วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แฉก๊วนพาสุวิชชัยเหาะ คาด‘คนแดนไกล’เอี่ยว ข่าวหน้า 1 11 February 2556


แฉก๊วนพาสุวิชชัยเหาะ คาด‘คนแดนไกล’เอี่ยว



แม้วคิลบิล สมคิดแฉ "ทักษิณ" ผู้มีบารมีนอกประเทศล่าเช็กบิล เหตุน้องชาย "สมเจตน์" ใช้เครือข่ายอำนาจตำรวจแดงไล่ล่า หวังปิดคดีนักธุรกิจซาอุฯ ระบุอัยการถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ แฉข่าวในดีเอสไอระบุแผนหักหลังพยานสำคัญ เบิกความสมประโยชน์ลากตัวกลับไทย งัดหลักฐานฟ้อง ป.ป.ช. 13 ก.พ. 
    เมื่อวันอาทิตย์ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ 8) จำเลยในคดีการหายตัวไปของนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.พ. จะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นฟ้อง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 2.เจ้าหน้าที่อัยการ 3.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    พล.ต.ท.สมคิดกล่าวว่า นอกจากนี้ ขอให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 2 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ท.จิตติวัฒน์ พูลผล และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ว่าเป็นผู้นำตัวพยานปากสำคัญในคดีนี้ คือ พ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก หรือนายเกียรติกรณ์ แก้วผลึก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับตามคำพิพากษาของศาลมีนบุรีที่ให้จำคุกตลอดชีวิต ในคดีฆ่านายฉัตรดำรงพรรณ ชัยเฉลิมภัค เชื้อพระวงศ์ลาว แกนนำขบวนการต่อต้านลาว จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อช่วงเวลา 02.00 น. ของคืนวันที่ 21 ธ.ค.2555 หรือไม่
    พล.ต.ท.สมคิดระบุว่า ถ้าหากบุคคลทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตรงนี้ก็จะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ดูพิลึก และอาจเกินขอบเขตหน้าที่ รวมถึงจะเป็นหลักฐานที่แสดงว่า ที่ผ่านมาคำแถลงของอัยการต่อศาลนั้น ถือว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ทั้งนี้หากพบ พ.ต.ท.สุวิชชัยที่ประเทศยูเออี ก็ควรจะดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาขึ้นศาลไทย แม้ไทยจะไม่มีสนธิสัญญากับยูเออี แต่เราเคยช่วยจับผู้ต้องหาฉ้อโกงเงินที่มากบดานในประเทศไทยมาก่อน ตรงนี้น่าจะช่วยได้
    "เรายื่นแถลงขอให้ศาลดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เนื่องจากกระบวนการทั้งหมด แถลงเท็จต่อศาลว่าพบพยานหลบหนีหมายจับไปพำนักอยู่ที่นั่น ความจริงแล้ว อัยการและดีเอสไอเป็นตัวการนำพาพยานให้หลบหนีไปต่างหาก แต่ศาลสั่งว่าให้ไปว่ากล่าวกันอีกคดีหนึ่ง เราเคารพในคำสั่งของศาล แต่ไม่เห็นพ้องด้วย" พล.ต.ท.สมคิดกล่าว 
    เขาระบุว่า มีหลักฐานเป็นสำเนาเอกสารว่า พ.ต.ท.สุ
วิชชัยได้มีการทำพาสปอร์ตกับกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 31 ต.ค.2555 โดยพยานปากนี้ได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุล เป็นนายเกียรติกรณ์ แก้วผนึก โดยได้หนังสือเดินทางเลขที่ 0402107 ซึ่งตรงนี้อยากให้ทางนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ให้ทำการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทันที เพราะอาจจะเข้าข่ายผิดตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 หมวด 7 การปฏิเสธ หรือการยับยั้งคำขอหนังสือเดินทาง ข้อ 21 (2)...เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว 
      เขาระบุอีกว่า ทั้งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้ รวมถึงตรงนี้แสดงว่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.สุวิชชัยได้หลบหนีอยู่ในประเทศไทยมาโดยตลอด ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศยูเออี พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 2 นาย เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2555 โดยมีเจ้าหน้าที่อัยการคือ นางอินทรานี สุมาวงศ์, นายโกวิท ศรีไพโรจน์ และ น.ส.พัชรมัย รุ่งเรืองศุภรัตน์ เป็นผู้ดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยนางอินทรานีได้สั่งให้มีการเก็บตั๋วเดินทางและใบเสร็จค่าซื้อตั๋วนั้นไว้ที่อาคารแสงทองธานี ถ.สาทรเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย
    "วันนี้ผมได้เผยหลักฐานรายชื่อคนบนเครื่องบินแล้ว ส่วนหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งคือใบรับรองฝากโอนเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศูนย์ราชการ ที่เป็นค่าเครื่องบินที่ผมได้จากการขอหมายศาลไปนำมานั้น จะนำยื่นต่อ ป.ป.ช.วันที่ 13 ก.พ.นี้" พล.ต.ท.สมคิดกล่าว  
    พล.ต.ท.สมคิดกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ในยุคที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นอธิบดีดีเอสไอ เคยมีการสอบสวน พ.ต.ท.สุวิชชัยมาแล้ว แต่เมื่อมีการสอบสวนเสร็จสิ้น ก็ไม่มีการจับกุมตัวดำเนินคดี โดย พ.ต.อ.ทวีอ้างว่าไม่ได้ละเว้นการจับกุม เนื่องจากต้องคดีมีหมายจับนั้นเป็นคดีอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษ ตรงนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ได้ยินข่าวมาจากวงในของดีเอสไอว่าการนำพาตัว พ.ต.ท.สุวิชชัยไปที่ประเทศยูเออีครั้งนี้ จะมีการหักหลังพยานปากนี้ 
    พล.ต.ท.สมคิดระบุว่า โดยจะหลอกลวงให้เบิกความตามความต้องการเสียก่อน และหลังจากนั้นแทนที่จะปล่อยตัวให้หลบหนีไปตามสัญญา แต่จะดำเนินการจับกุมตัวแทน ก่อนส่งกลับมาตามช่องทางส่งผู้ร้ายข้ามแดน  อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดในขณะนี้เชื่อว่ามีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาบีบ เนื่องจากมีพี่ชายคือ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ส่งผลให้ผู้มีอำนาจในต่างแดนที่เป็นคู่ขัดแย้ง จึงพยายามตามเช็กบิลอย่างต่อเนื่อง 
    "โดยใช้เครือข่ายอดีตตำรวจที่อยู่ในดีเอสไอเข้ามาเล่นงาน และเป็นไปได้ว่าอัยการก็ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เป็นการใช้อำนาจรัฐที่ใช้วิธีการไม่ถูกต้อง นำกฎหมายมาเป็นเครื่องมือ ทำลายฝ่ายตรงข้าม ที่มีความเห็นต่าง จะฆ่าหนูตัวเดียว ไม่ควรต้องเผาบ้านเผาเมือง ทำลายสถาบันกระบวนการยุติธรรม" พล.ต.ท.สมคิดกล่าว  
    "ผมอยากให้นายธาริตควรจะออกมาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำตัว พ.ต.ท.สุวิชชัยออกนอกประเทศหรือไม่ เพราะขณะนี้ท่านดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ฉะนั้นแนวทางที่ควรปฏิบัติและแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ สมกับเป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องตามหลักนิติธรรมให้เกิดประโยชน์กับสังคมและประชาชน" พล.ต.ท.สมคิดกล่าว
    รายงานข่าวระบุว่า มีรายชื่อผู้โดยสารสายการบิน ETIHAD เที่ยวบิน EY407 เดินทางวันที่ 22 ธ.ค.55 จากสนามบินสุวรรณภูมิไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีรายชื่อ 1.นายเกียรติกรณ์ แก้วเพชรศรี (พ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก) ที่นั่ง 08D ใช้นามว่า KEAWPETSRI KEATKORN ที่นั่ง Business 2.พ.ต.ท.จิตติวัฒน์ พูนผล ที่นั่ง 53H ใช้นามว่า POONPOL JITTIWAT ที่นั่ง Economy 3.ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ที่นั่ง 53K ใช้นามว่า RAKSAKUL PIYA POL ที่นั่ง Economy
    ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากประเด็นทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการเช็กบิลฝ่ายตรงข้ามด้วยเครือข่ายตำรวจ และขณะเดียวกัน ศาลก็อาจถูกกดดันด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อให้สมประโยชน์ทางการเมือง 
    โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่ชอบมาพากลในประเด็นเรื่องนี้ 2 กรณีคือ วิธีการนำพยานที่มีหมายจับมาเบิกความในศาลต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องนำตัวมาเบิกความที่ศาลไทย ประการที่ 2 เรื่องการเปิดโปงกระบวนการนำพยานปากนี้ ซึ่งมีหมายจับให้หลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์ว่าพยานอยู่ต่างประเทศ จึงขอส่งประเด็นไปสืบพยาน โดยพนักงานอัยการโจทก์ และจำเลยไม่ต้องไปนั้น ทำให้ฝ่ายจำเลยเสียเปรียบเนื่องจากไม่มีโอกาสติดตามประเด็นไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ .

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น