย รัฐไทยต้องสร้างสิ่งที่เรียกว่าความไว้เนื้อเชื่อใจได้ มันต้องมีจุดตรงนี้ เพราะที่ผ่านมา คุยไปเท่าไหร่ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นบทเรียน คุณจะมาหลอก ตบหัวแล้วลูบหลัง 
    ขณะที่ นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ (CSCD) กล่าวว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากผู้ก่อความไม่สงบเกิดความสูญเสียจำนวนมาก และอาจจะลงมือปฏิบัติการตอบโต้หรือแก้แค้นเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องควบคุมป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญอย่างฐานปฏิบัติการทางการทหาร ด่านสกัด เป็นต้น 
    “การตอบโต้จะแรงขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของฝ่ายทหารว่าได้มีการป้องกันและการข่าวที่ดีหรือไม่ หรือบางทีผู้ก่อความไม่สงบอาจจะยังไม่กล้าก่อเหตุในตอนนี้ก็ได้ เนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่มีความพร้อม รวมทั้งข้อผิดพลาดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก” นายศรีสมภพ กล่าว
ส่วนแนวคิดการประกาศเคอร์ฟิวของ ร.ต.อ.เฉลิมนั้น ตนคิดว่าสถานการณ์โดยทั่วไปยังไม่มีความจำเป็นและไม่น่าจะต้องประกาศเคอร์ฟิว หรือหากจะมีการประกาศจริงๆ ควรจะให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เป็นผู้ประเมินสถานการณ์เองดีกว่า ว่าพื้นที่ใดมีความจำเป็น เนื่องจากรู้ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ดี.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น