วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (17-21 ธันวาคม 2555)



สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (17-21 ธันวาคม 2555)


การเมือง
นายกรัฐมนตรีเยือนพม่า ติดตามโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย
17 ธ.ค.-นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ อาทินายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรมทวาย
โครงการท่าเรือน้ำลึกทวายมีพื้นที่ 205 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 126,000 ไร่ เป็นโครงการที่ตอบสนองความเติบโตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนตอนใต้ ในการเพิ่มศักยภาพการขนส่งทางทะเล เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความเชื่อมโยง และพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลดต้นทุนการขนส่งในระยะยาว
นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการเยือนว่า ได้หารือกับ นายเต็ง เส็ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนม่าร์ โดยสรุปถือว่ามีความคืบหน้าในเรื่องแผนงานเบื้องต้น จากนี้พม่าจะมีรายละเอียดในเรื่องข้อเสนอเพื่อเชิญชวนนักลงทุน รวมถึงแผนการลงทุนทั้งหมด ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนเมษายน 2556 และในปี 2557 จะมีท่าเรือขนาดเล็กใช้ขนส่งวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าปี 2558 โครงการท่าเรือน้ำลึกระยะแรกจะแล้วเสร็จพร้อมถนน 4 เลน ส่วนท่าเรือน้ำลึกระยะสอง รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดและถนน 8 เลน จะแล้วเสร็จในปี 2563 รวมทั้งความร่วมมือในการสร้างคุณภาพชีวิตให้ชาวพม่าในพื้นที่ นอกจากนี้ไทยได้แจ้งกับพม่าว่า มีแผนจะเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่ทวาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานของเจ้าหน้าที่
นายกรัฐมนตรีประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดียสมัยพิเศษ และเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ
20 ธ.ค.-นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย (Plenary Session: ASEAN-India Commemorative Summit) ที่โรงแรม Taj Palace กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เป็นการประชุมเต็มคณะในโอกาสครบรอบ 20 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน – อินเดีย โดยมีหัวข้อการประชุม "ความเป็นหุ้นส่วนอาเซียน-อินเดีย เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" (ASEAN-India Partnership for Peace and Shared Prosperity) ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทย ได้เสนอแนวทางการยกระดับสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน – อินเดีย โดยการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมทั้งทางบก อากาศ และทะเล
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะต้องเร่งดำเนินการเส้นทางทางบกไทย เมียนมาร์ และอินเดีย ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว รวมทั้งการขยายต่อไปยังประเทศอื่น ส่วนทางทะเล ไทยสนใจการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจแม่โขง-อินเดีย ผ่านการเชื่อมโยงเชนไน – ทวาย – แหลมฉบัง ซึ่งจะอำนวยความสะดวกการขนส่งชิ้นส่วนรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา และวัตถุดิบอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมในอินเดียและประชาคมอาเซียน ซึ่งนโยบาย Look East ของอินเดีย และนโยบาย Look West ของอาเซียน จะเชื่อมต่อทางความคิด รวมถึงความร่วมมือความปลอดภัยทางทะเล การจัดการภัยพิบัติ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า อาเซียนและอินเดียมีข้อตกลงการจัดทำเขตการค้าเสรี FTA ในสาขาบริการและการลงทุน ซึ่งจะทำให้บรรลุเป้าหมายการค้า จำนวน 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2015 ได้ โดยไทยหวังว่าจะร่วมกับอินเดียทั้งในบริบทของความสัมพันธ์อาเซียน – อินเดีย และระดับอนุภูมิภาค
ส่วนการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บังกลาเทศ ครบ 40 ปี โดยหารือทวิภาคีกับผู้นำบังกลาเทศ ทั้งด้านการค้า การลงทุน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร รวมถึงความร่วมมือด้านการข่าว การต่อต้านการค้ามนุษย์ และการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานไทย-บังกลาเทศ
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ขณะนี้ มาใช้ประเมินภาษีบำรุงท้องที่ปี 2556
18 ธ.ค.-นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดิน ที่ใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี 2521 ถึง 2524 ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี 2555 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี 2556 พ.ศ. ....โดยให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนแล้วดำเนินการต่อไป สำหรับพระราชกฤษฎีกานี้จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป
คณะรัฐมนตรียังไม่มีมติการทำประชาเสวนา หรือการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ
18 ธ.ค.-นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีมติว่า จะทำประชาเสวนา หรือประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 เนื่องจากมีขั้นตอนและรายละเอียดค่อนข้างมาก ตามกระบวนการแล้วรัฐบาลคือหนึ่งในกลไกที่ประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา ขณะที่จุดยืนของรัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ
นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ อาจให้นักวิชาการอิสระเป็นกลาง ทำความเข้าใจเรื่องประชามติให้ประชาชนทราบ คณะทำงานจะพิจารณารายละเอียดการทำประชามติอย่างรอบคอบก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง คาดว่าเป็นช่วงหลังปีใหม่ จากนั้นจึงจะหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง และรัฐสภาอีกครั้ง
ประธานวุฒิสภาเห็นด้วยกับการจัดเวทีประชาเสวนาและประชามติ สอบถามความเห็นประชาชนก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ
20 ธ.ค.-นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางการจัดทำประชามติและประชาเสวนาก่อนลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 เนื่องจากการเดินหน้าอาจสุ่มเสี่ยงถูกยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทำให้รัฐบาลเสียเวลา หากทำประชามติไม่ผ่านสามารถแก้ไขเป็นรายมาตรา โดยเฉพาะมาตราที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน และเห็นว่างบประมาณดำเนินการ 2 พันล้านบาทคุ้มค่า หากเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ รณรงค์ไม่ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ อาจเป็นการล่อแหลมขัดรัฐธรรมนูญและถือว่าไม่เป็นวิถีประชาธิปไตย ส่วนการจัดเวทีประชาเสวนาที่หลายฝ่ายกังวลอาจเป็นการชี้นำ ประธานวุฒิสภายอมรับเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลต้องทำความเข้าใจ และให้ความรู้ประชาชนถึงสาระสำคัญที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291
คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมืองประจำปี 2556 จำนวน 8 พรรค เป็นเงิน 108,033,600 บาท
18 ธ.ค.-นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองมีมติเห็นชอบ แผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมือง ประจำปี 2556 ตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 กล่าวคือ เป็นพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหลังสุด โดยได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อรวมกัน หรือได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียงที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนได้รับในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศ จำนวน 8 พรรค รวมเป็นเงิน 108,033,600 บาท
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อพรรคการเมืองดังกล่าวจะได้เบิกจ่ายเงินตามที่ได้รับอนุมัติ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2556
นายชุมพล ศิลปอาชา แน่นหน้าอกหมดสติที่ทำเนียบรัฐบาล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น
17 ธ.ค.-ระหว่างที่นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเวลา 10.00 น.เมื่อเดินทางถึงห้องทำงาน เกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก นายวราวุธ ศิลปอาชา หลานชายซึ่งอยู่ในห้องด้วย ได้โทรศัพท์ประสานขอรถพยาบาลจากโรงพยาบาลวิชัยยุทธ แต่ระหว่างรอ นายชุมพลฯ หมดสติ นายวราวุธฯ และผู้ติดตาม จึงตัดสินใจใช้รถยนต์ส่วนตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากที่สุด เเพทย์ได้ใช้เครื่องปั๊มหัวใจ เเละให้ออกซิเจน ต่อมาย้ายไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แผนกศูนย์หัวใจ หลอดเลือด และเมแทบอลิซึ่ม
ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาตัวคนร้ายทำร้ายร่างกายรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
18 ธ.ค.-พลตำรวจตรีปริญญา จันทร์สุริยา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่นายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกและทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณลานจอดรถอาคารที่พัก ย่านบางนา เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 ธันวาคมว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งเชิญเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำที่พักของนายราเมศฯ มาสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัย เพื่อหาเบาะแสการติดตามตัวคนร้าย ส่วนประเด็นการก่อเหตุเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งความขัดแย้งส่วนตัว และเรื่องการเมือง
เศรษฐกิจ
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ มีมาตรการพยุงราคาปาล์มน้ำมัน ให้โรงสกัดรับซื้อปาล์ม ในราคา 4 บาท
19 ธ.ค.-นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ (กนป.)ร่วมกับตัวแทนจากกระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนสมาคมชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย สรุปว่า ที่ประชุมมีมาตรการพยุงราคาปาล์มน้ำมัน ให้โรงสกัดรับซื้อปาล์มเปอร์เซ็นต์น้ำมันร้อยละ 17 ในราคา 4 บาท และราคา 4.35 บาท ในเปอร์เซ็นต์น้ำมันร้อยละ 18.5 ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งจะรับซื้อปาล์มดิบได้กว่า 1 แสนตัน คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่ถึง 1,900 ล้านบาท พร้อมให้กระทรวงพาณิชย์จัดหาแนวทางการรับซื้อราคาดังกล่าว
ธนาคารโลก คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 5
19 ธ.ค.-นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2556 จะขยายตัวร้อยละ 5 และภาวะเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวมากขึ้น การส่งออกขยายตัวร้อยละ 5.5 และการลงทุนยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐ ทั้งการบริหารจัดการน้ำและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ แต่ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากนโยบายรัฐบาล เช่น นโยบายจำนำข้าว การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน ตลอดจนการบริโภคที่ชะลอลง ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะสิ้นสุดลงในปีนี้ เช่น โครงการรถยนต์คันแรก และการเมืองในประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะของไทยจะอยู่ในระดับใกล้เคียงร้อยละ 50 ของ GDP เป็นผลจากการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งนโยบายของภาครัฐ เช่น โครงการรับจำนำข้าว ที่อาจส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินของรัฐและฐานะการคลังในภาพรวม
ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ เศรษฐกิจปี 2556 พึ่งพาการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลัก
20 ธ.ค.-นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2556 คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4.6 โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ทั้งการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังสหรัฐอเมริกา ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป การเปลี่ยนแปลงผู้นำของญี่ปุ่นและจีน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในประเทศคือ ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม 2556 การใช้จ่ายของภาครัฐในโครงการใหญ่ที่อาจมีความล่าช้า หรือเบิกจ่ายไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เช่น แผนบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ร้อยละ 8 - 9 ในช่วงครึ่งปีหลัง
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำรองธนบัตรรับเทศกาลปีใหม่รวม 6 แสนล้านบาท
21 ธ.ค.-นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารจัดการธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. สำรองธนบัตรรับเทศกาลปีใหม่รวม 600,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ 470,000 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม 2556 ซึ่งคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะเบิกจ่ายธนบัตรรวมทั้งสิ้น 290,000 ล้านบาท สำหรับธนบัตรหมุนเวียนที่ออกใช้ในปัจจุบันมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.331 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7
ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2555 ขยายตัวร้อยละ 4.0 คาดแนวโน้มปีหน้าขยายตัวร้อยละ 3.5 – 4.5
17 ธ.ค.-นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ประมาณการอัตราการเติบโตของภาคเกษตรปี 2555 พบว่าขยายตัวประมาณร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สาขาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้แก่สาขาพืช ผลผลิตพืชสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ำมัน รวมถึงผลไม้ สาขาปศุสัตว์ขยายตัวร้อยละ 3.2 สาขาบริการทางการเกษตรขยายตัวร้อยละ 2.9 ขณะที่สาขาป่าไม้ขยายตัวร้อยละ 1.4 ส่วนสาขาที่ลดลงคือสาขาประมง ลดลงร้อยละ 2.7 เนื่องจากราคากุ้งไม่จูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต
ส่วนแนวโน้มปี 2556 ขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 3.5 – 4.5 โดยสาขาพืชขยายตัวร้อยละ 4.0 – 5.0 หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย สาขาปศุสัตว์ร้อยละ 1.8 – 2.8 เนื่องจากเกษตรกรมีการขยายการผลิต มีการปรับปรุงมาตรฐานฟาร์ม กระบวนการควบคุมและเฝ้าระวังโรคระบาดอย่างต่อเนื่อง สาขาประมงขยายตัวร้อยละ -0.2 - 0.8 เนื่องจากการผลิตประมงน้ำจืดและประมงทะเล ยังอยู่ในภาวะทรงตัว และสาขาป่าไม้ขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5
หอการค้าไทยชี้ ธุรกิจทางการแพทย์และความงาม จะยังเป็นธุรกิจเด่นอันดับหนึ่งในปี 2556
20 ธ.ค.-นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการวิเคราะห์ 10 อันดับธุรกิจเด่นในปี 2556 พบว่าธุรกิจทางการแพทย์และความงาม จะยังเป็นธุรกิจเด่นอันดับหนึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เนื่องจากกระแสการให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพ และการดูแลความงามที่มากขึ้น รวมทั้งการบริการทางการแพทย์ของไทยมีคุณภาพดี และราคาไม่แพง ประกอบกับเศรษฐกิจในปีหน้ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ประชาชนมีรายได้ดีขึ้น ทำให้หันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยมีคะแนน 91.4 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน รองลงมาเป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีสื่อสาร 89.2 คะแนน
สำหรับธุรกิจดาวร่วง เป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ได้แก่ธุรกิจฟอกย้อม ผลิตรองเท้า เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง ผักและผลไม้อบแห้ง สิ่งทอผ้าผืน หัตถกรรมถักสาน ร้านโชห่วย โฮมสเตย์ และของเด็กเล่น
ประชาชนใช้สิทธิ์โครงการรถคันแรกกว่า 1.1 ล้านคัน
18 ธ.ค.-นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจเยี่ยมการใช้สิทธิ์โครงการรถคันแรกที่กรมสรรพสามิต โดยมีประชาชนมารับบริการจำนวนมาก ประชาชนผู้มีสิทธิ์ต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิ์แล้วกว่า 1.1 ล้านคัน คิดเป็นเงินประมาณ 7.3 หมื่นล้านบาท
กรมสรรพสามิตได้เพิ่มช่องทางการยื่นเอกสารเพื่อขอใช้สิทธิ์ ที่อาคารหอประชุมสรรพสามิต และอาคารสโมสรข้าราชการกรมสรรพสามิต เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 07.00 – 20.00 น. โดยเฉพาะวันที่ 29 - 31 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ เปิดให้บริการเวลา 08.30 น. – 16.30 น. ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทรศัพท์หมายเลข 02 -241- 5600 – 18 ต่อ 54001 – 5 หรือที่เว็บไซต์กรมสรรพสามิต www.excise.go.th
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนระบุ การจัดงาน OTOP City 2012 รวม 6 วันมียอดจำหน่ายกว่า 500 ล้านบาท
20 ธ.ค.-นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน แจ้งว่าการจัดงาน OTOP City 2012 ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยยอดจำหน่าย 5 วันรวมแล้วกว่า 500 ล้านบาท ทั้งนี้งานจะจัดถึงวันที่ 23 ธันวาคม เปิดโอกาสให้ชิม ชม ช้อป สุดยอดสินค้า OTOP ที่คัดสรรมาให้ประชาชนได้เลือกซื้อ เลือกชมกันอย่างจุใจ และกิจกรรมพิเศษมากมาย ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 และเอ็กซิบิชั่นฮอลล์ 1 - 6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
มั่นคง
คณะรัฐมนตรี เห็นชอบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่
18 ธ.ค.-นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยกำหนดดำเนินการระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2555 – 2 มกราคม 2556 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ใช้ชื่อรณรงค์ “ก้าวสู่ปีใหม่อย่างปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” ตั้งเป้าลดจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ ให้ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เทียบกับปีที่แล้ว โดยใช้ 6 มาตรการคือ ด้านบริหารจัดการ ด้านบังคับใช้กฎหมาย ด้านสังคม ด้านวิศวกรรมจราจร ด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย มาตรการที่เน้นหนักคือ การควบคุมการใช้ความเร็ว การควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ การสวมหมวกนิรภัย การควบคุมการเกิดอุบัติเหตุกับรถกระบะ ที่บรรทุกผู้โดยสารบนกระบะท้าย
ขณะที่พลเอกสุรยุทธ์. จุลานนท์ องคมนตรีและประธานมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์จัด "โครงการปีใหม่ตายเป็นศูนย์" ที่มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 15 หน่วยงานร่วมสนับสนุน โดยกล่าวว่า หลังจากมูลนิธิรัฐบุรุษฯ ดำเนินโครงการสงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับและภาคีต่างๆ พบว่า มี 6 จังหวัดไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ดังนั้นในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้มูลนิธิรัฐบุรุษฯ จึงจัดโครงการปีใหม่ตายเป็นศูนย์ หากจังหวัดใดป้องกันการสูญเสียชีวิตได้ จะได้รับโล่เกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 1 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจนครบาล กวดขันวินัยจราจร 17 ข้อหาหลัก
17 ธ.ค.-พลตำรวจตรีวรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานจราจร สั่งการตำรวจจราจรในสังกัด 3,500 นาย กวดขันจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรเพิ่มเติม จาก 12 ข้อหาหลัก ให้เพิ่มอีก 5 ข้อหาคือ การขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ความผิดเกี่ยวกับอุปกรณ์และส่วนควบของรถ และใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ นอกจากนี้ให้ทุกสถานีตำรวจถ่ายภาพผู้กระทำผิด เพื่อออกหมายเรียกพร้อมภาพ ส่งไปถึงบ้านพักทุกราย โดยให้ทุกกองบังคับการรวบรวมผลการปฏิบัติ เสนอต่อกองบังคับการตำรวจจราจรทุกวัน ควบคู่กับการรณรงค์ให้ประชาชนเคารพกฎจราจร เพื่อลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
ตำรวจคุมเข้มห้ามจุดพลุและดอกไม้ไฟในสถานบันเทิง
17 ธ.ค.-พลตำรวจเอกปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับทุกพื้นที่ปฏิบัติตามแผนป้องกันคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างเต็มที่ ด้วยการเพิ่มความถี่ในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด และนำโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจมาใช้ พร้อมสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล คุมเข้มไม่ให้มีการจุดพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟในสถานบันเทิง เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำรอยเหตุการณ์ซานติก้าผับ ควบคู่การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างเข้มงวด
ขณะที่พลตำรวจโทจรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือไม่ให้ยิงปืนขึ้นฟ้าช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงเทศกาลหรืองานประเพณีอื่น ลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างเครือข่าย line network รายงานเหตุอาชญากรรม
17 ธ.ค.-พลตำรวจเอกปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ใช้แอพลิเคชั่น ไลน์ จากโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน สร้างเครือข่าย line network แจ้งเหตุอาชญากรรม ให้พร้อมใช้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2556 โดยเริ่มตรวจสอบเครือข่ายวันที่ 20 ธันวาคมเป็นต้นไป ลักษณะการปฏิบัติงานแบ่งเป็น 2 ระดับ ระดับแรกมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปจนถึงผู้บังคับการ และระดับที่สองมีผู้บังคับการถึงหัวหน้าสถานีตำรวจ แบ่งกลุ่มตามพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา อีกทั้งเป็นช่องทางรายงานเหตุเบื้องต้น รูปภาพ หรือคลิปวีดีโอที่รวดเร็ว
สำหรับ line network นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทดลองนำร่องในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 ไปแล้ว โดยจะปรับใช้ทั่วประเทศ
ศชต.สั่งคุมเข้มพื้นที่ชายแดนใต้ช่วงเทศกาลปีใหม่
19 ธ.ค.-พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยมาตรการดูแลความปลอดภัยพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า มีความเข้มข้นมากกว่าปกติ เพิ่มการดูแลในเขตชุมชน และเขตเมือง รวมทั้งประสานข้อมูลข่าวสารกับศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเฝ้าระวังรถยนต์เป้าหมาย 3 คันที่ถูกโจรกรรมไปจากพื้นที่ เนื่องจากหวั่นว่าคนร้ายจะนำไปประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมบ์ และก่อเหตุในช่วงปีใหม่
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ย้ำการดูแลความปลอดภัยครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่
18 ธ.ค.-นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า หลังจากจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) พบว่าการดูแลปัญหาความปลอดภัยครูเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยย้ำเพิ่มความรัดกุมแผนการรักษาความปลอดภัย ส่วนแนวคิดที่จะให้ครูในพื้นที่พกอาวุธปืนได้นั้น จะให้จังหวัดพิจารณาออกใบอนุญาตพกพา สำหรับแนวคิดการมอบเสื้อเกราะให้กับครู หากมีการร้องขอมาจะนำเรื่องเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณา
รองนายกรัฐมนตรี หารือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพิ่มจุดตรวจ สกัดการขนย้ายยาเสพติดพื้นที่เสี่ยงภาคเหนือ
20 ธ.ค.-ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ปรึกษาพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงการวางมาตรการตรวจสกัดจับการขนยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือในช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยให้เพิ่มจุดตรวจ และตรวจเข้มในจุดเสี่ยง ขณะเดียวกันตั้งข้อสังเกตว่า การผลิตยาเสพติดเริ่มเบี่ยงเบนเส้นทางการขนย้ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ส่วนการซื้อขาย เขตพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑลยังถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเนื่องจากมีกำลังซื้อสูง
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยืนยันมี 6 เครือข่ายหลักขนยาเสพติดจากชายแดนภาคเหนือ ลงสู่ภาคกลาง
19 ธ.ค.พลตำรวจเอกพงศพัศ พงศ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงสถานการณ์ยาเสพติดว่า กลุ่มผู้ค้าส่วนใหญ่ลำเลียงยาบ้ามาจากชายแดนภาคเหนือ ลงมาในพื้นที่ภาคกลาง เป็นการเคลื่อนไหวของ 6 เครือข่ายหลัก ซึ่งสามารถจับกุมได้แล้ว 3 เครือข่าย แต่ยังจับกุมระดับหัวหน้าไม่ได้ เพราะได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วน 3 ขบวนการที่เหลือเป็นขบวนการย่อย ที่รับช่วงต่อจากเครือข่าย "เจ๊เพ๊ญ" แต่มีศักยภาพขนส่งยาเสพติดได้ครั้งละจำนวนมาก
ส่วนกรณีที่จับผู้ต้องหาได้ที่จังหวัดชุมพร พร้อมยาบ้าเกือบ 1.3 ล้านเม็ด จากการตรวจสอบน่าจะมาจากเครือข่าย "ยี่เซ" ซึ่งกระจายอยู่ตามแนวชายแดน หลังจากนี้ ป.ป.ส จะสรุปข้อมูลให้กับเลขาธิการ ป.ป.ส.ประเทศพม่าเพื่อขยายผล นอกจากนี้ ป.ป.ส.ของไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบซองพลาสติกสีฟ้า ที่ใช้ในการบรรจุยาเสพติด หลังสืบทราบว่ามีโรงงานผลิตในพื้นที่ภาคกลาง และอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล
กระทรวงคมนาคม ผ่อนผันน้ำหนักรถบรรทุกออกไปอีก 1 ปี
19 ธ.ค.-พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเห็นชอบให้ขยายเวลาผ่อนผันน้ำหนักรถบรรทุกประเภทรถพ่วง 7 เพลา 24 ล้อ ที่ 53 ตัน ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2556 จากน้ำหนักเดิม 58 ตัน จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมนี้ จึงมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ศึกษาน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ทั้งนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กำหนดน้ำหนักรถบรรทุกที่ 38 ตัน ทุกประเทศต้องปรับแก้ไขให้สอดคล้อง
กระทรวงคมนาคม นำร่อง 6 หน่วยงาน จัดสิ่งอำนวยความสะดวกในระบบขนส่งสาธารณะให้แก่ผู้พิการ
19 ธ.ค.-นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาร่างกฎกระทรวง จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการ ในอาคารสถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่ง เพื่อให้คนพิการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ โดยสั่งการให้ 6 หน่วยงาน ประกอบด้วยบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) นำร่องจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่สถานีขนส่งหมอชิต องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปรับบันไดขึ้นลงรถโดยสารประจำทาง เป็นทางราบตามจำนวนความเหมาะสม กรมเจ้าท่านำร่องที่ท่าเทียบเรือสาทรและพื้นที่เชื่อมต่อ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นำร่องที่ท่าอากาศยานดอนเมือง การรถไฟแห่งประเทศไทยนำร่องที่สถานีรถไฟหัวลำโพง และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นำร่องสายเฉลิมรัชมงคล และตู้โดยสารรถไฟฟ้า คาดว่าโครงการนำร่องจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2556
สังคม เกษตร เทคโนโลยี
สำนักราชเลขาธิการนำองค์ความรู้ด้านการเผยแพร่พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้สื่อมวลชนทุกสาขานำไปขยายผลสู่ประชาชน
19 ธ.ค.-นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ราชเลขาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการเผยแพร่พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ด เพื่อเป็นแนวทางให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้ประชาชนได้รับทราบ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมโครงการกว่า 100 คน
นายประสพโชค อ่อนกอ อดีตผู้อำนวยการกองข่าว และผู้ช่วยราชเลขาธิการ เป็นวิทยากรบรรยายความเป็นมาของพระมหากษัตริย์ไทยกับโบราณราชประเพณี ผ่านแนวคิดและความเชื่อ ทั้งคติความเชื่อแบบพราหมณ์ ฮินดู พุทธศาสนา และแนวการปกครองในลักษณะพ่อปกครองลูกที่สืบทอดมาถึงปัจจุบัน การใช้คำราชาศัพท์อย่างถูกต้อง และการบรรยาย แนวพระราชดำริกับสถานการณ์น้ำในประเทศไทย โดยนายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน)
รัฐบาลเตรียมทำแนวทางใช้ที่ดิน เน้นทำโซนนิ่งสินค้าเกษตร 6 ชนิดสำคัญ
19 ธ.ค.-นายนิรุตติ คุณวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนจัดทำแนวทางการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยระยะแรกจัดทำโซนนิ่งสินค้าเกษตร 6 ชนิดสำคัญของไทย โดยใช้ข้อมูลหลัก 3 ด้าน คือแผนที่อนุรักษ์ แผนที่เพาะปลูก และแผนที่การถือครองที่ดิน ทั้งนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการให้แผนที่ที่จะจัดทำขึ้นใหม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เพราะปัจจุบันมีหน่วยงานราชการที่มีแผนที่ของตนเองกว่า 32 หน่วยงาน และมีกว่า 9 มาตราส่วนที่ใช้อยู่ ทำให้การจัดทำข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนและมีความเข้าใจไม่ตรงกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปทำงานร่วมกันภายใน 1 เดือน จากนั้นจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการอีก 2 – 3 ครั้ง ก่อนจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อรับผิดชอบงานด้านต่าง ๆ
รัฐบาลร่วมกับมหาเถรสมาคม จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี
18 ธ.ค.-พระหรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เปิดเผยว่า มหาเถรสมาคมร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา ในโครงการสวดมนต์ข้ามปี ทำความดีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2555 จนถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2556 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ โดยกำหนดให้วัด 30,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงวัดไทยในต่างประเทศ ร่วมจัดพิธี คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมพิธีกว่า 30 ล้านคนทั่วประเทศ สามารถรับชมการถ่ายทอดสด ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และทางไทยทีวี Global Network
กระทรวงวัฒนธรรม เชิญชวนไหว้พระพุทธรูปโบราณวังหน้า 9 พระองค์ ต้อนรับปี 2556
17 ธ.ค.-นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรมกำหนดจัดงานส่งท้ายปีเก่าวิถีไทยต้อนรับวิถีพุทธ วิถีธรรม 4 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา ที่ห้องดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ประกอบด้วยการจัดกิจกรรมศาสนกิจ 4 ศาสนา ได้แก่ พุทธ คริสต์ พราหณ์-ฮินดู และซิกข์ ในศาสนสถานต่างๆ
สำหรับศาสนาพุทธจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี วันที่ 31 ธันวาคม 2555 - 1 มกราคม 2556 ตั้งแต่เวลา 22.30 น.จนถึงวันขึ้นปีใหม่ พร้อมทั้งสักการะพระพุทธรูปสำคัญ 9 พระองค์ ที่เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นำมาประดิษฐานให้ประชาชนสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลรับเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 1 -31 มกราคม 2556 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. ทั้งนี้การจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สวดมนต์ข้ามปีในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้รับความร่วมมือจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ในการจัดรถโดยสารประจำทาง ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ททท. จัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2556 จัด 8 กิจกรรมทั่วประเทศ
19 ธ.ค.-นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงว่า ททท.จัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2556 : Miracle Thailand Countdown 2013 ให้เป็นระดับนานาชาติ และร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่พร้อมกับประเทศทั่วโลก โดยร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมในสถานที่ 8 แห่งทั่วประเทศ ที่บริเวณย่านราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร บริเวณประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ บริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมาร์ อ.แม่สาย จ.เชียงราย บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยว พัทยาใต้ จังหวัดชลบุรี บริเวณถนนศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น บริเวณถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 บริเวณถนนเสน่หานุสรณ์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บริเวณสนามชัย อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต และบริเวณหาดกะรน อ.เมือง จังหวัดภูเก็ต คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนทั่วประเทศกว่า 13,100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมไหว้ขอพรเสริมสิริมงคล ด้วยการจัดทำคู่มือไหว้เสริมสิริมงคลใน 4 เส้นทาง ได้แก่เส้นทาง “ไหว้พระเสริมสิริมงคล 9 พระอารามหลวง” “ไหว้พระวัด 9 รัชกาล” “ไหว้พระ 9 วัด ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา” และ “ไหว้กษัตริย์ 9 พระองค์”
ผู้สนใจรับคู่มือได้ที่ ททท. สำนักงานใหญ่ หรือสอบถามข้อมูลที่ 1672 เบอร์เดียวทั่วไทย หรือดาวน์โหลดได้ที่www.amazingcountdown.com
กระทรวงศึกษาธิการตั้งกองทุนช่วยเหลือครูในจังหวัดชายแดนภาคใต้
17 ธ.ค.-นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือครูชายแดนภาคใต้ โดยจัดกิจกรรมวิ่งและขี่จักรยานทางไกลเพื่อสันติภาพแด่ครูชายแดนใต้ หาเงินสมทบเข้ากองทุน เริ่มวันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม จัดมินิคอนเสิร์ตเพื่อรับบริจาค จำหน่ายและประมูลสิ่งของจากศิลปินดารา ที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน โดยจะจัดทั้งหมด 9 ครั้ง วันอังคารที่ 8 มกราคมทำบุญอุทิศให้ครูจูหลิง ปงกันมูล และครูที่เสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นปล่อยตัวนักกีฬาวิ่งมาราธอนและขี่จักรยานทางไกล จากกรุงเทพมหานคร - เชียงราย ระยะทาง 990 กิโลเมตร ระหว่างทางมีการจำหน่ายของชำร่วย และระดมเงินบริจาค
ผู้สนใจบริจาคเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือครูชายแดนภาคใต้ ได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ เลขบัญชี 059-0-22232-5 หรือสอบถามได้ที่ 1579 ตลอด 24 ชั่วโมง
มีแรงงานต่างด้าวกว่า 3 แสนคน ที่ต้องผลักดันกลับประเทศต้นทาง
17 ธ.ค.นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน(กกจ.)เปิดเผยว่า หลังสิ้นสุดการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา มีแรงงานต่างด้าวผ่านการพิสูจน์สัญชาติประมาณ 8.7 แสนคน เหลือแรงงานต่างด้าวที่ยังไม่ได้พิสูจน์สัญชาติกว่า 3 แสนคนที่ต้องกลับประเทศต้นทาง ต้องแสดงตัวต่อด่านตรวจคนเข้าเมือง บริเวณแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอเดินทางกลับ
แรงงานต่างด้าวที่สมัครใจกลับประเทศต้นทางจะไม่ถูกจับกุม ส่วนนายจ้างที่ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ยื่นขอโควตาผ่านความร่วมมือ(เอ็มโอยู)ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน กับ กกจ.หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และนายจ้างที่ต้องการแรงงานต่างด้าวเดิมที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ ให้ยื่นคำขอพร้อมรายชื่อลูกจ้างที่ต้องการ เพื่อให้ กกจ.ประสานด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดน ประทับตราวีซ่ารับรองการเข้าประเทศไทยผ่านเอ็มโอยู
ตั้งเป้าปีหน้าดึงแรงงานต่างด้าวที่พิสูจน์สัญชาติแล้วกว่า 1.1ล้านคนเข้าระบบประกันสังคม
18 ธ.ค.-นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ได้ตั้งเป้าหมายในปี 2556 จะนำแรงงานต่างด้าวที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบประกันสังคมจำนวนกว่า 1.1ล้านคน เข้าสู่ระบบประกันสังคมให้ได้ทั้งหมด เพื่อจัดระบบแรงงานต่างด้าวให้ได้รับการคุ้มครองด้านสวัสดิการและคุณภาพชีวิต อีกทั้งเป็นทางหนึ่งในการป้องกันการค้ามนุษย์ ทั้งนี้จะเร่งให้กรมการจัดหางาน(กกจ.)และสำนักงานประกันสังคม(สปส.)เร่งดำเนินการ
ด้านนายอารักษ์ พรหมณี รองเลขาธิการ สปส. กล่าวว่าจากข้อมูลวันที่ 31 ตุลาคม 2555 มีแรงงานต่างด้าวที่พิสูจน์สัญชาติแล้วเข้าสู่ระบบประกันสังคม 231,201 คน
เปิดโครงการยกระดับการศึกษาประชาชน ม.6 ใน 8 เดือน อย่างมีคุณภาพ
20 ธ.ค.-นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในการเปิดโครงการยกระดับการศึกษาประชาชนให้สามารถเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภายใน 8 เดือนอย่างมีคุณภาพที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการโดย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนที่พลาดโอกาสทางการศึกษา ได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ
กรมศิลปากร เตรียมส่งหนังสือถึงศาลฎีกา พิจารณาชะลอการรื้อถอนอาคารศาลยุติธรรม และศาลอาญากรุงเทพใต้
20 ธ.ค.-นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าศาลฎีกาจะรื้อถอนอาคารศาลยุติธรรม และศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งทั้ง 2 อาคาร เป็นโบราณสถานมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ด้านการพัฒนากฎหมาย ซึ่งกรมศิลปากรเคยทำหนังสือแจ้งให้ศาลฎีกาทราบแล้วว่าไม่ควรรื้อถอน เนื่องจากเป็นโบราณสถาน ขณะนี้กรมศิลปากร กำลังเร่งรวบรวมข้อมูล และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักโบราณคดี ลงพื้นที่ถ่ายรูปและเก็บข้อมูลมารายงานให้ทราบโดยเร็ว จากนี้จะทำหนังสือแจ้งศาลฎีกาอีกครั้งว่า อาคารทั้ง 2 หลังเป็นโบราณสถานควรเก็บรักษาไว้
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ประชาสัมพันธ์การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในรูปแบบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
20 ธ.ค.-นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าได้เตรียมส่งเสริมความรู้เตรียมพร้อมการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ผ่านภาพยนตร์เรื่อง “2015 อุบัติรัก ลิขิตชีวิต” (2015 accidentally not) มีเนื้อหาสื่อให้เห็นความพร้อมในปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทย ที่เหมาะสมจะเป็นตลาดและฐานการผลิต การขนส่ง การบริการ การลงทุน และแรงงานฝีมือ โดยจะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้เผยแพร่ในการจัดงานสัมมนาทั่วประเทศ และผลิตให้หน่วยงานภาครัฐ อบจ.และ อบต. ทั่วประเทศ เผยแพร่ถึงประชาชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษา เผยแพร่ให้เด็กไทยทั่วประเทศ
การจัดทำสื่อภาพยนตร์ใช้รูปแบบบันเทิง โดยนักแสดงชื่อดัง เพื่อสร้างการจดจำ ง่ายต่อความเข้าใจและใช้ประโยชน์
กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเปิดจดทะเบียนสิทธิในตำรับยาและตำราของหมอพื้นบ้านกว่า 50,000 คน เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
20 ธ.ค.-นายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้นำการแพทย์แผนไทย ยาสมุนไพรไทย มาใช้ในระบบบริการสุขภาพ พัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางบริการการแพทย์นานาชาติ (เมดิคัลฮับ) ซึ่งประเทศไทยมีหมอพื้นบ้านประมาณ 50,000 คนทั่วประเทศ มีองค์ความรู้ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ และเพื่อรักษาภูมิปัญญาไม่ให้ต่างชาติอ้างสิทธิครอบครอง ในปีงบประมาณ 2556 กระทรวงสาธารณสุขจะจดทะเบียนสิทธิในภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ให้แล้วเสร็จก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประคมอาเซียน
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปรับปรุงรูปแบบสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลให้เท่าเทียมกัน
19 ธ.ค.-นายประดิษฐ สินธวณรงค ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงปัญหาที่ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีสิทธิการรักษาพยาบาลไม่เหมือนข้าราชการสังกัดสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) จึงต้องการปรับระบบรักษาพยาบาลใหม่ด้วยการตั้งกองทุนรวม อปท.ทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง หักเงินสนันสนุนรายปีร้อยละ 1 ของงบประมาณที่กระทรวงมหาดไทยจัดสรรให้ หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท เข้ามายังกองทุนที่ตั้งขึ้นใหม่ รวมตัวซื้อบริการรักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายครอบคลุมทุกโรค ให้กองทุนเป็นผู้จ่ายตรงไม่ต้องให้ข้าราชการ อปท. สำรองเงินจ่ายเอง
ด้านนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า รูปแบบบริการที่ อปท.ต้องการคือไม่ต้องสำรองเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง และต้องการใช้แยกงบประมาณชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบค่าตอบแทนและการบริหารจัดการอื่น ๆ ซึ่งจะเร่งกำหนดรายละเอียดรูปแบบบริการที่เหมาะสมที่สุด ภายในเดือน มกราคม 2556
กระทรวงสาธารณสุข แนะผู้สูบบุหรี่และดื่มเหล้าประจำ ควรพบทันตแพทย์คัดกรองหารอยโรคมะเร็งช่องปาก
20 ธ.ค.-นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงมะเร็งช่องปากซึ่งเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของมะเร็งที่พบในคนไทยมากที่สุด จึงขอให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอายุ 40 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า กินหมาก เป็นประจำ หากมีแผลเรื้อรังในช่องปากที่เป็นแล้วไม่หายใน 2 สัปดาห์ มีแผ่นฝ้าสีขาวถูไม่ออกหรือแผ่นฝ้าสีแดง มีก้อนที่ปากหรือคอ ขอบลิ้น หรือขอบริมฝีปากลักษณะแข็งเป็นไต เจ็บคอเรื้อรัง เสียงแหบ กลืนลำบาก หรือมีอาการแสบที่ลิ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา หรือหากไม่มีรอยโรคควรพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี
สนช.ร่วมกับ NEDO สร้างโรงงานต้นแบบผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลัง
17 ธ.ค.-นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ สนช. กล่าวว่าได้ร่วมมือกับ องค์กรพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมญี่ปุ่น(NEDO)ในโครงการสาธิตผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังในประเทศไทย เพื่อขยายผลสู่การสร้างธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานในอนาคต จากการศึกษาพบว่าประเทศไทยมีความพร้อมทั้งด้านภูมิศาสตร์และวัตถุดิบ เนื่องจากมีโรงงานผลิตแป้งมันกว่า 78 แห่ง และมีกากมันสำปะหลังที่สามารถนำมาผลิตเอทานอลได้กว่า 5 ล้านตันต่อปี รวมทั้งเอทานอลที่ผลิตจากกากมันสำปะหลังมีต้นทุนต่ำ
ด้าน ดร.ซาดาอุ วาซะกะ กรรมการบริหารระดับสูงของ NEDO กล่าวว่า มีการนำเทคโนโลยีการหมัก ซึ่งใช้ยีสต์ที่ทนต่อความร้อน วิจัยและพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นระหว่างปี 2007-2010 มาใช้ ซึ่งนอกจากช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ยังเป็นพลังงานทดแทนทางเลือกในอนาคต
โครงการฯ นี้ NEDO จะสนับสนุนการสร้างโรงงานต้นแบบขนาดกำลังผลิต 800 ลิตรต่อครั้ง เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์มูลค่าประมาณ 276 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี สำหรับโรงงานนำร่องต้นแบบ คือ บริษัทเอี่ยมบูรพา จำกัด
iTAP ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สนับสนุนโครงการ เปลี่ยนขยะเป็นทอง
18 ธ.ค.-นางสุวิภา วรรณสาธพ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี ด้านพัฒนาธุรกิจ (TMC) เปิดเผยว่า โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ภายใต้ TMC สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สนับสนุนผู้ประกอบการไทยผ่านโครงการเปลี่ยนขยะเป็นทอง เน้นแนวคิดการออกแบบวัสดุเหลือใช้แปรเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นสวย เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ใช้เป็นจุดขายในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม และการสร้างสรรค์นวัตกรรม
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิงห์ อินทรชูโต จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นแนวคิดว่า มาจากความต้องการที่ iTAP และตนเองตระหนักว่า ในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม มีเศษวัสดุเหลือทิ้งปริมาณมาก ทั้งที่เป็นของที่ต้องซื้อหามา แต่ยังใช้ไม่ทันคุ้มค่าก็ทิ้งไป โครงการนี้นอกจากจะช่วยลดของเสียแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มจากของที่มีอยู่
วว. ตั้งเป้าปี 2556 จะเน้นผลักดันงานด้านพลังงานชีวะ และงานวิจัยรองรับผู้สูงอายุ
18 ธ.ค.-นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สรุปผลงานเด่นประจำปี 2555 ว่า ได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ รวมทั้งให้บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่อุตสาหกรรม ที่มีคุณภาพทัดเทียมต่างประเทศ ช่วยลดการนำเข้าและเพิ่มมูลค่าภายในประเทศ อาทิ บล็อกประสาน วว. เครื่องผลิตน้ำดื่มฉุกเฉินในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์แปรรูปเงาะครบวงจร และผลิตภัณฑ์เฝือกอ่อนย่อยสลายได้ เป็นต้น
ส่วนในปี 2556 ตั้งเป้าผลักดันงานด้านพลังงานชีวมวล เพื่อนำสิ่งที่เหลือใช้มาใช้เป็นพลังงานทดแทนในอนาคต รวมถึงพัฒนางานวิจัยสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพร้อมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น เพื่อสอดคล้องกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เตรียมนำผลงานที่ได้รับรางวัลจากงาน โซล อินเตอร์เนชั่นแนล อินวิเตชั่น แฟร์ 2012 ต่อยอดเชิงธุรกิจ
19 ธ.ค.-นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า วช. ได้ส่งเสริมนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยนำผลงานเข้าร่วมประกวดในงานโซล อินเตอร์เนชั่นแนล อินวิเตชั่น แฟร์ 2012" ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม ซึ่งผลงานดังกล่าวได้รับรางวัลเกียรติยศ ถึง 4 รางวัล เป็นประเภทผลงานกำจัดคราบเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้แอพพลิเคชั่นจากโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบข้อมูลที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์จากสิ่งต่างๆ การใช้พลังงานน้ำสร้างเปลวเพลิงแบบพลาสมา และผลงานเพื่อผู้พิการทางการได้ยิน ที่ดัดแปลงการส่งเสียงให้ออกมาเป็นรูปแบบไฟฟ้าและแสง นอกจากนี้ยังมีผลงานที่ได้รับเหรียญทองกว่า 20 รางวัล โดย วช.จะส่งเสริมผลงานวิจัยดังกล่าวในเชิงพาณิชย์ และในวันที่ 2-5 กุมภาพันธ์ 2556 .จะนำผลงานวิจัยจัดแสดงที่อิมแพคเมืองทองธานี
ภูมิภาค
ศอ.บต.และ กฟภ. ใช้งบกว่า 25 ล้านบาท นำแสงสว่างให้ชาวบ้านเหมืองลาบู จ.ยะลา หลังรอคอยนานกว่าหนึ่งร้อยปี
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่บ้านเหมืองลาบู ม.8 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานในพิธีปักเสาไฟฟ้าต้นแรกของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)เพื่อให้ชาวบ้านมีไฟฟ้าใช้เป็นครั้งแรกในรอบร้อยปี ใน 6 เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้า
เหมืองลาบูอยู่ในหุบเขา ติดชายแดนรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้ และแร่ดีบุก ห่างจาก จ.ยะลา 60 กิโลเมตร มี 230 หลังคาเรือน ประชากร 439 คน ในอดีตเคย มีกิจการทำเหมืองแร่ระหว่างปี 2426 ถึง 2535 ที่สำคัญตราประจำจังหวัดยะลา ที่มีภาพคนหาบเร่ เหมืองแร่ และภูเขา จำลองมาจากที่แห่งนี้
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ชาวบ้านเหมืองลาบู ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำมันมาปั่นเครื่องไฟ ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท กฟภ. จ.ยะลาไม่สามารถขยายเขตไฟฟ้า เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ชาวบ้านได้ร้องขอต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.ยะลา ในปี 2550 และ ศอ.บต.สนับสนุนการขยายเขตไฟฟ้าเป็นเงิน 16,149,655 บาท ส่วน กฟภ.จัดสรรงบประมาณ 9,800,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 25,949,655 บาท พร้อมทั้งประสานกรมป่าไม้อนุมัติให้ กฟภ.เข้าดำเนินการ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ถ้าประชาชนในพื้นที่บ้านเหมืองลาบูมีไฟฟ้าใช้ เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลง และต่อไปจะพัฒนาด้านการศึกษา การสื่อสาร สถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ต่อไปในอนาคต การปักเสาไฟฟ้าคาดว่าจะใช้เวลานานถึง 1 ปี เนื่องจากพื้นที่เป็นหุบเขา
สาธารณภัย
ปภ.ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว)แล้ว 4 จังหวัด
21 ธ.ค.-นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย รวม 36 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ จำนวน1,586,047 คน ปภ.ได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในเชิงรุกโดยเร่งด่วน พร้อมกำชับให้แจกจ่ายเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้ทั่วถึง รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนให้ดูแลรักษาสุขภาพ ระมัดระวังอันตรายที่มักเกิดในช่วงฤดูหนาวเป็นพิเศษ
สำหรับ ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ดังนั้น ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงไปมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 20-25 ธันวาคมนี้
ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง ได้มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ฝนทิ้งช่วง/ภัยแล้ง) 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ สกลนคร อุดรธานี บึงกาฬ มุกดาหาร หนองคาย หนองบัวลำภู มหาสารคาม ยโสธร อำนาจเจริญ นครพนม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ ศรีสะเกษ ขอนแก่น บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุโขทัย พิษณุโลก อุบลราชธานี นครสวรรค์ และจังหวัดสุรินทร์
ทั้งนี้ ปภ. ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยหนาว ที่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และพืชผลทางการเกษตรของเกษตรกร โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฎิบัติงานติดตามตรวจสอบสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ในระยะ 4-5 วันนี้
กองทัพภาคที่ 3 จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน
20 ธ.ค.-กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 3 มอบหมายให้กองทัพน้อยที่ 3 จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน ที่กองบัญชาการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติภารกิจตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2555 – 30 เมษายน 2556 รวม 136 วัน ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่มักเกิดปัญหาหมอกควันไฟป่าขึ้นทุกปี ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูนและลำปาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ กองบัญชาการดังกล่าวมีหน้าที่ควบคุม อำนวยการ สั่งการและประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันขึ้น โดยกองทัพน้อยที่ 3 ได้จัดฝ่ายเสนาธิการสนับสนุนการปฏิบัติงานประจำวัน จัดชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 14 ชุด ชุดปฏิบัติการละ 5 นาย ออกลาดตระเวนควบคุมเดือนละ 20 วัน ตั้งแต่เดือนมกราคม -เมษายน 2556 
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น