วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

วันพุธ ที่ 9 มกราคม 2556 คดีเขาพระวิหาร! สารก่อทุกข์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ : ขยายปมร้อน




ปัญหาหลายเรื่องเริ่มส่อเค้าสร้างความวุ่นวายให้ "รัฐบาล" ภายใต้การนำของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ต้องรู้สึก"ขัดใจ-อึดอัดใจ"ได้เริ่มปรากฏเค้าลางให้เห็นแล้ว
               ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินในฐานะ "รัฐบาล" หรือปัญหาการเมืองในฐานะ "พรรคเพื่อไทย"
               เริ่มจากปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ทำในนามนโยบายของรัฐบาลที่เห็นชัดเจนคือปัญหาการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาท ใน 70 จังหวัด ซึ่งมีผลในวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบทำให้สถานประกอบการที่มีปัญหาภาวะขาดทุนสะสมมานานหลายปี ไม่มีเงินทุนจะดำเนินกิจการต่อไปหรือไม่มียอดสั่งสินค้าจากต่างประเทศ ฉวยโอกาสเลิกจ้างงานหรือปิดโรงงานหนี
               ยังไม่รวมถึงภาคธุรกิจที่เริ่มทยอยปิดตัวรายวัน เนื่องจากแบกรับต้นทุนไม่ไหว    แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศในช่วง 3 เดือนนับจากนี้จะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้า แต่หลังจากนั้นไม่มีใครสามารถรับประกันได้ เพราะเมื่อภาคการผลิตมีต้นทุนสูงขึ้นก็เป็นธรรมดาที่ต้องขอปรับขึ้นราคาสินค้า คาดว่าจะเห็นผลกระทบชัดเจนในเดือนมีนาคมนี้ การปรับขึ้นค่าจ้างวันละ 300 บาท ถือเป็นผลพวงจากนโยบายรัฐในการหาเสียงที่อาจส่งผลต่อคะแนนนิยมรัฐบาล

               ส่วนปัญหาการเมืองที่จะส่งผลกระทบมา "กวนใจ" ต่อการบริหารงานของ "รัฐบาล" ด้วยอย่างแน่นอนคือ "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปมปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก)ที่กรุงเฮกประเทศเนเธอร์แลนด์ในวันที่15-19เมษายนนี้"
               โดยเฉพาะปมปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหารน่าจะเป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้รัฐบาล "ต้องหนักใจ" มากกว่าประเด็นอื่น   เพราะหลังจากรัฐบาลมีท่าทียอมถอย "ยื้อ" เวลาในการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปอีกระยะ ทำให้ภาวะตึงเครียดของรัฐสภาต่อการแสดงความคิดในเรื่องการลงมติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เริ่มผ่อนคลายลง ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ "ภาคประชาชน" นอกสภาเริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง หลังจากศาลโลกเตรียมพิจารณาปมปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหารในเดือนเมษายนนี้   เดิมทีการเคลื่อนไหวของ "ภาคประชาชน" คงไม่คึกคักมากนักต่อประเด็นนี้ แต่ทันทีที่ "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ เปิดปากให้สัมภาษณ์ว่า หนักใจในคดีนี้เป็นอย่างมาก และมองดูแล้วไทยมีแต่แพ้ กับเสมอตัว คือ ถ้าหากเสมอตัวก็คงคำพิพากษาปี 2505 เอาไว้ ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา พื้นที่รอบปราสาทเป็นของไทย แต่ถ้าหากเกิดแพ้ขึ้นมาก็ต้องเสียดินแดนไป ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ" ถือเป็นการจุดชนวนให้ "ภาคประชาชน" ออกมาเคลื่อนไหวในทันที! โดยเกิดปฏิกิริยาจาก "แนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน" นำโดย "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์-พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน-ไพศาล พืชมงคล-ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์" โดยในวันที่ 14 มกราคมนี้ "กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน" จะไปยื่นฟ้องกล่าวหารัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศต่อศาลอาญา รัชดาฯ เนื่องจากเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จกรณีไทย-กัมพูชาต่อสาธารณชน  และในวันที่ 21 มกราคม จะนัดชุมนุมใหญ่ เพื่อเดินขบวนยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิเสธการรับอำนาจของศาลโลก พร้อมกับรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวต่อประธานศาลฎีกาและยื่นต่อผู้นำเหล่าทัพ ขณะที่ "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อปมปัญหาคดีปราสาทพระวิหารระหว่างไทยและกัมพูชา 2 ครั้งโดยครั้งแรกหลังจาก "สุรพงษ์" เปิดปากครั้งแรกว่าหนักใจในคดีนี้ ไทยมีแต่แพ้กับเสมอตัว โดยเรียกประชุมและออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนเรียกร้องให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่รับอำนาจศาลโลก และทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทย  และเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี เพื่อขอไม่ให้ลงนามยอมรับคำตัดสินของศาลโลกจากกรณีการตีความของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร
               โดยรายละเอียดในหนังสือที่ "พันธมิตร" ยื่นถึงนายกรัฐมนตรีได้ระบุถึงข้อเรียกร้อง 7 ข้อ ประเด็นหลักที่น่าสนใจคือ ให้รัฐบาลประกาศไม่รับอำนาจศาลโลกในการตีความในคดีนี้ก่อนถึงวันพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการ, รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ไม่ต้องถอนทหารหรือตำรวจตระเวนชายแดนออกจากแผ่นดินไทยและขอให้เร่งผลักดันชุมชนกัมพูชาให้ออกจากแผ่นดินไทย,ให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีประเทศใดเข้ามาใช้อำนาจในการละเมิดอธิปไตยของชาติ  และการให้ความช่วยเหลือ "นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์" ซึ่งถูกทหารกัมพูชาจับกุม ให้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำกัมพูชาโดยเร็ว
               “ข้อเรียกร้องไม่ได้ทำด้วยอารมณ์แต่เป็นการเรียกร้องตามข้อคิดเห็นของนายสมปอง สุจริตกุล ซึ่งเป็นทนายระหว่างประเทศ เป็นทนายคณะทำงานประสานคนสุดท้ายของปราสาทพระวิหารที่ยังมีชีวิตอยู่ หากไม่ปฏิบัติย่อมถือว่าสมรู้ร่วมคิด รู้เห็นเป็นใจ ในการกระทำครั้งนี้ ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบทั้งในทางการเมืองและในทางคดีความต่อไปในอนาคต อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของ "ปานเทพ" ระหว่างการเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ว่า "กลุ่มพันธมิตร" จะยืนยันว่าระหว่างนี้หรือวันที่ 21 มกราคม จะยังไม่ชุมนุม จนกว่าจะมีประชาชนออกมาเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เรียกง่ายๆ ว่าจนกว่าปัญหาคดีเขาพระวิหารจะสุกงอม หรือเกิดการเพลี่ยงพล้ำ "พันธมิตร"ก็จะอาศัยสถานการณ์ปลุกจิตสำนึกความรักชาตินัดประชุมนำการชุมนุมทันทีแม้ว่าการตัดสินในคดีประสาทพระวิหารจะเกิดขึ้นปลายปีนี้ แต่เชื่อว่าระหว่างการพิจารณาคดีในเดือนเมษายนนี้กระแสและแรงกระตุ้นเรื่อง "ชาตินิยม"จะเริ่มทวีความดุเดือดมากขึ้น
               ยิ่งมี "การเมือง" เป็นสารเร่งด้วยแล้ว เชื่อว่านับจากนี้ไป "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" อยู่ไม่เป็นสุข!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น