วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าวประจำวันที่ 16 ม.ค.๕๖ เวลา ๐๙๐๐ – ๒๑๐๐



สรุปข่าวประจำวันที่ 16 ม.ค.๕๖ เวลา ๐๙๐๐ ๒๔๐๐ จาก นสพ.ไทยรัฐ
นายกฯ ระลึกบุญคุณครูและระลึกถึงน้ำใจของครูที่เสียสละในการถ่ายทอดวิชาความรู้ประสบการณ์ คารวะครูที่ให้เคยความรู้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยม พร้อมเชิญตัวแทนครูใต้ตอบโจทย์ข้อเรียกร้อง ยืนยันดูแลสวัสดิการ
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่ตลาดสายเนตร ซอยคู้บอน เขตคันนายาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างลงพื้นที่ช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า วันนี้วันครู อยากสื่อสารกับครูทั้งประเทศว่า วันครูถือเป็นวันที่อยากให้ทุกคนระลึกถึงบุญคุณของครู และจิตวิญญาณของครูที่ได้อุตส่าห์เพียรสอนลูกศิษย์ให้มีการพัฒนาเติบโตไปในทางที่ดีขึ้น และเชื่อว่าทุกวันนี้ที่ประเทศเราพัฒนาไปมาก ก็มาจากสิ่งที่ครูทุกท่านได้พร่ำสอนลูกศิษย์ทุกคน ตนอยากให้ทุกคนใช้โอกาสนี้ระลึกถึงบุญคุณครูและระลึกถึงน้ำใจของครูที่ท่านเสียสละในการถ่ายทอดวิชาความรู้ประสบการณ์ที่มีมาให้กับลูกศิษย์ทุกคน ถือโอกาสนี้ขอแสดงความระลึกถึง และขอขอบคุณด้วยใจจริงสำหรับครูผู้เสียสละ โดยเฉพาะคุณครูภาคใต้ที่ได้เสียชีวิตไปในการปฏิบัติหน้าที่ และขอบคุณญาติพี่น้องของคุณครู พวกเราก็ขอเป็นกำลังใจให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาในการเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า วันนี้ก็อยู่ในงานของคณะกรรมการ เรามีการตั้งคณะอนุกรรมการที่จะดูแลเรื่องสวัสดิภาพและสวัสดิการของครู ซึ่งเราได้เชิญตัวแทนของครูมาพูดคุยกัน เพื่อให้แน่ใจว่าทางกระทรวงศึกษาธิการได้ออกนโยบายตอบโจทย์ตรงกับสิ่งที่ครูต้องการ
จากนั้นได้เดินทางไปยังหอประชุมคุรุสภา เพื่อเป็นประธานในพิธีงานวันครู ครั้งที่ 57 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และทำพิธีคารวะครูประจำชั้น ที่เคยให้ความรู้ในสมัยเรียนระดับอนุบาล ชั้นประถมศึกษาและมัธยม
ในเวลาต่อมา ได้กล่าวในโอกาสวันครูว่า อยากให้ทุกคนได้ตระหนักเรื่องความกตัญญูต่อครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชา และบ่มเพาะนิสัยให้ลูกศิษย์เป็นคนดี เชื่อว่าถ้าไม่มีครู โลกของเราจะไม่พัฒนา พร้อมทั้งระบุว่าจะร่วมพัฒนาครูให้เกิดความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และจะดูแลสวัสดิการครูให้ดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากครูมีความเสียสละ จึงขอขอบคุณครูทั่วประเทศ โดยเฉพาะครูใน 3 จังหวัดชายแดภาคใต้ ที่เสียสละในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการดูแลเยาวชน 
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โวยดีเอสไอจงใจดิสเครดิต ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ขอรัฐอย่ารังแก เปิดทางต่อสู้อย่างเที่ยงธรรม... 

วันนี้ (16 ม.ค. 56) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการหาเสียงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้สมัครของพรรค ว่า ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ จะเดินทางไปพบประชาชนพร้อมกับนำเสนอนโยบายเกี่ยวกับการบริหาร กทม.ในอีก 4 ปีข้างหน้า ที่ชุมชนคลองเตย โดยจะเริ่มต้นที่ชุมชน 70 ไร่ ในเวลา 10.00 น. เพื่อพูดถึงแนวนโยบายในการรณรงค์แก้ปัญหายาเสพติด ในส่วนความรับผิดชอบของ กทม.
ขณะเดียวกัน จะพูดถึงปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคน กทม. ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ จะเน้นสร้างมหานครแห่งความปลอดภัย ซึ่งจะนำเสนอนโยบายเกี่ยวกับการติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มทั่วทั้งเมือง เชื่อมโยงเครือข่ายเอกชนที่มีอยู่ทั่ว กทม. ประมาณ 2 แสนตัว เพื่อเป็นการร่วมสร้าง กทม. ให้เป็นมหานครแห่งความปลอดภัย เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเป็นเครือข่ายเดียวกันสร้างประโยชน์ให้คน กทม.ร่วมกัน จากเดิมที่ใช้ประโยชน์เฉพาะของเอกชน ไม่ได้เชื่อมเข้ากับ กทม. ก็จะมีการเชื่อมมายังศูนย์ของ กทม.ด้วย เพื่อให้เอกชนมีส่วน ร่วมสร้าง กทม.ตามคำขวัญของพรรคประชาธิปัตย์
ยัน สุขุมพันธุ์ไม่หวั่นข้อกล่าวหาดีเอสไอ
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ได้รับหนังสือจากดีเอสไอ แจ้งข้อกล่าวหาว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริจาคเงินให้พรรค ในขณะดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส.ของพรรค ในลักษณะเดียวกับที่ ส.ส.คนอื่น และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดน คือบริจาคเงิน 2 หมื่นบาท โดยไม่ทำเป็นเช็คขีดคร่อมในนามส่วนตัว แต่ให้สภาฯ ดำเนินการแทน ซึ่งในส่วนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ได้รับหนังสือจากดีเอสไอ ตั้งข้อกล่าวหาทำความผิดและเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 18 ม.ค. 56 เวลา 13.30 น. ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะรับสมัครในวันจันทร์นี้ แต่ดีเอสไอก็เรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา เพื่อแจ้งดำเนินคดีในวันศุกร์ ก่อนที่จะมีการสมัครในวันจันทร์ เช่นเดียวกับกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องบีทีเอส เมื่อพรรคมีมติส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ก็แจ้งให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 9 ม.ค. ก่อนครบวาระดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เพียง 1 วัน ในวันที่ 10 ม.ค. 56 
โวยใช้อำนาจรัฐรังแก ขอแข่งขันสุจริตเที่ยงธรรม
นายองอาจ กล่าวอีกว่า การนำเงินให้พรรคเป็นค่าบำรุงพรรค ที่เป็นไปตามข้อบังคับและมติของพรรค เพื่อให้ ส.ส.มีส่วนร่วมในการสร้างพรรคเพื่อทำงานการเมือง จึงอยากเรียกร้องไปยังดีเอสไอและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาล ว่า ลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเลือกตั้ง เพราะส่อเจตนาว่าพยายามที่จะใช้อำนาจโดยไม่ถูกต้องเหมาะสม แม้ดีเอสไอจะเป็นเจ้าพนักงาน มีสิทธิตั้งข้อกล่าวหา เรียกใครไปสอบสวนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงด้วย พรรคจึงจะประสานไปยังดีเอสไอว่าไม่พร้อมที่จะไปพบดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันศุกร์นี้ เพราะมีกำหนดการชัดเจนที่จะไปยังศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อพบพี่น้องมุสลิมและร่วมทำพิธีทางศาสนาในเวลา 12.00 น. ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจก็คงเป็นช่วงบ่าย และจะเลยกำหนดที่ดีเอสไอนัดหมายแล้ว
ทั้งนี้ ไม่อยากให้เรื่องนี้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะมีเหตุบังเอิญในการที่ดีเอสไอ แจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ สอดคล้องกับจังหวะทางการเมืองมาแล้วหลายครั้ง จึงขอร้องว่าอย่ามีการกลั่นแกล้ง รังแกผู้สมัครของพรรค แต่ต้องให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน
ดักทางรัฐให้สถาบันศึกษาฟอกแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พร้อมกันนี้ นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมมอบให้สถาบันการศึกษา 3 แห่ง พิจารณาเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญว่า เท่าที่ได้ติดตามพบว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพราะรัฐบาลทราบอยู่แก่ใจดีอยู่แล้วว่ามีการศึกษามาแล้วหลายองค์กร รวมทั้งที่คณะกรรมการที่ทางสภาฯ แต่งตั้งขึ้น และยังมีคณะกรรมการภายนอกอีกหลายชุดเคยศึกษาในประเด็นเดียวกันนี้ไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้สถาบันการศึกษาทั้ง 3 แห่งมาศึกษาอีก
"จึงไม่แน่ใจว่า การทำเช่นนี้ต้องการผลการศึกษาเพื่อประโยชน์อย่างแท้จริง หรือมีประโยชน์นัยยะ แอบแฝง ยืมมือสถาบันการศึกษามาดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการต่อหรือไม่ จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลว่า ถ้ามีความจริงใจในเรื่องนี้ และต้องการแก้ปัญหาชาติ บ้านเมือง ควรดำเนินการเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างตรงไปตรงมา เป็นประโยชน์ต่อชาติ ดีกว่าซื้อเวลาไปวันๆ แล้วหาข้ออ้างมาดำเนินการตามวัตถุประสงค์แอบแฝงของตัวเอง" นายองอาจ กล่าว.
'พนิช' เปิดใจเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง กรณี 'ราตรี' ใกล้เป็นอิสระพ้นคุกเขมร เช่นเดียวกับ 'วีระ' ได้รับการลดโทษ ยืนยันไม่ได้เป็นผู้ชักชวนลงพื้นที่ และไม่เคยยอมรับรุกล้ำแดน...
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งกับทั้งตัว น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ และครอบครัว กรณีจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวในวันที่ 1 ก.พ.นี้ หลังถูกจำคุกในกัมพูชา มานานประมาณ 2 ปี เช่นเดียวกับ นายวีระ สมความคิด ที่ได้รับการลดโทษเป็นกรณีพิเศษ สืบเนื่องจากเดินทางไปสำรวจเส้นเขตแดนที่บ้านโนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แล้วถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2553 รวมกับคนไทยอีก 5 คน รวมถึงตนด้วย
ขณะนั้น ตนเป็น ส.ส.ในพื้นที่บึงกุ่ม ได้เข้าไปกราบและรับฟังข้อมูลจากสมณะโพธิรักษ์ ประกอบกับมีชาวบ้านมาร้องเรียน และได้รับการชักชวนจาก ร.อ.แซมดิน เลิศบุศย์ ให้ลงไปดูพื้นที่จริง เพื่อพิสูจน์หลักเขตแดน จึงตกลง โดยมีทีมงานร่วมไปด้วยอีก 1 คน คือ นายตายแน่ มุ่งมาจน ส่วนนายวีระและคณะอีก 3 คน รวมถึง น.ส.ราตรี ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน พบกันครั้งแรกเมื่อถึงจุดลงพื้นที่ จึงรวมเป็น 7 คน ร่วมกันลงสำรวจพื้นที่ก่อนจะถูกจับกุม แล้วถูกตั้งข้อหาและจำคุกในเวลาต่อมา
นายพนิช กล่าวต่อว่า หลังถูกจับกุมและระหว่างต่อสู้คดี ตลอดจนทุกวันนี้ ยืนยันไม่เคยยอมรับว่าได้ล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา ขณะเดียวกัน รัฐบาลและทุกฝ่ายได้พยายามให้ความช่วยเหลือและต่อสู้คดีทั้งหมดเต็มที่ แต่เนื่องจากนายวีระและ น.ส.ราตรี ตัดสินใจใช้แนวทางการต่อสู้คดีแตกต่างจากอีก 5 คน ซึ่งเป็นสิทธิ ทำให้ถูกลงโทษจำคุก ขณะที่ 5 คน รวมทั้งตน ถูกลงโทษจำคุก แต่รอลงอาญา จึงได้กลับประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อกลับถึงประเทศไทย ตนและทุกฝ่ายได้ศึกษาแนวทางการต่อสู้คดีอยู่ตลอด โดยเฉพาะตนได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลกัมพูชาเพราะไม่ยอมรับในความผิด ซึ่งยังเป็นความผิดอยู่ แต่เพียงรอลงอาญา แต่ศาลไม่รับอุทธรณ์ยืนตามโทษเดิม ขณะเดียวกัน ยังมีอีกบางแนวทางที่สามารถใช้ต่อสู้ได้ แต่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนนายวีระและ น.ส.ราตรี ที่ยังต้องโทษอยู่จึงไม่ได้ดำเนินการ
สำหรับกรณีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2553 โดยทหารกัมพูชาได้จับกุมคณะคนไทย 7 คน ประกอบด้วย 1. นายพนิช 2. นายวีระ 3. นางราตรี 4. นายตายแน่ 5. ร.อ.แซมดิน 6. นายกิจพลธรณ์ ชุสนะเสวี และ 7. นางนฤมล จิตรวะรัตนา ขณะลงสำรวจเส้นเขตแดนที่บ้านโนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จากนั้นเมื่อศาลกัมพูชาตัดสินคดีในปลายเดือน ม.ค. 2554 ต่อมา 5 คน ยกเว้นนายวีระและ น.ส.ราตรี ได้กลับประเทศ เพราะโทษจำคุกได้รับการรอลงอาญา
รมว.กลาโหม ยืนยันไม่พบคดีโรฮิงญาหนีเข้าเมืองโยงกลุ่มโจรใต้ สั่งกองทัพเข้มหลังเกิดเหตุซีซีทีวีถูกเผา ภายหลัง สมช.หวั่นอาจมีการก่อเหตุใหญ่ โวจับหัวหน้า อาร์เคเคได้... วันนี้ (16 ม.ค. 56) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการช่วยเหลือและผลักดันชาวโรฮิงญา ที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ว่า มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่หลายหน่วย รวมถึงกองทัพเรือ ตำรวจน้ำ  ซึ่งดำเนินการด้วยความมีมนุษยธรรม ถ้าเจอในอาณาเขตของไทยก็ต้องแนะนำดำเนินการว่าจะดำเนินการอย่างไร ก็ต้องดูแลตามกติกา และหาทางช่วยเหลือไปประเทศที่สามต่อไป
ทั้งนี้ ก็รู้สึกเห็นใจชาวโรฮิงญา ซึ่งประเทศที่จะรับไปดูแลต่อมีน้อย และทางสหประชาชาติควรจะมีบทบาทมากขึ้น เพราะทุกชาติทราบดีว่าเรื่องดังกล่าวเป็นภาระ แต่ในเรื่องของมนุษยธรรมไทยจะช่วยดูแลก่อน ซึ่งก็ต้องว่ากันต่อไป ส่วนที่มีการมองว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ที่พาชาวโรฮิงญาเข้ามาในประเทศไทย พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า จากเท่าที่ทราบข่าวมีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำลังติดตามจับอยู่ ถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดกระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะไม่น่าไปหากินกับความทุกข์ยากของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี และตนคิดว่าองค์กรนานาชาติ ควรจะเข้ามาเป็นตัวกลาง ช่วยจัดการให้มากขึ้นในการหาประเทศที่สามเพื่อรองรับ โดยพูดคุยว่าประเทศใดต้องการบ้าง
 
“รัฐบาลก็แก้ไขปัญหาไปตามเกม เมื่อเขาเข้ามาถึงฝั่งบ้านของเราก็ต้องดูแลกัน การส่งต่อประเทศที่สาม ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไป แต่ที่ผ่านมาใช้เวลานานมาก เป็นภาระของประเทศเรา ทั้งนี้ ต้องดำเนินการตามกติกาทั่วไป เหมือนที่ทุกประเทศที่ทำกัน
  ส่วนที่มีข่าวว่ามีบางส่วนไปเกี่ยวพันกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ผมยังไม่ได้รับรายงานว่ามีความเกี่ยวพันกัน” รมว.กลาโหม ระบุ 
นอกจากนั้น พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงสาเหตุการเผากล้องซีซีทีวี ในพื้นที่จังหวัดแดนภาคใต้เป็นเรื่องของธุรกิจ ว่า ต้องไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม เอง ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ ซึ่งก็ได้อ่านจากสื่อว่าเป็นคู่แข่งไปเผา ซึ่งตนไม่ทราบ ต้องรอดูผลการสอบสวนว่าออกมาอย่างไร ทางฝ่ายทหารก็ติดตามอยู่ ไม่ต้องถามว่าเมื่อเกิดเหตุเผาจะมีมาตรการอะไรหรือไม่ เพราะสิ่งที่ใช้ก็คือมาตรการเดิม แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใหม่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญ หรือเทศกาลต่างๆ เราก็ดำเนินการตามมาตรการที่เข้มงวดทุกวัน ที่หน่วยงานความมั่นคงได้ดำเนินการ
 
“วันนี้สถานการณ์ดีขึ้น เขาก็เริ่มพยายามออกมาตอบโต้ ซึ่งเราก็จับได้หลายคน เดือนนี้จับได้ 5 คน รวมถึงหัวหน้าใหญ่ของขบวนการอาร์เคเคด้วย แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่ อย่างที่บอกว่าต้องรออีกนิด ในปี 56 อะไรๆ ก็จะดีขึ้น สำหรับครูในพื้นที่เราก็ห่วงอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้ห่วงเป็นพิเศษเฉพาะวันครู หน่วยงานความมั่นคงดำเนินการเหมือนกันทุกวัน" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
เมื่อถามว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่า การเผาซีซีทีวีเป็นการแสดงว่าจะมีการก่อเหตุครั้งใหญ่นั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เราต้องระแวงก่อน ถ้าเกิดเหตุเช่นนี้แล้วจะมีอะไรต่อไปหรือไม่ เป็นสิ่งที่ดีที่เราต้องตระหนักไว้ ไม่ใช่ว่าไม่คิดอะไร คิดไว้ให้หนักไว้ก่อนก็ดี ถ้าไม่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นไร ถ้าเกิดจะได้มีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้น เพราะฉะนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่มองกันให้มากไว้ก่อน
 
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ตอบรับข้อเสนอของกลาโหม ในการเสนอทหารทำการสอนแทนครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงศึกษาธิการว่าจะรับข้อเสนอหรือไม่ เราเป็นผู้เสนอ เพราะที่ผ่านมาทางทหารได้เคยดำเนินการหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น ตชด. และครูทหาร ที่ไปสอนในโรงเรียนที่ขาดแคลน ถ้ากระทรวงศึกษาธิการไม่รับข้อเสนอ ก็ไม่ว่ากัน ซึ่งไม่ใช่ว่าเราเข้าไปสอนโดยพลการ วันนี้หน่วยงานของรัฐต้องเอื้อเฟื้อกัน ถ้ามีคุณสมบัติสามารถทำได้
 
“เหมือนกรณีที่กระทรวงกลาโหม เคยเสนอพื้นที่ในหน่วยงานของเหล่าทัพในการจัดเก็บข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งถ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน ต้องดูแลกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ทำเฉยให้เขาถามก่อน เรื่องนี้เราก็ได้เตรียมไว้ เป็นมิติใหม่ของกระทรวงกลาโหมที่มีอะไรช่วยเหลือได้ก็ช่วย ทั้งนี้ ได้คุยกับ รมว.ศึกษาธิการ แล้ว อยู่ที่ว่าท่านจะแก้ไขอย่างไร ถ้ามีแนวทางอื่นที่ดีกว่าก็ดำเนินการไป ในส่วนของเราช่วยแก้ไขปัญหาที่ปลายน้ำเท่านั้น” รมว.กลาโหม กล่าว
 
พร้อมกันนี้ พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า เท่าที่มองมีความเหมาะสมและสูสีกับคู่แข่ง ซึ่งตนคิดว่าชาวบ้านก็เห็นอยู่ นโยบายในการหาเสียงคือไม่โจมตีกัน ก็เห็นอยู่ว่าท่านเป็นคนเช่นไร ซึ่งทางเรายังไม่เคยแสดงความฝีมือ และ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็มีความตั้งใจที่จะเข้าไปทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. ทั้งนี้ ท่านมีความรู้ในเรื่องการตำรวจ การดูแลรักษาความปลอดภัย ส่วนเรื่องการพัฒนาเป็นเรื่องทีมงานที่ดำเนินการ ถ้าคนกรุงเทพฯ อยากได้ของใหม่ของสด และมิติใหม่ๆ ในการทำงาน ก็ขอให้พิจารณาดู หากชอบคนเดิมก็ลองดูที่ผ่านมา ก็เห็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่คนกรุงเทพฯ ต้องตัดสินใจ
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม. ลั่นพร้อมจัดเลือกตั้งผู้ว่าฯ ยอมรับการแข่งขันรุนแรง ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ์ร้อยละ 70 เตือนผู้สมัคร-ผู้ช่วยหาเสียงส่อผิดกฎหมาย...
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม. แถลงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยเฉพาะวันที่ 21 ม.ค. ที่มีการเปิดรับสมัครวันแรก นอกจากผู้สมัครจะต้องเตรียมหลักฐานในการยื่นสมัครแล้ว ยังต้องเตรียมรายชื่อรองผู้ว่าฯ และเลขานุการยื่นประกอบด้วย ส่วนขั้นตอนการรับสมัครจะต้องหารือกับผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำ กรุงเทพมหานคร ในกรณีที่ผู้สมัครมาก่อนเวลา 08.30 น. ว่าจะใช้วิธีการจับสลาก เพื่อเลือกหมายเลขหรือจับสลากหมายเลข ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน หลังวันรับสมัครวันสุดท้าย เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.กทม.ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ์ร้อยละ 70 จากที่ผ่านมาร้อยละ 50 โดยจะเร่งประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ดูจากการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ผ่านมาเห็นว่ามีผู้เลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อมีผู้มาใช้สิทธิ์ถึงกว่า 3 ล้านคน ครั้งนี้ จึงน่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์มากกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งก่อน
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ยอมรับว่าการแข่งขันการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มข้น กกต.กทม.จึงต้องระดมเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทุกสำนัก เพื่อดูแลควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยจะหารือร่วมกับ กกต.กลาง วันที่ 17 ม.ค. เวลา 14.00 น. ขอเตือนผู้สมัคร และผู้ช่วยหาเสียง ให้ระมัดระวังการวิพากษ์วิจารณ์ หรือปราศรัยโจมตีใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ที่จะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากขณะนี้เริ่มมีการโจมตีเรื่องคุณสมบัติของว่าที่ผู้สมัครบางคนตาม สื่อต่างๆ โดย กกต. กทม. ต้องจับตา เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง
"การนำเรื่อง เก่าของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ มาโจมตี ขอให้พึงระมัดระวัง การกล่าวอ้างประวัติใดๆ ต้องระวังและตรวจสอบก่อน เพราะอาจเข้าข่ายผิดมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นได้ รวมถึงกรณีดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เกี่ยวกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส เพราะถือว่าคดียังไม่ถึงที่สุด จึงยังไม่ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความผิด ส่วนเจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ใช้ตำแหน่งช่วยเหลือหรือโจมตีผู้สมัคร" พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าว
"อภิสิทธิ์" ควง "สุขุมพันธุ์" หาเสียง อ้อนคนสีลม ขอ ปชป.เป็นผู้ว่าฯ กทม. ชี้คดีเงินบริจาค เชื่อเพื่อไทยเล่นเกมการเมือง ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ยัน ทำงานร่วมรัฐบาลได้ไม่มีปัญหา...
วันที่ 16 ม.ค. ที่ย่านถนนสีลม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่หาเสียง ย่านถนนสีลม ตั้งแต่บริเวณต้นถนนสีลม ใกล้กับโรงแรมดุสิตธานี ไปจนถึงซอยละลายทรัพย์ ท่ามกลางประชาชน ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาได้เรียกให้หยุดถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่มาเดินหาเสียงให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ในวันนี้ เพราะต้องการทำต่อและทำให้ดียิ่งขึ้น ขอโอกาสที่กรุงเทพฯ เดินทางมาไกล ในการที่กรุงเทพฯ ได้รับการยอมรับในหลายเรื่อง และเรามีผู้บริหารที่เข้าใจงานและเงื่อนไขของกรุงเทพฯ ซึ่งก็ต้องการทำต่อและทำให้ดียิ่งขึ้น อันนี้ คือโอกาสที่เราขอ แล้วเราก็นำสิ่งนี้มาพูดกับพี่น้องประชาชน ส่วนคู่แข่งก็มีสิทธิ์ที่จะหาเสียงตามแนวทางของเขา
"จุดแข็งของพรรคประชาธิปัติย์ ผมคิดว่า คือความพร้อมของระบบ ไม่ว่าจะเป็นทาง กทม. เป็นประสบการณ์ในการบริหารของผู้สมัคร ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ เพื่อบริหารให้กรุงเทพฯ เป็นท้องถิ่นที่มีความเจริญก้าวหน้า มีความเป็นอิสระ มีศักดิ์ศรี และก็เป็นประโยชน์ต่อคนกรุงเทพฯ เอง"
ต่อคำถามที่ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยพยายามทำต่างๆ นานา เพื่อเล่นงานพรรคประชาธิปัติย์ ตรงนี้มองว่าจะมีผลของช่วงการหาเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีหรือเปล่าอยู่ที่พี่น้องประชาชนจะตัดสิน แต่ตนคิดว่าการที่พยายามทำอะไรหลายๆ อย่าง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ความเป็นธรรม อย่างเช่น คดีการบริจาคเงิน ซึ่งเป็นประเด็นอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเป็นความผิดก็ 40 กว่าคน แต่จะแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นตนกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ก่อน นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติอยู่แล้ว อย่างกรณีของดีเอสไอที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นว่าวันนี้มีการประชุมทีมกฎหมายของพรรคด้วย มีข้อสรุปอย่างไรบ้าง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนของตนนั้นเป็นคดีต่างหาก เป็นคดีชุมนุมเมื่อเหตุการณ์ปี 2553 นี่ก็คิดว่า สัปดาห์หน้าน่าจะยื่นฟ้องได้ ฟ้องอาญา อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษแล้วก็พนักงานแจ้งข้อกล่าวหาผมกับคุณสุเทพ ผมเอาพนักงานสอบสวนคดีผมที่เอาแจ้งข้อกล่าวหาว่า ผมกับคุณสุเทพ ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่ผิดกฎหมายก็จะฟ้องในอาทิตย์หน้า ส่วนเรื่องยื่นสำนักงาน ป.ป.ช. ขอใช้สิทธิในการฟ้องตรง
ส่วนคำถามที่ว่า ทางคู่แข่งจะมีเสถียรภาพในการทำงานมากกว่า จะแก้ปัญเรื่องนี้อย่างไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยมีปัญหากับรัฐบาล อาจจะมีปัญหากับบุคคลที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลบางคน บางท่าน แต่ตนไม่มีปัญหากับรัฐบาลทำงานร่วมกันกับรัฐบาลมาตลอดแล้ว ไม่จะเป็นว่าพรรครัฐบาลกับ กทม.จะต้องเป็นพรรคเดียวกัน เพราะว่ามิเช่นนั้นแล้ว จะมีปัญหากระจายอำนาจทำไม มีกฎหมาย กทม.ทำไม ท้องถิ่นทุกท้องถิ่นมีสิทธิที่จะเลือกผู้ที่ตนอยากให้มาบริหารงานของตน สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับพี่น้องประชาชน กทม.มีสิทธิที่จะเลือก ตนก็ทำงานได้กับทุกฝ่าย ไม่เคยมีปัญหากับรัฐบาล.
สุขุมพันธุ์ แสดงความยินดีฯแทนคนกรุงฯ ยิ่งลักษณ์ช่วยพงศพัศหาเสียง ชี้นายกฯจะได้ทราบการใช้ชีวิตคนกรุงเทพฯดีขึ้น ชูนโยบาย สอนภาษาอังกฤษ ประชาชนยกระดับคนกรุง
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ถนนสีลม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ นำคณะลงพื้นที่หาเสียง ผู้ว่าฯ กทม. ที่บริเวณถนนสีลม ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องแรกที่จะให้กับคนสีลม หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯกทม. คือจะการทำยกระดับศูนย์ฝึกอาชีพก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้คนทุกรุ่นทุกวัยที่เพิ่งจบก็ดี คนที่ทำงานอยู่แล้วก็ดี หรือผู้สูงอายุก็ดี เพื่อมาเรียนทักษะด้านต่างๆ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ ทางด้านโซเชียลมีเดีย ศูนย์ฝึกอาชีพที่เรามีอยู่ก็ ผมได้ย้ายวิทยาลัยชุมชนซึ่งอยู่ที่พื้นที่ของ กทม. ไปอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร เพื่อยกระดับการเรียนการสอนในวินัยชุมชน เพื่อให้สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัตน์ ให้สอดคล้องกับการที่เราจะเข้าไปเป็นหนึ่งในประชาคมอาเซียน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่สองคือ การส่งเสริม การสร้างสรรค์ กลุ่มเด็กและเยาวชนคนไทยรุ่นใหม่มีความสามารถเยอะมากครับ มีความสร้างสรรค์มาก แต่ไม่รู้จะไปแสดงที่ไหน จะไปทำอะไร ทั้งในเรื่องศิลปะ  ดังนั้นเราจะใช้หอศิลป์ กทม.มากขึ้นในการเสริมให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสที่จะแสดงความสามารถสร้างสรรค์ ทั้งหอศิลป์ และก็พื้นที่หอศิลป์ ที่เป็นสกายวอล์ก เชื่อมโยงระหว่างรถบีอาร์ที กับระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งผมได้เริ่มโครงการใหญ่ๆ ไปแล้วนะครับ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ มีโครงการตลาดนัด ที่เขตบางแค มีพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ เป็นสวนสาธารณะแต่ข้างใน จะมีตลาดนัด ที่ทันสมัยและจะมีพื้นที่แสดงผลงานสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ จะเป็นพื้นที่ ที่มีชีวิตชีวา เป็นอย่างมาก ครอบครัวสามารถไปเที่ยวได้ คุณพ่อ คุณแม่ซื้อของเด็กมีที่เล่น หรือว่าโตหน่อย ก็สามารถเข้าไปแสดงผลงานที่สร้างสรรค์ได้
เรื่องที่สามที่จะทำเราทำ อยู่แล้ว และจะเพิ่มขึ้น คือ มีจุดที่ให้บริการทะเบียนราษฎรอยู่ 4 จุด สำนักงานเขตอยู่ 4 จุดในขณะนี้ ที่ศูนย์การค้าพารากอน ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ที่สถานีบีทีเอสหมอชิต สถานีบีทีเอสที่อ่อนนุช เราจะเพิ่มจุดที่ให้บริการทะเบียนราษฎร ขึ้นเป็น 4 มุมเมือง แล้วก็จะเพิ่มเวลา จะเปิดถ้าเป็นในศูนย์การค้านะครับก็จะเปิดจนกระทั่งศูนย์การค้านั้นปิด ไม่ว่า จะสามทุ่ม หรือสี่ทุ่มก็ดี
 
ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไปทำธุระในส่วนที่เกี่ยวกับทะเบียนราษฎรได้  โดยการยืดเวลาสักสามทุ่ม-สี่ทุ่ม แล้วแต่ศูนย์การค้านั้นๆ จะปิดครับ เราต้องเป็นมหานครที่ให้โอกาสทุกคน ทุกรุ่นทุกวัย ไม่เฉพาะคนที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังมีคนที่ทำงานกลางคืนเพิ่มเติม ดังนั้นการฝึกทักษะและความสามารถการเพิ่มศักยภาพของแต่ละบุคคล เป็นเรื่องสำคัญมาก และนี่คือสิ่งที่เราจะเดินหน้าทำต่อไป ซึ่งทำแล้วหลายๆ ส่วน แต่จะทำต่อยอดเพิ่มทุนเพิ่มงาน เพื่อความสะดวกของพี่น้องประชาชนครับ
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ลงมาช่วยหาเสียงให้กับพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย ว่าอย่างไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ดีใจแทนคนกรุงเทพฯ ที่นายกฯได้มีโอกาสมาลงสัมผัสชีวิตของคนกรุงเทพฯมากขึ้น ดีใจที่ท่านนายกรัฐมนตรี จะปลีกเวลามาสัมผัสชีวิตของคนกรุงเทพฯมากขึ้น ดีใจแทนคนกรุงเทพครับ ซึ่งผู้ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะได้รับทราบปัญหาโดยตรงได้ดียิ่งขึ้น ตนขอปรบมือให้
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ยื่นเอกสารแจงกกต.กทม.กรณีโดนเผยแพร่ข้อมูลด้านคดีความทางโซเชียลมีเดีย ยัน ก.ตร.เคยตรวจสอบจบสิ้นแล้ว ระบุไม่คิดฟ้องใคร หวั่นคนเผยแพร่ไม่มีความเข้าใจอาจทำให้ผิดกฎหมายได้
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นเอกสารชี้แจงกรณีที่กระแสเกี่ยวกับเรื่องคดีความในอดีตต่อกกต.กทม. ที่อาจจะเป็นปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีพล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม.ได้ออกมารับหนังสือเอกสารเพิ่มเติมในครั้งนี้
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวที่อยู่โซเชียลอินเทอร์เน็ตในขณะนี้นั้น ทางกรมตำรวจได้ดำเนินการจบสิ้นไปแล้ว และมีเอกสารชัดเจนที่พร้อมจะยื่นให้กับพล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ในการตรวจสอบ เพราะตนเองมีความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งข้อมูลที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตในขณะนี้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง อาจจะเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสีได้ อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้ง อีกทั้งยังมีการที่ตนโดนกล่าวหาว่าเปลี่ยนชื่อเพื่อเข้ารับพระราชทานยศนั้นก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ที่เปลี่ยนเพราะภรรยาต้องการให้เปลี่ยน ตนอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยยืนยันว่าจะไม่ฟ้องร้องใคร แต่ผู้ที่นำไปเผยแพร่ต่ออย่างไม่เข้าใจอาจจะทำให้ผิดกฎหมายได้

เศรษฐกิจ
พฤณท์เอาใจผู้แสวงบุญ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุ่มงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ฟื้นสนามบินนราธิวาส เปลี่ยนโฉมลานจอด-ขยายรันเวย์รับเครื่องบินขนาดใหญ่ พร้อมเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก-ความปลอดภัย...
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันนี้ (16 ม.ค.) ตนได้เดินทางลงตรวจพื้นที่สนามบินนราธิวาส เพื่อเตรียมพร้อมสนามบินนราธิวาสให้มีขีดความสามารถในการรองรับผู้แสวงบุญใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ยังเมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้รับความสะดวกในการใช้บริการที่สนามบินนราธิวาสก่อนเดินทาง โดยกระทรวงคมนาคมได้มีนโยบายสั่งการให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเส้นทางบินตรง ให้กับผู้แสวงบุญจากสนามบินนราธิวาส ไปยังซาอุดีอาระเบีย ด้วยเครื่องบินแอร์บัส a330-300
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้อนุมัติงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ไปยังกรมการบินพลเรือน หรือ บพ.ให้ขยายขีดความสามารถสนามบินนราธิวาส เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสาร และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบิน รวมถึงเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม-พฤศจิกายน 56 ที่ผู้แสวงบุญจะเดินทางและมาใช้บริการที่สนามบินนราธิวาส อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น บพ. ได้ขยายความยาวทางวิ่งจาก 2,000 เมตร เป็น 2,500 เมตร รวมถึงได้จัดหาอุปกรณ์ในลานจอดเพิ่มขึ้น เช่น รถบันได รถลากเครื่องบิน รถขนส่งสัมภาระและอุปกรณ์ที่จำเป็นรวมถึงบุคลากรเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังได้จัดหาให้มีบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานในสนามบินเพิ่ม และยังจัดพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ทั้งในและนอกอาคารผู้โดยสารให้รองรับผู้แสวงบุญที่จะเดินทาง และผู้ติดตามที่มาส่งได้เพียงพอ รวมถึงเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย การแบ่งแนวเขตพื้นที่อากาศยาน และพื้นที่สาธารณะ รวมถึงเข้มงวดในการเข้า-ออกพื้นที่ขั้นสูงสุด นอกจากนั้นยังได้ยกระดับบริการกู้ภัยและดับเพลิงอากาศยาน จากเดิมมีรถดับเพลิง 2 คัน เพิ่มเป็น 4 คัน เพื่อให้เป็นไปตามคู่มือการปฏิบัติการบิน ของการบินไทย สำหรับเครื่องบินลำตัวกว้างแบบแอร์บัส a330-300
นอกจากนั้น ยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ การบินสนามบินนราธิวาสให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม-พฤศจิกายน 56 ที่ผู้แสวงบุญจะเดินทางและมาใช้บริการที่สนามบินนราธิวาส โดยจะออกประกาศข่าวนักบินล่วงหน้าเมื่อมีการขนส่งเที่ยวบินฮัจญ์ กรมการบินพลเรือน และการบินไทย จะประสานกับทางการซาอุดีอาระเบีย เพื่อจัดสรรเวลาเข้าออกเพิ่มเติมให้มีเที่ยวบินจากสนามบินนราธิวาสไปยังสนามบินเจดดาห์โดยตรง
พล.อ.พฤณท์ กล่าวด้วยว่า จากเดิมในอดีต การขนส่งผู้แสวงบุญไปประกอบพิธีฮัจญ์ในภาคใต้ จะมีผู้แสวงบุญเดินทางกว่าปีละ 13,000 คน/ปี และจะมีผู้โดยสารใช้บริการของสายการบินไทยกว่า 8,000 คน ใช้เครื่องบินขนกว่า 25 เที่ยวบิน และที่เหลือผู้แสวงบุญอีก 5,000 คน จะเดินทางโดยเที่ยวบินต่างๆจากสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนั้นยังพบว่ายังมีผู้แสวงบุญจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้กว่า 4,000 คน จะเดินทางมาขึ้นเครื่องบิน ที่ 3 สนามบินหลักของภาคใต้ คือ สนามบินหาดใหญ่ 22 เที่ยวบิน สนามบินภูเก็ต 2 เที่ยวบิน และสนามบินกระบี่ 1 ดังนั้น รัฐบาลจึงเล็งเห็นว่าหากมีการให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารในพื้นที่สนามบินนราธิวาส จะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากขึ้น
 สทท.ประเมินท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้เป็นช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน และฮ่องกง เพิ่มมากขึ้น 100,000 คน สร้างรายได้ 4,200 ล้านบาท ชี้นักท่องเที่ยวกังวลอันตรายจากไฟและพลุ ปัญหาการเดินทางไม่สะดวกและราคาสินค้าและบริการที่แพงกว่าปกติ
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สทท.ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้เป็นช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนและฮ่องกงเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางช่วงเทศกาลประมาณถึง 100,000 คน สร้างรายได้ 4,200 ล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวนไม่มากที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลนี้ อย่างไรก็ตาม มีปัญหาที่นักท่องเที่ยวกังวลมากที่สุดในการท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนคือ ความอันตรายจากไฟและพลุ ในขณะที่นักท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่งกังวลปัญหาการเดินทางไม่สะดวกและราคา สินค้าและบริการที่แพงกว่าปกติ
นางปิยะมาน กล่าวต่อว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ รัฐบาลควรสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวโดยการพัฒนาด้านความปลอดภัย และเร่งแก้ไขปัญหาเดิมๆ ที่ยังคงคั่งค้างอยู่โดยเร็วและเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลอย่าให้เป็นปัญหาความล่าช้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างเช่นที่ผ่านมา เนื่องจากในปีนี้เที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟล์ มีเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินต้นทุนต่ำ และรูปแบบของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยขณะนี้จะมาจากเมืองรองเพิ่มมากขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องทำ Visa on Arrival หรือการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินนานาชาติ ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเร่งพิจารณาการจัดสรรบุคลากรให้เพียงพอกับเที่ยวบินที่จะเข้ามาอีก ประเด็นที่สำคัญคือเรื่องการจัดระเบียบรถโดยสารที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปดูแลเลย  ด้านนายศิษฎิวัชร  ชีวรัตนพร รองประธาน สทท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดจองของนักท่องเที่ยวตลาดจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากไม่เฉพาะแต่นักท่องเที่ยวจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกงและไต้หวันเท่านั้น แต่ยังมีจากประเทศอื่นที่มีประชาชนเชื้อสายจีน อาศัยอยู่ อาทิ เกาหลีและเวียดนาม เป็นต้น และเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวยุโรป รัสเซียซึ่งเข้ามาตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ยังไม่เดินทางกลับ ทำให้ขณะนี้ยอดจองเกือบเต็มแล้ว ในบางพื้นที่ต้องปิดรับการจองแล้วคาดการณ์ว่าจะเกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากร โดยเฉพาะมัคคุเทศก์และรถบัสอย่างแน่นอน.
พาณิชย์สนอง ครม.ขอความร่วมมือผู้ผลิตตรึงราคาสินค้า 3 เดือน ชี้ยักษ์ใหญ่ "สหพัฒน์" และ "ยูนิลีเวอร์" ยังแบกรับต้นทุนได้อยู่ แม้ปรับขึ้นค่าแรง 300 ...
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2556 นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ประเมินสถานการณ์ราคาสินค้า โดยศึกษาว่ากลุ่มสินค้าใดยังสามารถแบกรับภาระต้นทุนจากการปรับขึ้นค่าแรงงานเป็นวันละ 300 บาทได้ และให้เชิญมาหารือ เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าอย่างน้อย 3 เดือน ตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลค่าครองชีพ ด้วยการตรึงราคาสินค้าไม่ให้ปรับขึ้น จากค่าแรงงาน 300 บาท คาดว่าสินค้าที่ยังแบกรับภาระต้นทุนได้ จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น กลุ่มของใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งสหพัฒน์ และยูนิลีเวอร์ ยืนยันว่า ยังแบกรับต้นทุนได้อยู่
ธปท.ยอมรับเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ผุดถือเป็นเรื่องปกติในช่วงเงินล้น คนมีเงินออมแห่ลงทุนหวังกำไรราคาสินทรัพย์ขึ้น แต่รอบนี้ยังไม่มีสัญญาณน่าห่วงเหมือนปี 40 ที่ทุกฝ่ายทั้งแบงก์ทั้งนักลงทุนหน้ามืดแห่ซื้อขายแบบไม่วิเคราะห์ความเสี่ยง...
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน กล่าวว่า ตามข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ในขณะนี้เริ่มเห็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรเพิ่มมากขึ้นในต่างจังหวัด ซึ่งธปท.ประเมินว่า เป็นเรื่องปกติในช่วงที่ยังมีสภาพคล่องเหลือสูงในระบบ และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไม่สูงมาก ทำให้คนที่มีเงินออมส่วนหนึ่งหันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อหารายได้ ทั้งส่วนหนึ่งเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ที่จะเพิ่มสูงขึ้น และหารายได้จากให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
การเก็งกำไรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นเรื่องปกติ และในขณะนี้ถือว่ามีการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรเพิ่มขึ้น แต่เท่าที่ธปท.ติดตามนั้น ส่วนหนึ่งยังเป็นการนำเงินออมของตัวเองมาซื้อ ซึ่งส่วนนั้นไม่สร้างปัญหาให้กับระบบโดยรวม ขณะที่ส่วนที่ซื้อด้วยการขอกู้เงินของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งส่วนนี้ ธปท.ติดตามเป็นพิเศษ แต่ยังเห็นว่า คุณภาพของสินเชื่อและการวิเคราะห์สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในระดับที่ดี ไม่ได้ให้ง่ายๆ ใครก็ขอกู้ได้ ไม่เหมือนในช่วงปี 2540 ที่ตอนนั้น คนแห่กันเก็งกำไรซื้อขายใบจองกันแบบจับเสือมือเปล่า ธนาคารพาณิชย์ก็ให้สินเชื่อง่ายๆ แต่ในปัจจุบัน คนที่เก็งกำไรจริงๆ เหลือน้อยแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่อการลงทุนเป็นหลักแต่บวกการเก็งกำไรเข้าไปด้วย
รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อว่า เท่าที่ติดตามการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ ยังไม่ได้ขอกู้กันได้ง่ายๆ มีการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ที่ค่อนข้างดีอยู่ นอกจากนั้น ในส่วนเกณฑ์อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) ซึ่งช่วยดูแลให้คนที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องมีเงินส่วนหนึ่งสำหรับดาวน์ เพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ที่จะซื้ออสังหาฯมีความต้องการจริง ในขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ก็ทำตามมากขึ้น โดยสัดส่วนวงเงินปล่อยสินเชื่อบ้านในขณะนี้ส่วนใหญ่อยู่ที่ 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ ส่วนที่เคยให้กู้เต็มจำนวน 100% นั้นลดลงมากแล้วอย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ ธปท.ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้ ธปท.ติดตามความเคลื่อนไหวในหลายลักษณะ และหลายตัวมาก เพราะถือว่าเป็นภาคธุรกิจสำคัญที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง แต่ในขณะนี้แม้ว่าจะเห็นลักษณะการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นบ้าง การปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวได้รวดเร็ว แต่ยังไม่ถึงว่าเป็นจุดสังเกตที่ผิดปกติ หรือจำเป็นต้องออกมาตรการอะไรในหยุดการขยายตัวในขณะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น