วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เมื่อทักษิณ 'เดิมพัน' ด้วยประชามติ เปลว สีเงิน 15 December 2555 - 00:00 ข่าวไทยโฟสต์



เมื่อทักษิณ 'เดิมพัน' ด้วยประชามติ




"เสือฝ้าย" ตายไปแล้ว "ก็ถึงคราวเสือแม้ว" ต้องสั่งสมุนถอยบ้าง เพราะประเมินสถานการณ์ "ขาลง" ของรัฐบาลเพื่อไทย และทดสอบความมั่นคงของ "กำแพงศาล" แล้ว "เลี่ยงหักหาญ" จะเป็นประโยชน์ต่อการณ์ใหญ่ข้างหน้า มากกว่าจะใช้กำลัง ส.ส.ในสภาฯ และกำลังโจรนอกสภาฯ "หักดิบ" โหวตวาระ ๓ ฉีกรัฐธรรมนูญ ตั้ง ส.ส.ร.เขียนใหม่ ดังนั้น เมื่อวาน (๑๔ ธ.ค.๕๕) ๔ พรรคร่วมรัฐบาลจึงออกเป็นมติว่า.........
    ยังไม่โหวตวาระ ๓ พร้อมเดินตามศาลรัฐธรรมนูญแนะ คือยอมจัดทำ "ประชามติ" ถามประชาชนก่อนว่า จะให้แก้ หรือไม่ให้แก้?
    เสียงส่วนใหญ่จากการลงประชามติว่าอย่างไร ก็ค่อยว่ากันไปตามนั้น ไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ คือฉบับปัจจุบันทิ้ง แล้วถือดีในเสียงข้างมากตั้งส.ส.ร.เขียนใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรระบอบทักษิณ 
    ก็คงได้ลงประชามติกันภายใน ๓ เดือนข้างหน้านี้แหละ ประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ใครมีปฏิทินปีหน้าติดตัว-ติดบ้านตอนนี้ ผมอยากให้เอาปากกาหรือดินสอไปวงๆ หรือกากบาทแดงๆไว้ ก็ไม่ใช่กาวันลงประชามติ ที่ให้กาก็เพราะว่า 
    เดือนมีนา คนไทยอาจเห็น "ปูพลัดรู"!?
    แล้วค่อยคุยกันวันหลัง วันนี้ทำความเข้าใจเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก่อน ผมเคยบอกว่าหลังวันที่ ๑๐ ธันวาคมเป็นต้นไป กระบวนการกฎหมายจะเดินหน้า เดินอย่างกระฉับกระเฉงเข้มแข็ง และที่สำคัญ "ตรงทิศ-ตรงทาง" ใครดี-ใครชั่ว มีคดีเนียนัวอยู่ในกระบวนการกฎหมาย
    ดีจะพ้นภัย ชั่วจะไปคุก!
    ดังนั้น ใครจะเคลื่อนไหวอย่างใด อยากเคลื่อนก็เคลื่อนเถอะ แต่บอกไว้อย่าง อย่านอกกรอบ-นอกทางกฎหมาย ถ้านอก...ก็ต้องทำใจ ยอมหัวแตกรักษาทางกฎหมายวันนี้ไว้ ดีกว่าไปถูกตีตรวนวันหน้า ด้วยพลาดท่าผิดในทางกฎหมาย
    ต้องเข้าใจนะครับ ไม่ว่าสีไหนๆ ต่อให้ยกพลฆ่าแกงเปลืองพริก-เปลืองมะเขือกันขนาดไหน จะไม่มีใครชนะใครในแนวรบริมถนน จนสุดท้าย "ถึงศาล" นั่นแหละถึงจะรู้อันเป็นที่ยุติว่า...ใครชนะใคร?
    "อำนาจกฎหมาย" ต้อง "ครองบ้าน-ครองเมือง" ครับ ไม่ใช่ "อำนาจนอกกฎหมาย" ที่ใครมีมากกว่าใคร ก็พากันไปยึดนั่น-เผานี่ แล้วทึกทัก...พวกกูเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!
    ผมจะตีความรหัสลับจากมติ ๕ ข้อของพรรคร่วมรัฐบาล "เพื่อไทย-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนา-พลังชล" ที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแถลงเมื่อวานให้ทราบกัน
    ๑.เมื่อทำประชามติครั้งนี้แล้ว ผลออกมาอย่างไร ในนาม ๔ พรรคร่วมให้เป็นที่ยุติตามนั้น สมาชิกรัฐสภาหรือประชาชนจะอ้างโน่น-อ้างนี่ ยื่น ๕ หมื่นรายชื่อมาขอให้ทำใหม่ ทำนั่น-ทำนี่ อ้างประชาธิปไตยตามใจกูอีก รัฐบาลนี้ไม่เล่นด้วยแล้ว
    ๒.สาระที่ประชาชนควรพิจารณาเพื่อตัดสินใจในการลงประชามติว่าจะให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หรือไม่ต้องการให้แก้ ก็อยู่ตรงที่..... 
    ฝ่ายรัฐบาลทักษิณ เขาจะแก้โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า ส.ส.ร.ขึ้นมา เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนจะแก้กันมาตราไหนบ้าง เจตนาแห่งเนื้อหาที่จะแก้กัน แก้ไปทางทิศทางไหน เขาไม่บอก-ไม่แจ้ง อะไรเลย
    บอกเพียงว่า จะไม่แก้ในเรื่องรูปแบบของรัฐ รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์เท่านั้น
    คือหมายความว่า นอกจาก ๒-๓ หมวดนี้แล้ว อีก ๑๐ กว่าหมวด ส.ส.ร.แก้ได้หมดทุกอย่าง จะให้มี-ไม่มีตามที่เคยขู่ๆ ไว้ เป็นไปได้ทั้งนั้น 
    ทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เช่น กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ป.ป.ช. สตง. ทั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น กรรมการสิทธิมนุษยชน ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม ศาลทหาร หรือจะให้ ส.ส.ร.เขียนรวบอำนาจทั้ง ๓ สถาบันรวมศูนย์ อย่างที่ให้นายอุกฤษศึกษาทำไว้ 
    ถ้ายอมให้แก้ ตั้ง ส.ส.ร.แก้ได้หมด!
    กระทั่งหมวดแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐ หมวดรัฐสภา หมวดคณะรัฐมนตรี สามารถแก้กฎ แก้กติกา แก้คุณสมบัติ เปิดทางสืบทอดสู่ "นายกฯ ตระกูลชิน-ตระกูลดามาพงศ์" โดยไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้ 
    กระทั่งมาตรา ๓๐๙ ในบทเฉพาะกาล...ตัดทิ้งไปเลย! 
    เป็นการ "เปิดยันต์ปิดผาหม้อ" แม่นาคพระโขนง "ปล่อยผีทักษิณ" พ้นผิด-พ้นโทษทั้งปวง เพราะจะไม่มีกฎหมายฉบับไหนๆ เหลือให้ทักษิณต้องผิดอีกแล้ว!
    ผมชอบใจโวหารดอกเตอร์ทางกฎหมายเพื่อนเลิฟผม "ทักษิณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพียงแต่ทักษิณทำในสิ่งที่กฎหมายไม่อนุญาต" แปลภาษาไทยเป็นภาษาควายคือ "ทักษิณไม่เคยทำอะไรผิด กฎหมายต่างหากไปเขียนในสิ่งที่ทักษิณทำว่าผิดเอง"!
    นี่...จะให้ลงประชามติกันด้วยเนื้อหาแบบนี้ จะเอาหรือไม่เอา ถ้าลงประชามติแล้วเสียงส่วนใหญ่ออกมาว่าเอาแบบนี้ เอาแบบให้ตั้ง ส.ส.ร.เขียนใหม่ "ตาม-ใจ-แม้ว" 
    ก็ลงคะแนน "ให้แก้รัฐธรรมนูญได้"!
    รัฐบาลเขาก็จะตั้ง ส.ส.ร.แก้ไปในแนวทางอย่างที่ว่านี่ เพียงยกจากรัฐธรรมนูญเดิมมาตัดแปะไว้เป็นเชื้อ ๒-๓ หมวดแค่นั้น นอกนั้น เนื้อหาจะเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรระบอบทักษิณล้วนๆ
    แต่ถ้าเสียงส่วนใหญ่ลงคะแนน "ไม่เอา" คือไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องยุติการแก้ในแนวทางตั้ง ส.ส.ร.! 
    นั่นรัฐบาลก็ยังจะไปแก้ในแนวที่ศาลรัฐธรรมนูญแนะไว้ต่อได้ คือให้ "ส.ส.-ส.ว." แก้ไขกันเองในระบบรัฐสภา โดยยกร่างแต่ละมาตราว่าจะแก้กันมาตราไหน เป็นแบบไหน อย่างไร ไม่ต้องมี ส.ส.ร.ทำหน้าที่ผีโม่แป้ง
    แล้วรัฐสภาโหวตเป็นรายมาตรา เสียงส่วนใหญ่ให้แก้มาตราไหนก็เป็นไปตามนั้น ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่ให้แก้ ไม่ให้ผ่านมาตราไหน ก็คงมาตรานั้นๆ ไว้ตามเดิม
    นี่คือแนวทางตามมติ ๔ พรรคร่วมที่ผมถอดรหัส "ภาษาการเมือง" จากข้อที่ ๒ ที่เขาแถลงชนิดไม่ต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจมาให้เข้าใจกัน 
    มาดูอีก ๓ ข้อของแถลงการณ์ ดูๆ แล้วไม่ใช่สาระหลัก เป็นการย้ำเพื่อความมั่นใจตามประสาของรัฐบาลที่ไวต์ลาย จนพูดอะไรชาวบ้าน-ชาวช่องเขาก็ไม่ค่อยไว้อก-ไว้ใจ เอ้า...อ่านดู    ๓.รัฐบาลควรสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง สถาบันการศึกษา องค์กรประชาธิปไตย และองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการรณรงค์ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงเหตุผลการทำประชามติ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความชอบธรรมและเป็นประชาธิปไตย
    แปลความกันง่ายๆ ก่อนให้ กกต.ไปจัดทำประชามติ ก็ให้คนในแวดวงได้มีส่วนร่วม "ในงบ" ซักร้อย-สองร้อยล้านไปจัดทำวงน้ำจิ้ม "สานเสวนา" ให้ชาวบ้านเข้าใจกันก่อนหย่อนบัตรประชามติ 
    ๔.การจัดทำประชามติครั้งนี้ เป็นไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งคัดค้านทั้งปวง เป็นความปรารถนาดีให้สังคมไทยมีทางออกอย่างละมุนละม่อม ไม่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งต่อไป ดังนั้นไม่ว่าผลของประชามติจะออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายต้องถือเป็นข้อยุติ และไม่มีกรณีที่จะอ้างประโยชน์หรือกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งให้ต้องรับผิดชอบในผลแห่งประชามติ 
    ๕.ไม่ว่าผลแห่งประชามติจะออกมาทางใด ทุกฝ่ายต้องยอมรับว่า รัฐสภาทรงไว้ซึ่งอำนาจที่จะแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่สอดคล้องต่อหลักนิติธรรมได้ตลอดไป
    ตรงนี้แปลความง่ายๆ ก็คือ จะอย่างไรก็แล้วแต่ รัฐสภาโดยรัฐบาลระบอบทักษิณ "ขอสงวนสิทธิ์" ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากแก้เมื่อไหร่-อย่างไร พวกกูก็จะแก้เอาใหม่ได้อีก!
    ครับ..ยังมีอีกประเด็นที่ควรต้องเข้าใจควบคู่กันไปแต่ต้น การจัดทำประชามตินี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๕ ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ๒๕๕๒ มาตรา ๙ สาระหลักที่ควรเข้าใจคือ 
    ๑.ก่อนลงประชามติ รัฐบาลต้องให้ข้อมูลกับประชาชนทั่วถึง 
    ๒.คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ไปออกเสียงประชามติ ขณะนี้มี ๔๖ ล้านคน
    ๓.ใช้เสียงข้างมาก "เกินกึ่งหนึ่ง" ว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเป็นเกณฑ์ชี้ขาด กับการตั้งส.ส.ร.ขึ้นมาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ 
    ๔.นั่นคือบนฐาน ๔๖ ล้านคน กึ่งหนึ่งเท่ากับ ๒๓ ล้านคน ฉะนั้น ถ้าเสียงเกิน ๒๓ ล้านเสียงว่าให้แก้ รัฐบาลก็ตั้ง ส.ส.ร.เขียนรัฐธรรมนูญระบอบทักษิณได้ แต่ถ้าไม่เกิน หมายถึงเสียงที่ไม่ต้องการให้แก้แบบตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาร่างใหม่ทั้งฉบับ มีมากกว่า ๒๓ ล้านเสียง
    รัฐบาลจะแก้โดยตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาเขียนใหม่ไม่ได้! 
    นอกจากกลับไปแก้ตามรัฐธรรมนูญกำหนด คือแก้โดยรัฐสภา แบบเรียงมาตรา อยากแก้มาตราไหนก็ร่างมาให้เห็นกันในสภาฯ อย่างที่จะให้ ส.ส.ร.ไปชงสำเร็จแล้วมาบังคับให้ดื่ม-ให้แดกกันแบบมัดมือชก อย่างนั้นไม่ได้...ไม่เอา!
    แล้วแบบนี้ รัฐบาลเพื่อทักษิณจะชนะมั้ย รัฐธรรมนูญฉบับ "ตาม-ใจ-แม้ว" จะเกิดมั้ย อดใจรอภาค ๒ ครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น