วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าววิเคราะห์การเมือง ความมั่นคง ประจำวันที่ ๙ ม.ค.๕๖




ข่าวการเมือง
องอาจ จวกรัฐบาลซื้อเวลาทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อหาช่องทางแก้ไขทั้งฉบับ แนะนำฯ ยุติปัญหา เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง
เมื่อ ๙ ม.ค.๕๖ ที่พรรค ปชป นายองอาจ คล้ามไพบูลย์  กล่าวถึงเรื่องการแก้ไข รธน.ปี ๕๐ ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ระบุ ตามที่มีการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เขาใหญ่ว่า จะให้สถาบันการศึกษาหาทางออกในการศึกษาเพื่อแก้ไข รธน.เฉพาะประเด็นการทำประชามติว่า น่าจะเป็นการซื้อเวลามากกว่า เพื่อหาช่องทางในการแก้ไขทั้งฉบับ และมีความเป็นไปได้สูงมากที่รัฐบาลนี้ หวังจะใช้สถาบันการศึกษาเพื่อการตราประทับ เพื่อนำมาเป็นข้ออ้างในการหาข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งแท้ที่จริงนายกฯ และรัฐบาลเองมีข้อมูลครบถ้วนในมือแล้ว แทบจะไม่ต้องศึกษาอะไรเพิ่มเติม
ขณะนี้จึงอยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯเท่านั้นเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร และสาเหตุที่นายกฯ และรัฐบาล ยังตัดสินใจไม่ได้ เชื่อว่าเป็นเพราะยังหาช่องทางในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ที่แฝงเร้นเกี่ยวกับการแก้ไข รธน.ใหม่ทั้งฉบับในขณะนี้มากกว่า
ดังนั้น เมื่อยังหาช่องทางไม่ได้ ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องซื้อเวลาต่อไปเรื่อยๆ ตนเห็นว่านายกฯ และรัฐบาลไม่ควรซื้อเวลายื้อปัญหาต่อไป แต่ควรตัดสินใจยุติปัญหามากกว่า การตัดสินใจที่จะยุติปัญหา จะเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากกว่าการซื้อเวลา เพราะจะทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติไปเรื่อยๆ และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อรัฐบาลและสังคม ทางออกที่ดีที่สุดคือการยุติปัญหานี้.
แนวโน้มสถานการณ์คาดว่าพรรคเพื่อไทยหวังจะใช้ผลการวิจัยจากสถาบันการศึกษาเพื่อเป็นตราประทับในการทำการแก้ไข รนธ.ทั้งฉบับให้ได้
ที่มา  นสพ.ไทยรัฐ
วันที่ ๙ ม.ค.๕๖

ข่าวการเมือง
ความแตกต่างระหว่าง “พงศพัศ – คุณชาย” บนเก้าอี้ผู้ว่า ฯ กทม.
เมื่อ ๙ ม.ค.๕๖  แล้วพรรคเพื่อไทย ก็สะท้อนความมั่นใจ ทำสงครามจิตวิทยาข่มขวัญคู่ต่อสู้ในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ผ่านทางวาทะ "ส่งเสาไฟฟ้าลงสมัคร ก็ได้รับเลือกตั้ง"เหมือนสมัยหนึ่ง พรรคการเมือง     บางพรรค มั่นใจฐานคะแนนเสียงในบางภาคของตนเอง ถึงขนาดประกาศว่า ส่งเสาไฟฟ้าลงสมัคร ก็ชนะเลือกตั้งได้ วาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะสิ้นสุดในวันที่ ๑๐ ม.ค.๕๖นี้ เป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน ๔๕ วัน แต่เมื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ประกาศว่าจะยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ให้มีผลในตอนค่ำวันที่ ๙ ม.ค.๕๖ จะเป็นเหตุให้ กกต.ต้องจัดเลือกตั้งภายใน ๖๐ วัน วันเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งมีมากขึ้น แนวโน้มการต่อสู้ย่อมเป็นการแข่งขันระหว่าง ๒ พรรคการเมืองหลักย้ายเวทีจากการเมืองระดับชาติไปสู่สนามท้องถิ่นกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงป้องกัน    เข็มขัดแชมป์ พรรคเพื่อไทยส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค อุณหภูมิของการแข่งขันน่าจะร้อนแรงไม่น้อย จริงอยู่ ทั้ง ๒ คนไม่ใช่นักการเมืองแนวบู๊ล้างผลาญ ฝีปากโวหารเผ็ดร้อนราวกับมังกรพ่นไฟ คนหนึ่งมาจากแวดวงตำรวจมีภาพลักษณ์เป็นมือทำงานมวลชนของวงการ   สีกากี คนหนึ่งเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว ๑ สมัย มีความสำเร็จและล้มเหลวปรากฏอยู่ ความสำเร็จและล้มเหลว และความเป็นมาของผู้สมัครทั้ง ๒ คน จะเป็นประเด็น "ร้อน" บนเวทีปราศรัยและทุกพื้นที่หาเสียง เพื่อพิสูจน์ว่า   ใครเหมาะจะเป็นผู้บริหารมหานครใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลกการลงสมัครของ พล.ต.อ.พงศพัศ ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย เป็นการลงสมัครในนามพรรคมิใช่ลงสมัครอิสระ อย่างที่มีผู้พยายามปล่อยข่าว    มาตลอด หลังจากพรรคเพื่อไทยมีมติสนับสนุนให้ลงสมัครในวันที่ ๑๔ ม.ค.๕๖ และวันที่ ๑๕ ม.ค.๕๖ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็จะไปแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมพรรค ก่อนไปยื่นใบลาออกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสภาพ "ทางสะดวก" หลังจากมีการเคลียร์ใจระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทย กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นผู้ควบคุมฐานเสียงใน กทม.ของพรรคเพื่อไทยเป็นอันว่า ส.ก.และ ส.ข.พรรคเพื่อไทยที่เดิมยังข้องใจกับการที่พรรคไม่ให้โอกาสคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมใจกันสนับสนุน พล.ต.อ.พงศพัศ และลุ้นจะได้เห็นคุณหญิงสุดารัตน์ ได้นั่งเป็น รมต.หรือ รองนายกฯ หากมีการปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ในห้วงเวลาครึ่งปีแรกของ พ.ศ.2556 โดยภาพรวมต้องถือว่าสำหรับ พล.ต.อ.พงศพัศ กับพรรคเพื่อไทย มีความลงตัวระดับหนึ่งต่างจากการลงสมัครของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่มีหลายเสียงในพรรคประชาธิปัตย์เองท้วงติงแต่ก็ยังไม่ชัดว่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งอย่างไรหรือไม่ความท้าทายของพรรคเพื่อไทย คือ ยังไม่เคยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แม้แต่ครั้งเดียวส่วนพรรคประชาธิปัตย์ แพ้บ้างชนะบ้าง 
แนวโน้มสถานการณ์คาดหมายได้ว่า การแย่งชิงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะดุเดือดอย่างยิ่ง
เพราะต่างฝ่ายต่างมีฐานเสียงไม่ธรรมดา เห็นได้จากจำนวน ส.ส.ใน กทม.ด้วยบุคลิกและคุณสมบัติ ที่แตกต่างระหว่างผู้สมัครและยังมีประเด็นการประสานกับรัฐบาลกลาง หวยไปออกที่ใครการทำงานไม่เหมือนกันแน่นอน แตกต่างกันแน่นอน น่าสนใจว่า คนกรุงเทพฯจะเลือกผู้ว่าฯคนไหน พรรคไหน
ที่มา คอลัมน์การเมือง มติชน
วันที่ ข่าว ๙ ม.ค.๕๖

ข่าวการเมือง
 “เพื่อไทย” ตกหลุม”เกมประชามติ” โยน “เผือกร้อน” ชง “๓ สถาบัน” เกมยึดเวลา “แก้ รธน.”
หากนับแต่ เมื่อ ๓๑ ก.ค.๕๕ ที่ "พรรคร่วมรัฐบาล" ประชุมและมีมติให้ตั้ง "คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลกรณีปัญหาการแก้ไขเพิ่มเติม รธน.มาตรา ๒๙๑ ""คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล" เคาะกรรมการทั้งหมด ๑๑ คน โดยมี "โภคิน พลกุล" อดีตประธานรัฐสภา เป็นประธาน ใช้เวลาศึกษาด้วยการประชุมทั้งสิ้น ๑๔ ครั้ง นับแต่ ๗ ส.ค.– ๑๑ ธ.ค.๕๕ จนคลอดรายงานผลการศึกษาจำนวนกว่า ๕๐ หน้า "คณะทำงานฯ" ออกข้อเสนอ   ๕ ข้อ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีการเสนอแนะไปยังรัฐสภาว่ามีอำนาจในการลงมติในวาระที่ ๓ และมีข้อเสนอแนะด้วยว่าหากเกรงว่าสังคมจะทวีความขัดแย้งก็สามารถดำเนินการให้มีการจัดการออกเสียงประชามติได้ตาม รธน.มาตรา ๑๖๕ หากนับจากวันที่ ครม.มีมติตั้งคณะทำงานศึกษาข้อกฎหมายและวิธีการออกเสียงประชามติ เมื่อ  ๑๘ ธ.ค.๕๕ โดยมีคณะกรรมการซึ่งเป็นรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งหมด ๕ คน เพื่อหาแนวทางการทำประชามติและนับจากวันที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งโฟนอินมาในเวทีคอนเสิร์ตคนเสื้อแดง ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อ ๒๒ ธ.ค.๕๕ โยนข้อเสนอให้มีการทำประชามติและมั่นใจว่าหมูมากเพราะเสียงของประชาชนจะออกมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่า ๒๔.๓ ล้านเสียงกระทั่ง"พรรคเพื่อไทย" ในฐานะแกนนำรัฐบาลได้ประชุม ส.ส.พรรคครั้งสุดท้าย เมื่อ ๒๕ ธ.ค.๕๕ ต่อเนื่องด้วยการเรียกประชุม ส.ส.ผ่านการสัมมนาพรรคที่โรงแรมเดอะกรีนเนอรี่รีสอร์ท เขาใหญ่ เมื่อ ๖ ม.ค.๕๖ ที่ผ่านมาการประชุมดังกล่าวเป็นการหาแนวทางการแก้ไข รธน.ภายหลัง "พรรคเพื่อไทย" มีความเห็นแตกต่างออกเป็น        ๓ แนวทาง ๑.เดินหน้าลงมติในวาระที่ ๓  ๒.ลงประชามติก่อนลงมติในวาระที่ ๓ และ ๓.แก้ไขเป็นรายมาตรา แม้จะมีความพยายามในการหาทางออกให้กับการแก้ไข รธน. ด้วยการให้ "พรรคเพื่อไทย" ในฐานะพรรคที่มีเสียงมากที่สุดใน "รัฐสภา" ระดมความคิดเห็นจาก ส.ส.แม้จะมีความพยายามของ "ครม." ในฐานะฝ่ายบริหารเพื่อหาทางปลดล็อกจากความ "ขัดแย้ง" ด้วยการศึกษาแนวทางการทำประชามติและหารือกับ กกต.แต่แนวทางการแก้ไข รธน.ทั้ง ๓ แนวทาง ก็ถูกกลบด้วยประเด็นข้อเสนอของ "ภูมิธรรม เวชยชัย" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เพื่อให้สถาบันการศึกษาไม่น้อยกว่า ๓ แห่ง ประกอบด้วยผู้รู้จากคณะรัฐศาสตร์และคณะนิติศาสตร์จาก จุฬาฯและธรรมศาสตร์ รามคำแหงเข้ามาคั่นกลางการทำประชามติเพื่อศึกษาปัญหาการแก้ไข รธน. อีกไม่น้อยกว่า ๔๕ -  ๖๐ วัน ข้อเสนอการโยนให้ ๓ สถาบันการศึกษา ศึกษาปัญหาการแก้ไข รธน. ทำให้ถูกมองจากฝ่ายค้านว่าเป็นการ"ซื้อเวลา"และยังถูกมองจากนักวิชาการที่ศึกษาเรื่อง "รธน." อย่าง "ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์" ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร์ วิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตว่าเป็นการโยน "เผือกร้อน" การแก้ไข รธน.ออกจากรัฐบาล ภายหลังโยนข้อเสนอให้ "สังคม" ถกเถียงถึงแนวทางการทำ "ประชามติ" จังหวะการก้าวของพรรคเพื่อไทย ได้ตกหลุมตัวเองในเรื่องการทำประชามติทำให้พรรคเพื่อไทยมีความพยายามหาทางออกจากหลุมประชามติ จึงโยนข้อเสนอให้ ๓ สถาบันการศึกษาไม่น้อยกว่า ๓ แห่ง มาศึกษาการทำประชามติอีก ๒ เดือน ซึ่งหมายความว่าในเวลา ๒ เดือนเป็นการตั้งตัวใหม่ เพราะหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเสนอให้เกิดการทำประชามติ จึงกลายเป็นว่าพรรค  เพื่อไทยคาดการณ์ไม่ถึงว่าเกมการทำประชามติจะพัวพัน จึงยากที่จะถอนตัวได้ "ธำรงศักดิ์" เห็นว่า "เมื่อเกมประชามติไม่ง่ายอย่างที่คิด จึงเหมือนอาศัยผู้รู้ให้ศึกษาแทนเพื่อเป็นการซื้อเวลาให้ค่อยๆ คิดเดี๋ยวการประชุมรัฐสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติก็จะปิดลงในไม่กี่เดือนแล้ว" การโยนข้อเสนอให้ผู้รู้ศึกษาจึงน่าจะคุยยาวได้ด้วยการปล่อยให้ผู้รู้ทะเลาะกัน เหมือนเป็นการโยนบอลออกจากตัวเอง หรือโยนเผือกร้อนออกจากตัวเองระยะหนึ่ง ผมเห็นว่าข้อเสนอของคุณภูมิธรรมต้องการให้รัฐบาลหลุดบ่วงออกจากเกมประชามติ  ธำรงศักดิ์ ระบุ ไม่เพียง "ฝ่ายการเมือง" ภายใต้การนำรัฐบาลของ "พรรคเพื่อไทย" ต้องการหาทางออกให้กับการแก้ไข รธน.ทว่าสิ่งที่ปรากฏออกมา ทำให้ "ธำรงศักดิ์" เห็นว่าเป็น "เชือก" รัดพันตัวเองตลอดเวลาเสมือน "ลิง" ติดแหติดอวนในขณะที่   "คนเสื้อแดง" ก็ไม่มีพลังทางการเมืองมากพอในการผลักดันให้เดินหน้าลงมติในวาระที่ ๓ได้"
แนวโน้มสถานการณ์ จนถึงขณะนี้ถ้ายังไม่มีการแก้ไข รธน. แกนนำพรรคเพื่อไทยก็ไม่เดือดร้อน เพราะกลุ่มแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ยังเป็นกลุ่มการเมืองเดิมๆ ไม่ต่างจากฝ่ายค้านเลย
ที่มา มติชนรายวัน ๙ ม.ค.๕๖
วันที่ ข่าว ๙ ม.ค.๕๖

ข่าวความมั่นคง
ชาวเสาธงชัยห่วงพันธมิตร ฯ ชุมนุมที่ศรีษะเกษ อาจเกิดสงคราม
เมื่อ ๙ ม.ค.๕๖ นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม พธม. , กลุ่มธรรมยาตรา และกลุ่มพลังมวลชนจากทั่วประเทศ จะพากันมาชุมนุมเพื่อเคลื่อนไหวคัดค้าน     คำพิพากษาของศาลโลก กรณีพิพาทพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหาร ในวันที่ ๑๒-๑๓ ม.ค.๕๖ บริเวณบ้าน   โศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ ว่า ถือเป็นสิทธิ์ของกลุ่มผู้จัดชุมนุมตามกรอบของกฎหมาย แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อปี ๒๕๕๔ ได้มีการสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาตามแนวชายแดนด้าน   เขาพระวิหาร ส่งให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทยด้านเขาพระวิหาร ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เสียทรัพย์สินจำนวนมากอันเนื่องมาจากความขัดแย้งดังกล่าว
แนวโน้มสถานการณ์ถ้าหากมีการชุมนุมเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารบริเวณดังกล่าว อาจจะเกิดการยั่วยุ และทำให้เกิดสงครามขึ้นมาได้อีก
ที่มา มติชนรายวัน
วันที่ ข่าว ๙ ม.ค.๕๖ 


ข่าวทหาร
ผบ.กร.มอบนโยบายแก่ นรข.
เมื่อ ๙ ม.ค.๕๖ ที่ บก.นรข.เขตหนองคาย พล.ร.อ.ฆนัท ทองพูล ผบ.กร. พร้อมคณะได้เข้าสักการะ        สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดพระแก้ว (เดิม) และสักการะพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ขึ้นแท่นรับการทำความเคารพ มอบสิ่งของให้กับหัวหน้าสถานีเรือในสังกัด นรข.เขตหนองคาย
จากนั้น น.อ.ดุสิต จันทร์ราช ผบ.นรข.เขตหนองคาย ได้บรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ ปี ๒๕๕๖ (๑ ต.ค.๕๕ - ปัจจุบัน) โดยได้จัดกำลังออกลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ ๔๐๘ ครั้ง ทำการจับกุมยาบ้า ๖๕,๘๑๐ เม็ด กัญชาแห้ง ๒๓๕ กิโลกรัม กัญชาน้ำ ๑ ขวด น้ำหนัก ๑ กิโลกรัม กัญชาชนิดผงบดละเอียด ๒ ขวด น้ำหนัก ๑ กิโลกรัม ยาไอซ์ ๖.๕๐ กรัม รถจักรยานยนต์ ๘ คัน เรือเพลายาว ๒ ลำ อาวุธปืน ๒ กระบอก ผู้ต้องหารวม ๔๐ คน นอกจากนี้ยังได้ทำการจับกุมการกระทำความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.ป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ผบ.กร.ได้กล่าวชื่นชมผลการปฏิบัติงาน และขอให้ทหารเรือทุกนายได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของชาติต่อไป

นรข.มุกดาหารคุมเข้มตามลำแม่น้ำโขง หวั่นแรงงานเพื่อนบ้านทะลัก

เมื่อ ๙ ม.ค.๕๖ น.ต.ตรีกรภัทร ศรีพิพัฒน์ หน.สถานีเรือมุกดาหาร กล่าวว่า ขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวฉวยโอกาสลักลอบเข้ามาขายแรงงานในประเทศ อย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังค่าแรง ๓๐๐ บาท ดังนั้น ทาง นรข. จึงได้ว่างมาตรการตรวจเข้มตลอดลำน้ำโขง เพื่อเป็นการสกัดที่ปลายทาง เกี่ยวกับการใช้เป็นเส้นทางลักลอบขนส่งแรงงานเถื่อนเพื่อความไม่ประมาท จึงได้สั่งการให้ จนท.นรข.ทุกนายที่เฝ้าประจำจุดตรวจจุดสกัดต่างๆ โดยรอบ เน้นการตรวจค้นตามลุ่มแม่น้ำโขงตลอด ๒๔ ชม.
หน.สถานีเรือมุกดาหารกล่าวเพิ่มอีกว่าหลังจากรัฐบาลได้ประกาศนโยบายการขึ้นค่าแรง ๓๐๐ บาทต่อวัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ๑ ม.ค.๕๖ ที่ผ่านมา พื้นที่จังหวัดมุกดาหารยังไม่พบว่ามีขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว หรือมีแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด

ที่มา สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
วันที่ข่าว ๙ ม.ค.๕๖


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น